‘เจดับเบิ้ลยูดี’ มั่นใจปี 60 รายได้ฟื้น

‘เจดับเบิ้ลยูดี’ มั่นใจปี 60 รายได้ฟื้น

"เจดับเบิ้ลยูดี' มั่นใจปีนี้ "รายได้ฟื้น" อานิสงส์ความต้องการกลุ่มคลังสินค้าเพิ่ม-ปลอดค่าใช้จ่ายพิเศษ เดินหน้าออกกองรีท 1.5 พันล้าน

เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ คาดปีนี้รายได้แตะ 2.5 พันล้าน หรือโต 7% อานิสงส์ธุรกิจประมงฟื้นดันความต้องการใช้ห้องเย็นเพิ่ม ขณะที่กลุ่มศูนย์กระจายสินค้าเคมีความต้องการใช้งานต่อเนื่อง คาดตั้งกองรีทภายในสิ้นปี ระดมเงินทุนซื้อธุรกิจเกี่ยวเนื่อง

นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหาร และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) JWD เปิดเผยว่า แนวโน้มของผลการดำเนินงานในปี 2560 มีทิศทางที่ฟื้นตัวขึ้นจากปีก่อน มาจากการฟื้นตัวของในทุกกลุ่มโดยเฉพาะในกลุ่มห้องเย็นจากความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้รวมในปีนี้น่าจะขยายตัวจากปีก่อนได้ 7% หรือที่ระดับ 2,400-2,500 ล้านบาท 

“ภาพรวมธุรกิจมีความฟื้นตัวชัดเจน โดยเฉพาะในธุรกิจห้องเย็นที่ปีก่อนได้รับผลกระทบจากปัญหาประมงชะลอตัว แต่ในปีนี้เริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ โดยปัจจุบันปริมาณของแช่แข็งอาหารทะเลอยู่ที่ 2.5-2.5 หมื่นตันเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 1.6 หมื่นตัน และในช่วงที่เหลือของปีนี้น่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง”

ส่วนปัญหาการถูกจัดเก็บค่าธรรมเนียมย้อนจากการให้บริการศูนย์กระจายสินค้าเคมีภัณฑ์ในพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง ให้กับ การท่าเรือแห่งประเทศไทย จนทำให้เกิดการขาดทุนในไตรมาสที่ 3 นั้น เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว หลังจากแก้ปัญหาดังกล่าวแล้วพบว่ามีผู้เข้ามาใช้บริการศูนย์กระจายสินค้าเคมีภัณฑ์มากขึ้น ปัจจุบันมีอัตราการใช้งานอยู่ที่  40-50% อยู่ในระดับที่สามารถทำกำไรได้ และในปีนี้คาดว่าจะสามารถผลักดันอัตราการใช้งานให้อยู่ที่ 60-70% 

สำหรับการขยายธุรกิจในต่างประเทศยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศกัมพูชา จากความต้องการใช้ห้องเย็นที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการใช้ห้องเย็นอยู่ในระดับ 60-70% อยู่ในระดับที่สูงส่วนการเติบโตในประเทศลาว พม่า ยังมีทิศทางที่ดีเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนจะเข้าซื้อกิจการที่เกี่ยวเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ ยอมรับว่ามีการเจรจาอยู่หลายราย คาดหวังว่าจะมีการเจรจาได้สำเร็จในปีนี้ ทั้งนี้บริษัทมีความพร้อมที่จะเข้าซื้อกิจการ โดยมีเงินทุนรองรับกว่า 4,000-5,000 ล้านบาท จะมาจากวงเงินการออกตราสารหนี้ที่บริษัทสามารถระดมทุนได้ประมาณ 2,500 ล้านบาท ซึ่งการระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้บริษัทมีต้นทุนการเงินที่ต่ำกว่าในอดีต

ส่วนการออกกองทรัสต์ที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (รีท) ประมาณ 1,500 ล้านบาท โดยความคืบหน้าคาดว่า บริษัทจะสามารถตั้งกองรีทและขายทรัพย์สินได้ภายในสิ้นปีนี้