'สมคิด'เร่งผลักดันศูนย์กลางการบินอู่ตะเภารับอีอีซี

'สมคิด'เร่งผลักดันศูนย์กลางการบินอู่ตะเภารับอีอีซี

“สมคิด” เผยเศรษฐกิจไตรมาส 4/59 ไม่สดใสจากปัจจัยในปท. คาดลงทุนภาครัฐ-ท่องเที่ยวเคลื่อนศก.ปีนี้ เร่งผลักดันศูนย์กลางการบินอู่ตะเภารับอีอีซี

วันนี้ (20 ก.พ.) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงข่าวผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสที่ 4 ปี 2559 และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2560 โดยคาดว่าตัวเลขไม่สดนักจากปัจจัยภายในประเทศช่วงปลายปี แต่ยังประเมินว่าเศรษฐกิจในปีนี้ยังขยายตัวต่อเนื่องจากการลงทุนภาครัฐและท่องเที่ยว

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 4 ปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของการบริโภคภายในประเทศ โดยเฉพาะช่วงเดือน ต.ค.และ พ.ย. 2559 ทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 อาจไม่สดใสนัก

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญคือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและรักษาการฟื้นตัวของเศรษฐกิจตั้งแต่ปีที่ผ่านมาถึงปี 2560 ให้มีความต่อเนื่อง โดยมองว่าหากสถานการณ์เศรษฐกิจและปัจจัยภายในประเทศ เช่น เรื่องการเมืองยังเป็นไปได้ด้วยดีต่อเนื่องไปอีก 2 – 3 ปีข้างหน้า จะเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้รองนายกรัฐมนตรีระบุว่า เศรษฐกิจในปี 2559 จะขยายตัวไม่น้อยกว่า 3.3% และในปี 2560 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ประมาณ 3.5 - 4% ขณะที่ สศช.คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในปี 2560 จะขยายตัวอยู่ที่ 3 - 4% ซึ่งเป็นการขยายตัวต่อเนื่องจากในช่วง 9 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ย.) ของปีที่ผ่านมาที่เศรษฐกิจขยายตัวได้ 3.3% โดยในไตรมาสที่ 1 จีดีพีอยู่ที่ 3.2% ไตรมาส 2 3.5% และไตรมาส 3 3.2%

“รัฐบาลจะทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งโครงการสำคัญๆที่จะขับเคลื่อนก็มีทั้งการขับเคลื่อนการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งเรื่องโครงสร้างพื้นฐานเป็นเรื่องที่ต้องมีการผลักดันให้เกิดการลงทุนในปีนี้มากที่สุด ส่วนอื่นๆก็ต้องผลักดันเพิ่มเติมเช่นเรื่องการตั้งสถานศึกษาและสถาบันวิจัยชั้นนำเพื่อเป็นฐานในการสร้างนักวิจัย และแรงงานทักษะไว้รองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมไฮเทคในอนาคต”นายสมคิดกล่าว

ดันไทย "ศูนย์กลางการบิน" 

นายสมคิด กล่าวว่ารัฐบาลยังมีเป้าหมายที่จะเร่งรัดการพัฒนาอุตสาหกรรมการบินในประเทศไทย เพื่อให้เกิดการลงทุนเพิ่มเติมทั้งจากในและต่างประเทศในอุตสาหกรรมนี้ โดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซีที่มีความพร้อมบริเวณสนามบินอู่ตะเภา

โดยในเร็วๆนี้จะนำเรื่องการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคในเรื่องการผลักดันการเป็นศูนย์กลางการบินของประเทศไทยเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความปรองดอง (ป.ย.ป.)

