ลุ้น 'จัสมิน' ปันผลพิเศษ 'พิชญ์' จ่อรับเงินก้อนโต

ลุ้น 'จัสมิน' ปันผลพิเศษ 'พิชญ์' จ่อรับเงินก้อนโต

นักวิเคราะห์คาด "จัสมิน" ปันผลพิเศษ หลังขายสินทรัพย์เข้ากองทุน JASIF ระบุ “พิชญ์ โพธารามิก” จ่อรับเงินก้อนโต

หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) JAS ได้อนุมัติและเตรียมเสนอเข้าที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น สำหรับการจำหน่ายทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสงส่วนเพิ่ม จำนวนไม่เกิน 9.8 แสนคอร์กิโลเมตร ของบริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) TTTBB ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ให้แก่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) โดยคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 5- 7 หมื่นล้านบาท จัดเป็นรายการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ ประเภทที่ 1 มีขนาดรายการสูงสุดเท่ากับ 105.05% ถึง 147.08% ตามวิธีการคำนวณตามเกณฑ์มูลค่ารวมสิ่งตอบแทนซึ่งคำนวณจากงบการเงินรวมสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2559

โดยที่ประชุมคณะกรรมการมีมติอนุมัติให้ พิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายจากนายพิชญ์ มีอำนาจในการดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้อง และกำหนด ต่อรอง หรือเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดเงื่อนไข

หลังจากนั้น TTTBB จะเช่าทรัพย์สินส่วนเพิ่มจากกองทุน JASIF เพื่อใช้ดำเนินธุรกิจต่อไป โดยเบื้องต้นจะมีระยะเวลาเช่าประมาณ 12 ปี อย่างไรก็ตามระยะเวลาเช่าสุดท้ายต้องเจรจากับกองทุนฯ ซึ่งอาจต้องเท่ากับอายุใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สามของ TTTBB ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 29 ม.ค. 2575 หรือประมาณ 15 ปีนับจากปัจจุบัน

ทั้งนี้ อัตราเช่าเริ่มต้นจะเท่ากับอัตราค่าเช่าทรัพย์สิน และปรับขึ้นตามอัตราการเปลี่ยนแปลงดัชนีผู้บริโภคแต่ไม่เกิน 3% ต่อปี โดยธุรกรรมการเช่าทรัพย์สินส่วนเพิ่มมีมูลค่าประมาณ 3.44-5.97 หมื่นล้านบาท มีขนาดรายการสูงสุดเท่ากับ 72.28-125.44%

บล.เอเซียพลัส มองว่า การที่ จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล เตรียมขายสินทรัพย์กองเข้ากองทุน JASIF รอบ 2 มูลค่าราว 5-7 หมื่นล้านบาท เบื้องต้นคาดว่าจัสมินจะเงินนำที่ได้ไปจ่ายหนี้สินที่มีอยู่ในปัจจุบันราว 1.4 หมื่นล้านบาท และอาจนำเงินส่วนหนึ่งมาจ่ายเป็นเงินปันผลพิเศษ ซึ่งอาจก่อให้เกิดกระแสเก็งกำไรราคาหุ้นขึ้นได้

ส่วนในระยะยาวภาพรวมของการดำเนินธุรกิจยังดูไม่สดใสนัก จากแนวโน้มการแข่งขันที่รุนแรงของธุรกิจอินเทอร์เน็ตที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ คือ แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) และทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ที่มีศักยภาพสูงกว่าค่อยๆ ขยายตัวและเบียดแย่งลูกค้าไป ทำให้ฝ่ายวิจัยมีโอกาสปรับลดประมาณการกำไรปกติของจัสมิน ในปี 2560-2561 จากประสิทธิภาพการทำกำไรที่แย่กว่าคาด รวมถึงภายหลังการขายทรัพย์สินเข้ากองทุนเพิ่มเติม และจัสมินกลับไปเช่าใช้งาน ซึ่งจะเพิ่มภาระค่าเช่าระยะยาวอีก 6-7 พันล้านบาทต่อปี ขณะที่การหารายได้มาชดเชยน่าจะยังทำได้ไม่ทันค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น

แต่ในมุมของผู้ถือหุ้นของจัสมินน่าจะได้รับผลบวกในระยะสั้น หากบริษัทตัดสินใจจ่ายเงินปันผลพิเศษออกมาจริง โดยเฉพาะในรายของ พิชญ์ โพธารามิก ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ในสัดส่วนถึง 4.295 พันล้านหุ้น หรือ 72.35% โดยการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนครั้งแรก มีมูลค่า 5.5 หมื่นล้านบาท หลังจากนั้นบริษัทจ่ายเงินปันผลพิเศษออกมา 1.5 บาทต่อหุ้น ส่วนครั้งนี้ผู้ถือหุ้นจะได้รับเงินปันผลพิเศษหรือไม่ และจำนวนเท่าใด คงต้องลุ้นกันต่อไป แต่ที่แน่ๆ พิชญ์ น่าจะเตรียมตัวรับทรัพย์ก้อนโตอีกครั้ง