ปิดฉาก “บีอิ้ง” สังเวยสังเวียน ฟังก์ชั่นนอล ดริ๊งค์ !!   

ปิดฉาก “บีอิ้ง” สังเวยสังเวียน ฟังก์ชั่นนอล ดริ๊งค์ !!   

สิงห์ถอดแบรนด์ “บีอิ้ง” ออกจากตลาดฟังก์ชั่นแนล ดริ๊งค์ ปิดฉากแบรนด์ที่ทำตลาดมาร่วม10ปี  

ท่ามกลางฟังก์ชันนอล ดริ๊งค์แบรนด์ใหญ่ทั้ง “บิวติ ดริ้งค์” ของค่ายเซ็ปเป้ “แมนซั่ม” ของกระทิงแดง “ซี-วิต” ของโอสถสภา หรือเครื่องดื่มฟังก์ชันนอล ดริ้งค์ แบบ “ช็อต” กำลังขับเคี่ยวแข่งขันกันในตลาด แต่ก็มีแบรนด์ยักษ์ใหญ่ของค่ายสิงห์ ที่โบกมือบ๊ายบายตลาดเป็นที่เรียบร้อย

นั่นคือ ”บีอิ้ง” (B-ing) ของค่ายสิงห์

แม้ในอดีต “บีอิ้ง” คือสินค้าใหม่ที่เป็น “ความหวัง” ของสิงห์ ซึ่งได้ไอเดียจากแดนอาทิตย์อุทัย ทว่า เมื่อตลาดรวมขาลง และสิงห์มีแบรนด์สินค้าใหม่ๆที่เป็นความหวังได้มากกว่า จะให้ยื้อแบรนด์บีอิ้งต่อไปก็มีแต่เปลืองสรรพกำลัง ดังนั้นการถอดแบรนด์ออกจากตลาด จึงเป็นทางออก

ทั้งนี้ จากการสอบถามร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น ได้รับคำตอบสั้นๆเพียงว่า เครื่องดื่มบีอิ้ง ไม่ได้วางบนเชลฟ์ระยะใหญ่แล้ว

สอดคล้องกับคำยืนยันของผู้บริหารท่านหนึ่งของ สิงห์ คอร์ปอเรชั่น ที่เผยว่า สิงห์ ได้ถอดผลิตภัณฑ์ฟังก์ชันนอล ดริ้งค์แบรนด์ “บีอิ้ง” ออกจากตลาดได้ประมาณ 5-6 เดือนแล้ว  เหตุผลสำคัญมีหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของนโยบายของบริษัท ซึ่งแม้ว่าหลายปีที่ผ่านมา สิงห์จะมุ่งขยายธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food and Beverage : F&B) แต่หากไม่ต้องการให้ผลิตภัณฑ์บางตัวอยู่ในพอร์ตฟอลิโอ ไม่ตอบโจทย์ยอดขายและกำไรก็จะไม่เก็บไว้ 

นอกจากนี้ 2-3 ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนอล ดริ้งค์เติบโตลดลงต่อเนื่อง ผลวิจัยการตลาดของสิงห์ยังพบว่า ผู้บริโภคมีความเชื่อเกี่ยวกับเครื่องแคทิกอรีดังกล่าวเพียงระยะแรกๆเท่านั้น หากบริโภคแล้วไม่เห็นผลการเปลี่ยนแปลงก็จะเลิกทันที ทำให้ฟัง์ชันนอล ดริ้งค์ เป็นเหมือนสินค้าแฟชั่นดริ้งค์ ที่มีผู้บริโภคใหม่ๆเข้ามา โดยเฉพาะวัยรุ่น ขณะที่วัยทำงาน ผู้ใหญ่ ก็จะให้ความสนใจกับการบริโภคผลิตภัณฑ์อื่นแทน เช่น ฟังก์ชันนอล ดริ้งค์แบบช็อต ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร คอลลาเจน เป็นต้น  

ส่วนการที่แบรนด์แมนซั่มเข้ามาทำตลาดแล้วเติบโต เนื่องจากเป็นสินค้าใหม่ที่เข้ามาจับเซ็กเมนท์ผู้ชายโดยเฉพาะ ซึ่งยังไม่มีใครทำตลาด

สำหรับผลิตภัณฑ์บีอิ้ง เกิดจาก ภูริต ภิรมย์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด เดินทางไปต่างประเทศ และพบว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีเครื่องดื่มฟังก์ชันนอล ดริ้งค์มาก ผู้บริโภคดื่มแทนน้ำ จึงต้องการมีสินค้าใหม่ที่เป็นเครื่องดื่มสักตัว และเป็นฟังก์ชันนอล ดริ้งค์อย่างแท้จริงเพื่อเข้าทำตลาดในไทย ที่ผ่านมายังใช้พรีเซ็นเตอร์ตั้งแต่เวียร์ ศุกลวัฒน์, นุ่น วรนุช, แทยอน

ที่สำคัญยังเคยมีส่วนแบ่งทางการตลาดแซง บิวติ ดริ้งค์ ก่อนส่วนแบ่งการตลาดจะหล่นมาเป็นเบอร์ 3 เป็นรองบิวติ ดริ้งค์ แมนซั่ม จนต้องออกไปจากตลาด หลังทำตลาดมาร่วม 10 ปี