“หากมีกฎหมายและกฎระเบียบใดที่เป็นอุปสรรคต่อนโยบายนี้ก็จะเสนอให้ ป.ป.ย.แก้ไขทันที เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อการตัดสินใจลงทุนในอุตสาหกรรมการบินในประเทศไทยในอนาคต”

ป.ย.ป.ถกวันนี้คุมจัดซื้อจัดจ้าง

ส่วนการประชุมของคณะกรรมการป.ย.ป.ในวันที่ 20 ก.พ.นี้ จะหารือเรื่องการเพิ่มความโปร่งใสจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ซึ่งก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งให้กระทรวงการคลังไปดำเนินการพิจารณาส่งเสริมให้หน่วยงานของรัฐที่มีการจัดทำโครงการขนาดใหญ่พิจารณาจัดทำข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) ในช่วงที่ร่างพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... ยังไม่มีผลใช้บังคับ รวมทั้งให้ร่วมกับภาคเอกชนและองค์กรที่เกี่ยวข้องในการจัดหาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องมาสังเกตการณ์และให้ข้อคิดเห็นในการจัดทำข้อตกลงคุณธรรมของหน่วยงานของรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการที่ต้องการผู้ที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะด้าน เช่น ด้านพลังงาน

เน้นขับเคลื่อนภาคท่องเที่ยว

นอกจากนี้ในปีนี้รัฐบาลจะเน้นการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเพื่อให้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในปีนี้ ซึ่งในส่วนแรกจะเน้นที่การส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในชุมชน ผ่านการจัดสรรงบประมาณกลางปี 2560 ให้กับจังหวัดและกลุ่มจังหวัดเพื่อไปพัฒนาการท่องเที่ยวในท้องถิ่นซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นและเป็นการกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่นและชุมชนต่างๆเพิ่มขึ้น ซึ่งในเรื่องของการผลักดันงบประมาณกลางปีลงไปสู่ระบบเศรษฐกิจจะเริ่มเห็นผลชัดเจนมากขึ้นในช่วง 2 – 3 เดือนข้างหน้านี้

อีกส่วนคือการพัฒนาสนามบินในต่างจังหวัดเพื่อให้สามารถรองรับการเดินทางและการท่องเที่ยวระหว่างจังหวัดต่างๆในไทยกับเมืองสำคัญในประเทศเพื่อนบ้านและในอาเซียน โดยมอบหมายให้กรมการท่าอากาศยาน และบริษัท การท่าอากาศยาน จำกัด (มหาชน) ไปศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาสนามบินในต่างจังหวัดที่มีศักยภาพจะพัฒนาปรับปรุง ทั้งนี้ให้พิจารณาถึงการเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนได้เพื่อลดภาระการลงทุนของรัฐบาลหรือบริษัทการท่าอากาศยานลงได้ด้วย

ทีดีอาร์ไอคาดศก.ปีนี้โต3.3-3.7%

นายนณริฏ พิศลยบุตร นักเศรษฐศาสตร์สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่าเศรษฐกิจในปีนี้น่าจะขยายตัวได้ระหว่าง 3.3 - 3.7% โดยที่จริงแล้วในปีนี้เศรษฐกิจมีปัจจัยบวกที่เป็นปัจจัยสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวได้พอสมควร แต่ก็มีปัจจัยที่เป็นตัวแปรซึ่งยังคงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด

สำหรับปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจในปีนี้จะมีความแตกต่างจากปีก่อนที่ความเสี่ยงอยู่ที่ญี่ปุ่นกับจีน ไปเป็นที่สหรัฐญและยุโรป ซึ่งแน่นอนว่าในส่วนของนโยบายสหรัฐฯ ถือว่าเป็นความเสี่ยง โดยเฉพาะในการดำเนินนโยบายที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม มองว่า ในสหรัฐฯและในบริบทของโลกมีกลไกที่จะถ่วงดุลการใช้อำนาจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐได้พอสมควร เช่น หากนายทรัมป์จะขึ้นภาษีพรมแดนจริง ก็จะมีสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) ไปฟ้องร้อง ซึ่งทำให้การกีดกันการค้าอาจไม่เกิดขึ้นจริงในทางปฏิบัติได้ง่ายนัก

อย่างไรก็ตาม ต้องระวังการเลือกตั้งในหลายประเทศของยุโรป เช่น อิตาลี และฝรั่งเศส ที่จะส่งผลต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตการรวมกลุ่มของสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งหากมีสัญญาณว่ากลุ่มที่ต้องการแยกประเทศออกจากอียูได้รับการจัดตั้งเป็นรัฐบาลก็จะเกิดความผันผวนในตลาดเงินตลาดทุนของโลกมากขึ้นเหมือนกับในช่วงที่เกิดเหตุการณ์เบร็กซิทมาแล้ว