‘วรรณ’ฟันธงเศรษฐกิจสดใสพลังงานฟื้นหนุนดัชนี1,680จุด

‘วรรณ’ฟันธงเศรษฐกิจสดใสพลังงานฟื้นหนุนดัชนี1,680จุด

บลจ.วรรณ มองเศรษฐกิจไทยพ้นสุดต่ำสุด แนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ผลภาครัฐอัดฉีดมาตรการกระตุ้น ขณะหุ้นไทยมีลุ้น 1,680 จุด หลังหุ้นพลังงานฟื้นตัว

นายพจน์ หะรินสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยผ่านพ้นจุดต่ำสุดและมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง เป็นผลจากภาครัฐที่ออกมาตรการกระตุ้น ทั้งการการบริโภคและลงทุน ขณะที่ส่งออฟก็ฟื้นตัวได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

สำหรับแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้ บริษัทคาดการณ์ว่าจะขยายตัวได้ 3.2-3.4% ส่วนแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดจะคงตัวที่ 1.5% ต่อเนื่องตลอดทั้งปี เนื่องจากปัจจัยที่มีผลต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ส่วนใหญ่เป็นปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศ โดยเฉพาะความไม่ชัดเจนในนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ และโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งเป็น 1-1.25%ในปีนี้ รวมถึงความเสี่ยงแรงกดดันจากการเมืองในยุโรปและเศรษฐกิจจีนที่มีโอกาสชะลอตัวรุนแรง

ประกอบต้นปีนี้จนถึงปัจจุบันพบว่า เงินทุนต่างชาติยังไหลเข้าไทย ซึ่งเริ่มไหลกลับเข้ามาเมื่อปีก่อนประมาณ70,000กว่าล้านบาท จากในช่วง3ปีที่ผ่านมา พบว่ามีเงินทุนต่างชาติไหลออกไปมากแล้ว 400,000 ล้านบาท

ดังนั้น บลจ. มองว่า ตลาดหุ้นไทยปีนี้ยังคงความผันผวนอยู่ และคาดว่า ปีนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบ1,500-1,680จุด โดยมีอัตราส่วนกำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่107-108 บาทต่อหุ้น และอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น(PE) ที่ 15.5-15.6 เท่า

อีกทั้งตอนนี้ใกล้ถึงจุดที่ดัชนีเคยทำสถิติสูงสุดแล้วแต่ถ้าดูการถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติปัจจุบันอยู่ที่ 29% ลดลงจากปกติค่าเฉลี่ยอยู่ที่33% จึงมองว่าโอกาสที่ตลาดหุ้นจะมีแนวโน้มปรับตัวลงน้อยแล้ว

ส่วนกลุ่มหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติยังสนใจลงทุนในปีนี้ แน่นอนว่า หุ้นพลังงาน จะเป็นธีมหลักที่จะผลักดันตลาดหุ้นให้เติบโตต่อได้ สะท้อนจากเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาลงทุนในหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง บจ. ขนาดใหญ่ ในกลุ่มหุ้นบลูชิพ หรือ SET 50 ส่วนใหญ่เป็น หุ้นกลุ่มพลังงาน สอดรับกับราคาน้ำมันโลกปีนี้ปรับสูงขึ้นอยู่ที่ 52-53ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังโอเปก กำลังปรับลดการผลิต คาดว่าปีนี้ราคาน้ำมัน จะปรับเข้าสู่จุดสมดุลมากขึ้น คาดการณ์เคลื่อนไหวในกรอบ50-65ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงานเช่นกัน

ล่าสุด บริษัทได้เสนอขายกองทุนเปิด วรรณ พาวเวอร์ เอ็นเนอร์จี หรือ ONE-POWER ระหว่างวันที่ 16-24 ก.พ.2560 มูลค่าจำนวนเงินทุนของโครงการ 1,000ล้านบาท มูลค่ากองทุนขั้นต่ำ 1,000บาท โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในหุ้นหรือกองทุนโครงสร้างพื้นฐานหรือตราสารหนี้ที่ได้รับประโยชน์หรือมีรายได้จากพลังงานและพลังงานทางเลือกในประเทศ

โดยแบ่งสัดส่วนน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มพลังงาน ได้แก่ น้ำมัน ถ่านหิน โรงกลั่น ในสัดส่วน 50% และประมาณ 50% เน้นลงทุนในหุ้นผลิตไฟฟ้า แบ่งเป็นมากกว่า 25% ลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ พลังงานลม พลังงานชีวมวล และน้อยกว่า 25% ลงทุนในหุ้นสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ผลิตไฟฟ้าเป็นต้น

“ปีนี้บริษัทคาดว่าโอกาสการเติบโตของกลุ่มพลังงานทางเลือกอื่นๆมัความน่าสนใจลงทุนในการให้ใบอนุญาตและคาดว่าจะมีบริษัทเจ้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จำนวนมาก ได้แก่ อุตสาหกรรมสาธารณูปโภคพื้นฐานในกลุ่มโรงผลิตไฟฟ้า โดยแนวโน้มหลักทรัพย์กลุ่มโรงไฟฟ้ายังเติบโตตามปริมาณการใช้ไฟฟ้าของโลกรวมถึงประเทศไทย อีกทั้งผลประกอบการของหุ้นโรงไฟฟ้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าปี 59-61 อุตสาหกรรมโรงไฟฟ้าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยของรายได้ที่ 16.7%ต่อปี ขณะที่กลุ่มกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานในส่วนของโรงไฟฟ้า มีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ยที่ 13.3%และกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเติบโตเฉลี่ยที่ 52.5%”