ไอพีโอ 'กลุ่มการแพทย์' คึกคัก

ไอพีโอ 'กลุ่มการแพทย์' คึกคัก

ไอพีโอ“กลุ่มการแพทย์” คึก รายย่อยแห่จองรพ.ราชพฤกษ์ล้น10เท่า "เดนทัล คอร์ปอเรชั่น” จ่อคิวไตรมาส2ปีนี้หวังเงินขยายสาขา-คืนหนี้

กลุ่มการแพทย์ทยอยระดมทุนขายหุ้นไอพีโอ “รพ.ราชพฤกษ์”ขาย 163.7 ล้านหุ้นราคา 4.80 บาท รายย่อยจองล้น พร้อมเทรด 27 ก.พ.นี้ ด้าน“เดนทัล คอร์ปอเรชั่น”ขายไอพีโอ 50 ล้านหุ้น เข้าจดทะเบียนตลาดเอ็มเอไอภายในไตรมาสสองปีนี้ รองรับแผนขยายธุรกิจ-คืนหนี้สถาบันการเงิน

นางสาวพิมพ์ผกา นิจการุณ กรรมการผู้จัดการธุรกิจ นายหน้าค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท โรงพยาบาลราชพฤกษ์ จำกัด (มหาชน) RPH กล่าวว่าผลการเปิดจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก(ไอพีโอ) จำนวน 163.78 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ4.80บาท ระหว่างวันที่15-17 ก.พ.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับความสนใจเป็นอย่างดี มียอดจองซื้อมากกว่าจำนวนหุ้นทั้งหมดที่ออกเสนอขาย

หุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก(ไอพีโอ) 163.78 ล้านหุ้น แบ่งเป็นเสนอขายให้กับประชาชนจำนวน155.78 ล้านหุ้น และเสนอขายให้กับกรรมการ ผู้บริหารและพนักงานของบริษัท 8 ล้านหุ้น ทั้งนี้คาดว่าหุ้นRPH จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หมวดธุรกิจ Healthcare ในวันที่ 27 ก.พ. 2560 นี้

นายธีระวัฒน์ ศรีนัครินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลราชพฤกษ์ กล่าวว่า กระแสตอบรับจากนักลงทุนดีเกินกว่าที่คาด โดยราคาไอพีโอที่ 4.8 บาทเป็นระดับราคาที่นักลงทุนสถาบันแสดงความประสงค์จะจองซื้อเกินกว่าจำนวนที่จัดสรรกว่า 10 เท่า ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนสถาบันให้ความสนใจ เนื่องจากเชื่อมั่นปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ผลประกอบการเติบโต โดยบริษัทเตรียมนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นไอพีโอในครั้งนี้ 786 ล้านบาท ไปใช้ในโครงการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลใหม่กว่า 200 เตียง รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ รองรับการขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการแพทย์และบางส่วนจะนำไปใช้สำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

นายพรศักดิ์ ตันตาปกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) D กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในปี 2559 มีรายได้รวม 441 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เทียบปีก่อนที่มีรายได้รวม 415 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 246% เมื่อเทียบปีก่อน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากรายได้จากการให้บริการด้านทันตกรรม และจากการบริหารจัดการต้นทุนที่มีความรัดกุมมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันกลุ่มบริษัทมีทั้งหมด 12 สาขา เป็นศูนย์ทันตกรรม 2 สาขา และคลินิกทันตกรรม 10 สาขา ภายใต้แบรนด์ “BIDC”, “Dental Signature” และ “Smile Signature” ให้บริการทางทันตกรรมแบบทั่วไป ทันตกรรมเพื่อความงาม ทันตกรรมรากฟันเทียม ทันตกรรมประดิษฐ์ ทันตกรรมจัดฟัน นอกจากนี้ยังมีส่วนศัลยกรรมช่องปาก รักษารากฟัน และรักษาโรคเหงือก

“ผลประกอบการมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกๆปี เนื่องจากศูนย์ทันตกรรมมีคุณภาพมาตรฐานเท่าโรงพยาบาลชั้นนำของไทยทำให้ได้รับการยอมรับจากชาวต่างชาติและคนไทย และมีแนวโน้มเติบโตทำให้ในปี 2560 มีแผนขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีก 3 - 4 สาขา โดยใช้งบลงทุนประมาณ 30 - 60 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยขยายฐานลูกค้าที่มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ใส่ใจกับสุขภาพปากและฟัน”นายพรศักดิ์ กล่าว