'เนอวานา'ติดปีกหลังควบรวม'ไดอิ'ต่อยอดอสังหาครบไลน์

นายศรศักดิ์ สมวัฒนา ประธานเจ้าหน้าบริหาร บริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และบริษัไดอิ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางของกลุ่มบริษัทหลังจากควบรวมกิจการระหว่างเนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ ผู้พัฒนาอสังหาฯ และไดอิ กรุ๊ป ที่มีธุรกิจรับสร้างและอุปกรณ์เกียวกับบ้าน เมื่อวันที่ 17 ม.ค.2560 ทำให้บริษัทรุกขยายธุรกิจอสังหาฯแบบครบวงจร ทั้งการพัฒนาอสังหาฯ ธุรกิจรับสร้างบ้าน และธุรกิจเกี่ยวกับบ้าน คือ รั้ว และกรอบประตูหน้าต่าง
ส่วนของธุรกิจอสังหาฯ ภายใต้แบรนด์ เนอวานา ปีนี้มีแผนเปิดตัวใหม่จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวม 8,500 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 2 โครงการ มูลค่า 2,500 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม สูง 45 ชั้น ย่านเจริญนคร จำนวนกว่า 100 ยูนิต แต่ละชั้นมีเพียง 4 ยูนิต มูลค่า 6,500 ล้านบาท มีแผนเปิดขายในช่วงไตรมาส 2 และมีกำหนดสร้างเสร็จพร้อมโอนภายในปี 2561

ขณะที่ธุรกิจรับสร้างบ้าน ภายใต้แบรนด์ ดีจิ และบ้านสำเร็ปรูปแบรนด์ กินซ่า จะมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ รวมทั้งลงทุนสร้างศูนย์รับสร้างบ้าน นำต้นแบบมาจากญี่ปุ่น อยู่ในย่านรามอินทรา บนพื้นที่ขนาด 5 ไร่ เพื่อให้ลูกค้าที่สนใจได้สัมผัสบ้านรูปแบบของบ้านสำเร็จรูปจริง คาดเปิดบริการไตรมาส 3 นี้

อีกทั้ง บริษัทยังได้เตรียมรุกธุรกิจใหม่เพื่อต่อยอดธุรกิจเดิม ในนามของไดอิ กรุ๊ป ด้วยการนำแบบบ้านในสไตล์ของเนอวานามาให้บริการรับสร้างบ้านด้วย เพื่อให้ลูกค้าได้มีบ้านในรูปแบบดังกล่าวบนที่ดินของตนเอง นอกจากนี้ยังสนใจร่วมทุนกับเจ้าของที่ดินที่มีศักยภาพ เพื่อพัฒนาโครงการแนวราบ บนพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 15 ไร่อีกด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากว่า 10 ราย ซึ่งการพัฒนาจะใช้แบรนด์เนอวานาในการดำเนินการ โดยบริษัทจะมีรายได้จากส่วนแบ่งจากการขายที่ดินและค่าการบริหารจัดการ ทำให้ไม่ต้องซื้อที่ดินจำนวนมากเพื่อมาพัฒนาเอง

นอกจากนี้ มีแผนจะพัฒนาอสังหาฯเพื่อขายแก่นักลงทุนในรูปแบบของอพาร์ตเมนต์ เนื่องจากมองโอกาสการพัฒนาโครงการประเภทโฮมออฟฟิศ พบว่าลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนที่ซื้อเพื่อปล่อยเช่า ประกอบกับที่ผ่านมาสถานการณ์ตลาดลงทุนพันธบัตรมีการผิดนัดชำระหนี้ ทำให้มีช่องว่างตลาด นักลงทุนบางส่วน ให้ความสนใจหันมาลงทุนอสังหาฯ การพัฒนาพัฒนาอพาร์ตเมนต์ เป็นโครงการขนาดเล็ก สูง 4-5 ชั้น จำนวน 60-70 ยูนิต มูลค่าการลงทุน 30-60 ล้านบาท เป็นการขายยกอาคารให้กับนักลงทุนที่สนใจเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะทำให้นักลงทุนมีผลตอบแทนประมาณ 7%ต่อปี

พร้อมทั้ง บริษัทยังมองโอกาสการลงทุนในธุรกิจวัสดุก่อสร้างและธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งภายในเข้ามาต่อยอดธุรกิจให้ครบวงจร ทั้งในรูปแบบของการซื้อกิจการหรือการร่วมทุน ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้เจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจวัสดุก่อสร้างและเฟอร์นิเจอร์อยู่หลายราย และคาดว่าปีนี้อาจจะมีความร่วมมือทางธุรกิจอย่างน้อย 1 ราย โดยเฉพาะความร่วมมือกับบริษัทเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ในประเทศ

สำหรับปีนี้ บริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายรวมของทั้งเนอวานาฯและไดอิฯ ไว้ที่ 4,500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดขายจากโครงการอสังหาฯ ภายใต้แบรนด์เนอวานา 3,900 ล้านบาท หรือเติบโต 43% จากปี2559 ที่มียอดขายอยู่ที่ 2,240 ล้านบาท และรายได้ที่เหลือ 600 ล้านบาท มาจากธุรกิจของไดอิ กรุ๊ป