‘บลจ.-ประกัน’ สนลงทุน ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์

‘บลจ.-ประกัน’ สนลงทุน ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์

บลจ.-ประกัน ยอมรับสนใจลงทุนในกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ เหตุผลตอบแทนสวย แต่ขอดูเงื่อนไขลงทุนเพิ่ม

กองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ หนึ่งในความหวังของภาครัฐ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อระดมทุนจากภาคเอกชนไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนสถาบันหรือรายย่อย เพื่อใช้เป็นแหล่งเงินที่จะนำไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เอื้อประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ

ล่าสุด ภาครัฐเตรียมนำกองทุนดังกล่าวยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหน่วยลงทุน(ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ในเดือนมี.ค.นี้ ก่อนเสนอขายให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก(ไอพีโอ) ช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย.2560 โดย นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปรยว่า กองทุนนี้อาจให้ผลตอบแทนสูงถึง 7-8%

“วรางค์ ไชยวรรณ” กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) บอกว่า บริษัทมีความสนใจลงทุนในกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ และติดตามความเคลื่อนไหวของกองทุนดังกล่าวมาโดยตลอด ที่

ผ่านมาบริษัทฯ ลงทุนในกองทุนโครงสร้างพื้นฐานมาแล้วหลายกองทุน ไม่ว่าจะเป็นกองทุนที่เกี่ยวข้องกับ mass transit โครงข่ายโทรคมนาคม และโรงไฟฟ้า ซึ่งทั้งหมดให้ผลตอบแทนที่ดี การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับทางด่วน จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากจะกระจายความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนบริษัทฯ มากขึ้น ประกอบกับผลตอบแทนในระดับ 7- 8% เป็นระดับที่บริษัทยอมรับได้ อย่างไรก็ดี คงต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนดังกล่าวมากขึ้น ก่อนตัดสินใจว่าจะลงทุนหรือไม่

สำหรับพอร์ตการลงทุนล่าสุดของบริษัท ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดอยู่ประมาณ 320,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นตราสารหนี้ภาครัฐประมาณ 43% ตราสารหนี้ภาคเอกชนและเงินฝากประมาณ 45% ที่เหลือเป็นเงินลงทุนในหุ้นสามัญ และกองทุนกองทรัสต์ต่างๆ

“ยุวดี เฉลิมศรีภิญโญรัช” รองกรรมการผู้จัดการ สายบริหารการเงิน บริษัท โตเกียวมารีนประกันชีวิต (ประเทศไทย) บอกว่า มีความสนใจลงทุนในกองทุนไทยแลนด์ฟองเจอร์ฟันด์ ด้วยผลตอบแทนที่สูงถึง7-8%ต่อปี แต่คาดว่าผลตอบแทนอาจมีเงื่อนไขเพิ่มเติม เช่น ผลตอบแทน7-8% เพียง1-2ปีเท่านั้นและไม่การันตีผลตอบแทน

ฉะนั้นบริษัทยังต้องรอดูรายละเอียดทั้งรูปแบบและเงื่อนไขกองทุนที่ชัดเจนก่อน ขณะนี้ได้ให้ทีมลงทุนค่อยติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งปัจจุบันมีเม็ดเงินลงทุนใหม่พร้อมลงทุนในปีนี้ประมาณ4,000ล้านบาท จากพอร์ตลงทุนทั้งสิ้น14,000ล้านบาท

ขณะที่ก่อนหน้านี้ในสมาคมประกันชีวิตไทย มีการติดตามเงื่อนไขอื่นๆ และรอให้มีความชัดเจนก่อน โดยเฉพาะรูปแบบโครงการและผลตอบแทนการลงทุนดังกล่าว

ทั้งนี้ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ธุรกิจประกันสนใจลงทุน เฉลี่ยประมาณ 3.5%-4% โดยมีอายุการลงทุน 10 ปีขึ้นไป แต่หากถึง7-8%ถือว่าน่าสนใจที่เดียว แต่ขณะเดียวกันด้านภาครัฐยังต้องพิจารณาความเสี่ยงของโครงการเหล่านี้ ที่เป็นโครงการระยะยาว และเป็นการลงทุนของรัฐด้วย ในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น ดังนั้น ต้นทุนจะเป็นความเสี่ยงที่ต้องระวังเป็นพิเศษเพราะจะเป็นภาระในระยะยาวได้ หรือหากเกิดปัญหาสภาพคล่องจะพลอยส่งผลให้โครงการล่าช้า และเกิดความเสียหายได้

ฟากอุตสาหกรรมกองทุนรวม “พีรพงศ์ จิระเสวีจินดา” กรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดการกองทุน บลจ. บัวหลวง บอกว่า หากผลตอบแทนกองทุนอยู่ 7-8% ถือว่าน่าสนใจมาก และ บลจ. คงต้องศึกษารายละเอียดกองทุนดังกล่าวให้ชัดเจนก่อน โดยให้ทีมลงทุน ประเมินความเสี่ยงกองทุนและผลตอบแทนคาดหวัง

แหล่งข่าวนักลงทุนสถาบัน บอกว่า ขณะนี้ความเสี่ยงของกองทุนดังกล่าวยังไม่เปิดเผยรายละเอียดรายได้และที่มาของทั้ง2 โครงการลงทุนต่อสาธารณะที่ชัดเจน อีกทั้งโอกาสที่จะสร้างผลตอบแทน7-8% เป็นไปได้ยาก เพราะเท่าที่ประเมินผลตอบแทนการลงทุนในโครงการลักษณะเดียวกันจะเฉลี่ยอยู่ที่3-4% เท่านั้น

อย่างไรก็ตามมองว่ากองทุนดังกล่าว ให้ผลตอบแทนกองทุนเฉลี่ยที่4% และไม่การันตี ถือว่าเหมาะสมและ เชื่อว่าก็ยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งรายย่อยและสถาบัน แต่ถ้าสามารถจ่ายผลตอบแทนได้7-8% ได้ถือเป็นเรื่องดี แต่ต้องบอกถึงความเสี่ยงและโอกาสสร้างรายได้ในอนาคตที่กับผู้ลงทุนให้ชัดเจนด้วย

“ผลตอบแทน4%ก็ถือว่าน่าสนใจแล้ว เพราะด้วยสถานการณ์ปัจจุบันผู้ลงทุนยังแสวงหาผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก และด้วยสภาพคล่องในระบบยังมีอยู่มาก”

“สมิทธ์ พนมยงค์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไทยพาณิชย์ หรือSCBAM คาดว่าตลาดรวมอุตสาหกรรมกองทุนรวมในปีนี้จะเติบโตประมาณ7-10% และคาดว่าจะขยายตัวยิ่งขึ้นจากกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ที่จะเสนอขายในปีนี้ ซึ่งปัจจุบันกองทุนดังกล่าวยังไม่ชัดเจน ให้ทีมลงทุนติดตามอยู่