PTT - ซื้อเมื่ออ่อนตัว

PTT - ซื้อเมื่ออ่อนตัว

รายงานกำไรปี 59 เติบโต 365%YoY และคาดปี 60 เติบโต 11%YoY

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

- รายงานกำไรไตรมาส 4/59 ที่ 19,087 ล้านบาทหดตัว 29%QoQ แต่เติบโตกว่า 10,000%YoY : โดยผลประกอบการหดตัวจากไตรมาสก่อนเนื่องจากรับรู้ค่าใช้จ่ายด้อยค่าจาก PTTEP และ PTTER (ดำเนินธุรกิจเหมืองถ่านหิน) ราว 7.1 พันล้านบาท ขณะที่ผลประกอบธุรกิจโรงแยกก๊าซธรรมชาติและธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นปรับตัวดีขึ้น ดังนี้ 1) ธุรกิจโรงแยกก๊าซธรรมชาติปริมาณจำหน่ายปรับตัวขึ้น 3%QoQ ขณะที่ราคาผลิตภัณฑ์ HDPE ยังทรงตัวที่ 1,134 ดอลลาร์ต่อตันในระดับเดียวกับไตรมาสก่อนหน้าตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นในไตรมาส 4/59 2) ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น ค่าการกลั่นรวมปรับตัวเพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์จากไตรมาสก่อนสู่ 5.6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลตามส่วนต่างน้ำมันสำเร็จรูปทั้งน้ำมันเบนซิน ดีเซล อากาศยาน และน้ำมันเตาที่ปรับตัวขึ้นเนื่องจากเข้าสู่ฤดูหนาว นอกจากนี้ยังมีการบันทึกกำไรสต๊อกน้ำมันดิบหลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น 5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจากไตรมาส 3/59 อย่างไรก็ตามธุรกิจผลิตและสำรวจผลประกอบการปรับตัวลงตามราคาจำหน่ายที่ลดลง 0.6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลสู่ 35.7 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายด้อยค่า 1.6 พันล้านบาทเข้ามากดดันผลประกอบการเพิ่มเติม ส่งผลให้ปี 59 มีกำไรที่ 94,040 ล้านบาทเติบโต 365%YoY

- ปรับโครงสร้างภายในเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต : PTT เตรียมขายหุ้น 6 บริษัทซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับปิโตรเคมีให้ PTTGC มูลค่ารวม 2.6 หมื่นล้านบาท เพื่อให้โครงสร้างภายในกลุ่ม PTT ให้มีความชัดเจนและลดการทำงานที่ซ้ำซ้อนกัน (PTT จะไม่รับรู้กำไรเพราะเป็นการขายให้บริษัทย่อย) นอกจากนี้ PTT เตรียมนำ PTTOR (ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับน้ำมันและค้าปลีก) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปี 60 โดย PTT จะถือหุ้นในสัดส่วน 45-50% หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดเพื่อความสะดวกในการบริหารงานของ PTTOR โดยเราคาดว่าจะไม่เกิดการ Dilute ในมูลค่าหุ้น PTT เนื่องจากคาดว่า PTTOR จะซื้อขายที่ P/E Ratio ของกลุ่มค้าปลีกที่ระดับ 20-30 เท่าซึ่งสูงกว่า P/E Ratio ของ PTT ในปัจจุบัน

- คาดกำไรปี 60 อยู่ที่ราว 103,119 ล้านบาทเติบโต 11%YoY : ฝ่ายวิจัยคาดว่าปี 60 ผลประกอบการของบริษัทจะยังเติบโตตามปริมาณการจำหน่ายก๊าซธรรมชาติที่ความต้องการใช้ก๊าซฯ ของโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น อีกทั้งธุรกิจโรงแยกก๊าซผลประกอบการมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นตามราคาผลิตภัณฑ์ HDPE ที่เพิ่มขึ้น 4%YTD ซึ่งเราคาดว่าราคาจำหน่ายของ HDPE จะทรงตัวในระดับสูงตามราคาน้ำมันดิบซึ่งเป็นวัตถุดิบต้นน้ำ นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวในระดับ 48-55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นปัจจัยหนุนต่อผลประกอบการของ PTTEP เพิ่มเติม อย่างไรก็ตามกำไรของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวลงตามกำไรสต๊อกน้ำมันดิบที่ลดลง เพราะเราคาดว่าในปี 60 ราคาน้ำมันดิบจะไม่ได้ปรับตัวขึ้นมากเท่าปี 59 เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่และราคาน้ำมันในปัจจุบันได้รับรู้ประเด็นการปรับลดกำลังการผลิตจากกลุ่มโอเปกและนอกโอเปกไปแล้ว

- ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” แต่เพิ่มราคาเหมาะสมเป็น 389 บาท : ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าด้วยวิธี Sum of the part (SOTP) โดยปรับเพิ่มราคาเหมาะสม PTTGC และ PTTEP จาก 71 และ 86 เป็น 77 และ 97 บาทตามลำดับ ทำให้ได้ราคาเหมาะสมของ PTT เพิ่มขึ้นจากเดิม 372 เป็น 389 บาท แม้ว่าราคาปิดล่าสุดต่ำกว่าราคาเหมาะสมแต่ผลประกอบการปี 60 มีโอกาสเติบโตได้จึงปรับคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”