EGCO - ซื้อ

EGCO - ซื้อ

กำไรไตรมาส 4/59 ดีกว่าตลาดคาด – คาดกลับมาเติบโตไตรมาส 1/60

เป็นไปตามที่เราคาด แต่ดีกว่าที่ตลาดคาด

EGCO รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/59 ที่ 840 ล้านบาท ลดลง 70% QoQ และ 42% YoY หากไม่รวมขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 644 ล้านบาท กำไรหลักจะอยู่ที่ 1,484 ล้านบาท – ลดลง 47% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 262% YoY ซึ่งตัวเลขกำไรหลักใกล้เคียงกับประมาณการของเราคาดไว้ที่ 1,517 ล้านบาท แต่สูงกว่าที่ตลาดประเมินที่ 1,303 ล้านบาทอยู่ 14%

ประเด็นหลักผลประกอบการ

รายได้จากการขายไฟฟ้าลดลง 9% QoQ แต่กระโดดขึ้น 70% YoY ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้รายได้ในไตรมาสนี้หดตัว คือ อุปสงค์ต่อพลังงานลดลง เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่น ขณะที่ปัจจัยหนุนรายได้เติบโต YoY ได้แก่ การเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของ KN4 (โรงไฟฟ้าขนาด 930 เมกะวัตต์ บริษัทถือ 100%) และการปรับวิธีอัตราไฟฟ้าในโรงไฟฟ้า SEG (โรงไฟฟ้า พลังงานใต้พิภพขนาด 227 เมกะวัตต์ บริษัทถือ 20%)

อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 4/59 เพิ่มขึ้นเป็น 34.3% จาก 32.0% ในไตรมาส 3/59 แต่ลดลงจาก 39.7% ในไตรมาส 4/58 ขณะที่อัตรากำไรสุทธิลดลงมาอยู่ทื่ 12.4% จาก 38.3% ในไตรมาส 3/59 และ 36.4% ในไตรมาส 4/58 อัตรากำไรสุทธิที่หดตัวในไตรมาสนั้นมีปัจจัยจากส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ลดลง รวมทั้งบริษัทขาดทุนจากอัตรา แลกเปลี่ยนมากถึง 644 ล้านบาท พลิกมาจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 324 ล้านบาท ในไตรมาส 4/58 และ 64 ล้านบาท ในไตรมาส 3/59

แนวโน้ม

หากมองไปข้างหน้า อุปสงค์ต่อไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจะช่วยหนุนกำไรไตรมาส 1/60 ให้เติบโต QoQ ในขณะที่กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นระหว่างปีจะเป็นปัจจัยหนุนกำไรเติบโต YoY

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

เรายังคงประมาณการกำไรปี 2560 ที่ 9,650 ล้านบาท

คำแนะนำ

ราคาที่น่าสนใจและแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งคือสิ่งที่นักลงทุนมองหา ซึ่ง EGCO มีคุณสมบัติทั้งสองอย่าง เนื่องจากบริษัทจะการเปิดดำเนินการ เชิงพาณิชย์โรงไฟฟ้าใหม่ขนาดรวม 322 เมกกะวัตต์ (คิดเป็น 8% ของพอร์ต) ในปี 2560 ในขณะที่โรงไฟฟ้า KN4 จะเริ่มดำเนินงานเต็มปีในปีนี้ เราเชื่อว่ารายได้ของ EGCO จะเพิ่มขึ้น มูลค่าทางบัญชี ณ ปัจุบันบ่งชี้การ ซื้อขายอยู่ที่ระดับ PBV/ROE เพียง 0.11x เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มซึ่งที่ 0.14x เท่า) เรามองว่า EGCO ควรถูกซื้อขายในมูลค่าอย่างน้อย เท่ากับ กลุ่ม เนื่องจากกำไรปี 2017 มีแนวโน้มเติบโตดีกว่ากลุ่ม (16% ขณะที่ ค่าเฉลี่ยกลุ่มอยู่ที่ 10%) เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ”