'สัมมากร'ปรับวิธีขายบ้านแก้เกมกู้ไม่ผ่าน

'สัมมากร'ปรับวิธีขายบ้านแก้เกมกู้ไม่ผ่าน

“สัมมากร” รับมือลูกค้าซื้อบ้านกู้ไม่ผ่านพุ่ง กระทบรายได้หด ปรับรูปแบบการขาย ให้ลูกค้ายื่นกู้ผ่านก่อน ทำสัญญาซื้อขาย

นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทปรับแผนรูปแบบการขายที่อยู่อาศัยใหม่ เพื่อแก้ ปัญหารอัตราการปฎิเสธสินเชื่อ(รีเจค) ของบริษัทที่เพิ่มขึ้นสูงในปีที่แล้ว โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม อัตราการปฎิเสธสินเชื่อสูงถึง 35-38% ส่วนโครงการแนวราบ บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ ขยับขึ้นมาระดับ 20% ผลจากสถาบันการเงินยังกังวลเรืองหนี้ครัวเรือน และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) เพิ่มสูงขึ้น และยังเป็นปัญหาหลักเกิดขึ้นต่อเนื่องในปีนี้

ดังนั้นบริษัทได้ปรับลักษณะของวิธีการขายบ้าน เพื่อป้องกันผลกระทบกับรายได้ และยังมีผลต่อต้นทุนในการทำตลาดใหม่ โดยจะไม่ทำสัญญาซื้อขายก่อนที่ลูกค้าจะยื่นขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน ระหว่างนั้นก็เปิดโอกาสให้ลูกค้ารายอื่นสามารถจองซื้อยูนิตนั้นได้เช่นกัน เพื่อบริหารความเสี่ยงการขาย นอกจากนี้ บริษัทเน้นสร้างบ้านเสร็จก่อนขาย ซึ่งนับเป็นรายได้เลย

"รูปแบบการขายใหม่ เป็นแบบแค่การจองซื้อของลูกค้า แต่ไม่ทำสัญญา ถือว่าไม่นับเป็นยอดการขาย ยกเว้นลูกค้าผ่านการอนุมัติสินเชื่อแล้วถึงทำสัญญาซื้อขาย โดยส่วนใหญ่สถาบันการเงินพิจารณาเงินกู้จะใช้เวลาในการตรวจสอบ 2 สัปดาห์เป็นอย่างมาก การทำแบบนี้ทำให้ยอดรีเจคเป็นศูนย์ และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายต้องนำกลับมาทำการตลาดใหม่ "

อย่างไรก็ดี แม้ว่าปัญหาการปฎิเสธสินเชื่อขณะนี้ จะปรับตัวดีขึ้น แต่จากสถานบันการเงินยังคงเข้มงวดอยู่ โดยสถานบันการเงินบางแห่ง ถ้าเป็นพนักงานประจำให้กู้ได้100% หากเป็นกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจรายย่อย(เอสเอ็มอี) จะให้วงเงินแค่ 70 % ลูกค้าต้องหาเงินมาชำระส่วนที่ขาด ทำให้ไม่มีกำลังการกู้ ทำให้ยอดการปฎิบัติสินเชื่อยังสูงต่อ

สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้ บริษัทเปิดตัว 3 โครงการ มูลค่ารวม 2,300 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการสัมมากร อเวนิว สุวรรณภูมิ บนพื้นที่ 31 ไร่ พัฒนาเป็นทาวน์โฮมสูง3 ชั้น จำนวน 322 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 3 ล้านบาท มูลค่า 1,300 ล้านบาท โครงการสัมมากร อเวนิว ชัยพฤกษ์-วงแหวน ทาวน์โฮม บนพื้นที่ 27 ไร่ จำนวน 292 ยูนิต มูลค่าโครงการ 876 ล้านบาท และโครงการออฟฟิศ พาร์ค รามอินทรา-วงแหวน เป็นโฮม ออฟฟิศโครงการแรกที่เข้ามาพัฒนา อาคารสูง 4 ชั้น จำนวน 24 ยูนิต บนพื้นที่ 3 ไร่ มูลค่าโครงการ 160 ล้านบาท ทั้ง 3 โครงการอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง พร้อมเปิดขายในไตรมาส 4

ส่วนปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% จากในปี 2559 มีรายได้รวม 1,246 ล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนรายได้ มาจาก แนวราบ 704 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 179 ล้านบาท และอสังหาฯเพื่อเช่า 363 ล้านบาท ทั้งนี้ ผลประกอบการปี 2559 ผิดจากที่คาดการณ์ไว้ เป็นผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯ คาดปีนี้เติบโต 5% จากปัจจัยการลงทุนโครงการของภาครัฐ และราคาพืชผลการเกษตรเริ่มปรับตัวดีขึ้น เช่น ยางพารา อ้อย มันสำปะหลัง แต่สิ่งที่ต้องจับตามองคืออัตราดอกเบี้ย หากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะกระทบต่อศักยภาพการผ่อนชำระได้ และเศรษฐกิจโลกยังมีความผันผวน

นายณพน เจนธรรมนุกูล ผู้จัดการทั่วไปสายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในส่วนของคอมมูนิตี้มอลล์ "สัมมากร เพลส" 3 สาขา ได้แก่ สาขารามคำแหง รังสิตคลอง 2 และราชพฤกษ์ ได้ใช้งบ 30 ล้านบาท ในการปรับปรุงพื้นที่ และอาคารให้ทันสมัยขึ้น เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ โดยวางแผนปรับปรุงผังร้านค้าผู้เช่าให้ตอบสนองพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าที่มาใช้บริการ เนื่องจากคอมมูนิตี้มอลล์มีการแข่งขันค่อนข้างสูง และที่ผ่านมามีการเปิดตัวมากขึ้น ปัจจุบันคอมมูนิตี้มอลล์ทั้ง 3 แห่งมีอัตราการใช้ 95% คาดว่ารายได้คอมมูนิตี้มอลล์ปีนี้เติบโต 10%