'พิษณุ-สุเทพ' รับมอบงานองค์การค้าของ สกสค.

ที่โรงพิมพ์องค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) มีพิธีรับมอบงานในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค.ระหว่าง ดร.พิษณุ ตุลสุข รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ปฏิบัติหน้าที่ผอ.องค์การค้าฯ คนใหม่ และดร.สุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) อดีตปฏิบัติหน้าที่ผอ.องค์การค้าฯ โดยมีผู้บริหาร สกสค.และผู้บริหารองค์การค้าฯ เข้าร่วม โดย  ดร.สุเทพ กล่าวว่า ได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ผอ.องค์การค้าฯ มาแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา  1 ปี 10 เดือน ได้พยายามทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ที่ผ่านมาภาพลักษณ์ขององค์การค้าฯ ยังถูกมองในเชิงลบเป็นหน่วยงานที่มีการทุจริต แต่จากที่ได้มาทำงานทำให้เข้าใจมากขึ้นและพบว่าองค์การค้าฯ ก็มีการปฏิบัติการตามระเบียบถูกต้อง เพียงแต่อาจจะไม่ใช่ตามระเบียบราชการด้วยเป็นองค์กรที่ต้องบริหารงานในเชิงธุรกิจ ระเบียบต่างๆจึงต้องมีความยืดหยุ่นเพื่อเอื้อต่อการทำงาน

“ภาพลักษณ์ขององค์การค้าฯ ยังเป็นจุดอ่อนที่ต้องเร่งแก้ไข เช่นเดียวกับการพัฒนาบุคลากร ที่ยังขาดการเติมเต็มความรู้ และพัฒนาให้เท่าทันกับเทคโนโลยีหรือการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ และไม่มีการสร้างบุคลากรรุ่นใหม่เข้ามาเติมเต็มการทำงาน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาได้เข้ามาจัดการปัญหาเรื่องของบุคลากร ทั้งการลงโทษผู้กระทำความผิด และบริหารให้องค์กรมีบุคลากรในจำนวนที่เหมาะสมจนเหลือประมาณ 1,900 คนจากในอดีต 2,500 คน และช่วยลดภาวะการขาดทุนไปได้กว่า 100 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ผมรู้จัก ดร.พิษณุและทีมงานมานาน โดยเฉพาะดร.พิษณุ รู้จักไม่น้อยกว่า 30 ปีมีความคุ้นเคยกันอย่างดี เป็นคนตั้งใจทำงาน เป็นนักสู้ที่กล้าคิด อยู่แนวหน้าต่อสู้เพื่อการศึกษามาตลอด เป็นทั้งสายบู๊ สายบุ๋น และเป็นคนมือสะอาด ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าจะทำให้องค์การค้าฯพัฒนาและผ่านพ้นปัญหาต่างๆได้”ดร.สุเทพ กล่าว

ดร.พิษณุ กล่าวว่า ครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนงานอีกครั้งในชีวิต จากเดิมที่คลุกคลีแต่งานการศึกษา ซึ่งจากนี้เหลืออายุราชการประมาณ 7 เดือนก็จะทำอย่างเต็มที่ และพร้อมสานต่องานที่ ดร.สุเทพ ได้ทำไว้  ทั้งนี้ หัวใจการทำงานที่ขอฝากกับทุกคน คือ ขอให้เชื่อฟังในฐานะผู้บังคับบัญชา เพราะหากไม่เชื่อไม่ฟังก็จะทำงานกันไม่ได้ รวมถึงให้เกียรติกันและกัน นอกจากนี้ ในฐานะผอ.องค์การค้าฯ ก็จะสร้างความรักและความศรัทธาต่อทุกคนในองค์กร โดยใช้ใจแลกใจ และพร้อมรับฟังความคิดเห็นของทุกคน ดังนั้น ขอให้ทุกคนมีความซื่อสัตย์ มุ่งมั่น รักองค์กร และร่วมกันทำงานเพื่อให้องค์การค้าฯ อยู่รอด

"ผมรู้ตัวล่วงหน้ามา 1 เดือนว่าต้องมาทำหน้าที่นี้ เวลานี้องค์การค้าฯ อยู่ในสภาวะปัญหาค่อนข้างหนัก โดยเฉพาะปัญหาหนี้สิน ที่มีอยู่ประมาณ 6 พันล้านบาท และต้องจ่ายดอกเบี้ย 30 ล้านบาทต่อเดือน นอกจากนี้ ยังมีหนี้ที่ค้างจ่ายค่าตอบแทนพนักงานตามคำสั่งศาลอีก 1,200 ล้านบาท ซึ่งจะเร่งเจรจาหาสถาบันการเงินเพื่อหาเงินมาจ่ายพนักงานด้วย ซึ่งคำนวณคร่าวๆพบว่า องค์การค้าฯต้องมีเงินหมุนเวียนในธุรกิจให้ได้ 1 พันล้านต่อเดือนจึงจะอยู่รอด ดังนั้น ผมอยากขอฝากทุกคนขอให้ช่วยกันทุ่มเททำงาน เพราะถ้าเราไม่ร่วมมือกันยังทำแบบเดิมๆ แทนที่จะรอดเรือเราก็จะค่อยๆจมลงไป"ดร.พิษณุ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กลุ่มธุรกิจเอกชน ซึ่งเป็นศูนย์กระจายสินค้าระดับจังหวัดชององค์การค้าฯ ได้เริ่มมาพูดคุยเพื่อหารือแนวทางเพิ่มโอกาสทางธุรกิจบ้างแล้ว และคาดว่าภายใน 4 เดือนจะสามารถวางระบบและยุทธศาสตร์การทำงานขององค์การค้าฯ ได้สำเร็จ