ล็อกซ์เล่ย์ผนึกทุนสิงค์โปร์เทงบ700ล.หนุนสตาร์ทอัพ

ล็อกซ์เล่ย์ผนึกทุนสิงค์โปร์เทงบ700ล.หนุนสตาร์ทอัพ

"ล็อกซบิท" จับมือกองทุนจากสิงคโปร์ "ทีไอเอช" เปิด "เค 2 เวนเจอร์แคปปิตอล" เตรียมเงินทุนเริ่มแรก 300 ล้านบาท เพิ่มเป็น 700 ล้านบาทอีก12เดือน

บมจ.ล็อกซบิท ในกลุ่มบริษัทล็อกซเล่ย์ ประกาศจับมือกับกองทุนทีไอเอชจากสิงคโปร์ จัดตั้งบริษัทใหม่ "เค 2 เวนเจอร์ แคปปิตอล" เฟ้นหาสตาร์ทอัพกลุ่มไฮเทคอนาคตไกล หวังผลตอบแทนระยะยาวและต่อเนื่อง

นายวสันต์ จาติกวณิช รองประธานกรรมการบริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า บริษัท ล็อกซบิท จำกัด (มหาชน) บริษัทในกลุ่มล็อกซเล่ย์ ได้ร่วมมือกับบริษัท ทีไอเอช จำกัด ซึ่งเป็นกองทุนปิดจากสิงคโปร์ จัดตั้งบริษัทใหม่ชื่อ "บริษัท เค 2 เวนเจอร์ แคปปิตอล จำกัด" (K2) เพื่อดำเนินธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capital หรือ VC) โดยเตรียมเงินลงทุนเริ่มแรก 300 ล้านบาท สัดส่วนการลงทุนคนละครึ่ง และจะเพิ่มเป็น 700 ล้านบาทภายใน 12 เดือน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้นักลงทุนภายนอกเข้ามาร่วมด้วย

สำหรับเป้าหมายของการลงทุนนั้น ในปีแรกนี้ K2 จะสรรหาสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพจำนวน 5-6 ราย เพื่อเข้าไปร่วมลงทุน โดยเจาะกลุ่มสตาร์ทอัพในกลุ่มไฮเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มเติบโตสูง และมีผลิตภัณฑ์เป็นของตนเอง ซึ่งอาจจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาแล้วหรืออยู่ในขั้นตอนการพัฒนาก็ได้ เพราะ K2 ไม่ได้นำเงินเข้าไปลงทุนเพียงอย่างเดียว แต่จะส่งทีมผู้เชี่ยวชาญเข้าไปร่วมบริหารและให้คำปรึกษาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ตลอดจนใช้เครือข่ายที่มีอยู่ช่วยในการสนับสนุนให้บริษัทเหล่านี้เติบโตและประสบความสำเร็จ

"ล็อกซเล่ย์มีบุคลากรจำนวนมาก มีเทคโนโลยีหลายๆด้าน และมีเครือข่ายพันธมิตรในหลากหลายธุรกิจ ปัจจัยเหล่านี้จึงเป็นจุดแข็งที่จะนำไปช่วยส่งเสริมสนับสนุนให้บริษัทสตาร์ทอัพที่ K2 เข้าไปร่วมลงทุน สามารถพัฒนาต่อยอดแนวความคิด หรือผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ให้ประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว" นายวสันต์ กล่าว

ด้านนายสแตนลีย์ หวั่ง กรรมการ บริษัท เค 2 เวนเจอร์ แคปปิตอล จำกัด กล่าวว่า การร่วมมือกันระหว่างล็อกซบิทและทีไอเอช สร้างจุดเด่นที่เหนือกว่าให้ K2 เนื่องจากล็อกซ บิทและล็อกซเล่ย์มีเทคโนโลยี และพันธมิตรทางธุรกิจจำนวนมากในประเทศไทย

ขณะที่ ทีไอเอช หรือในอดีตรู้จักกันในนามบริษัท ทรานสเปค อินดัสเตรียล โฮลดิ้ง จำกัด (Transpac Industrial Holdings Limited) เป็นกองทุนที่ก่อตั้งมาเกือบ 30 ปี จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ตั้งแต่ปี 1994 มีทีมผู้จัดการกองทุนรวมที่มีประสบการณ์มากที่สุดรายหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทีไอเอชจึงมีความน่าเชื่อถือ และมีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในการลงทุน ซึ่งแนวทางการลงทุนของทีไอเอชนั้นจะเข้าไปทำงานอย่างใกล้ชิดกับบริษัทที่ร่วมลงทุน โดยมีเป้าหมายในการลงทุนระยะยาว และสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนอย่างยั่งยืนและต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงแรกเงินลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในประเทศไทย และในอนาคตยังมองไปถึงการขยายฐานไปยังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย

นายสแตนลีย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า K2 ให้ความสนใจสตาร์ทอัพที่มีแนวคิดและเทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มเป็นที่นิยมในวงกว้างระดับประเทศ หรือเป็นกระแสที่กำลังมาแรง ไม่ว่าจะเป็น Fintech, Insurance big data analytics, Machine Learning, Internet of Things, Blockchain Applications, Precision Agriculture, Vehicle Telematics and Electronic Trading Platforms.

"ล่าสุด K2 ได้ตัดสินใจเข้าไปร่วมลงทุนในบริษัท มันนี่เทเบิ้ล จำกัด เป็นรายแรก ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มฟินเทคที่ก่อตั้งขึ้นโดยคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดสร้างสรรค์ และมีนวัตกรรมด้านการบริการแพลตฟอร์มทางการเงินที่เชื่อมโยงความต้องการระหว่างบุคคลและองค์กร พร้อมทั้งจัดสรรข้อเสนอทางการเงินภายในชุมชนที่ครบวงจร ซึ่งมันนี่เทเบิ้ลเตรียมจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ (20 ก.พ.60)"

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการลงทุนด้านเทคโนโลยีการเงินยังอยู่ในระยะเริ่มแรก ดังนั้นการประเมินแนวโน้มของรายได้จึงต้องรอหลังจากนี้อีกประมาณ 3-5 ปี ซึ่งปัจจัยความสำเร็จของสตาร์ทอัพนั้น คือ การที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจดิจิทัล 4.0 ตลอดจนการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมให้กับสตาร์ทอัพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับปรุงกฎหมายให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว เช่น ฟินเทค เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นให้ VC ต่างๆ ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีมากขึ้น