'กลุ่มโรงกลั่น'กำไรขยับสตาร์ลุ้นเพิ่มค่าการกลั่น

'กลุ่มโรงกลั่น'กำไรขยับสตาร์ลุ้นเพิ่มค่าการกลั่น

กำไรปี59กลุ่มโรงกลั่นฟื้นตัว หลังราคาน้ำมันพุ่ง ดันกำไรสต็อกน้ำมันทะลัก ด้าน“สตาร์ ปิโตรเลียม”มองกำไรโตต่อเนื่อง หวังเพิ่มค่าการกลั่น 0.25%

กลุ่มโรงกลั่นในตลาดหลักทรัพย์รายงานผลประกอบการปี2559 พบว่ามีแนวโน้มการฟื้นตัวดีขึ้น โดย บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)TOP มีกำไรสุทธิ 21,221.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 74 %  บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน)SPRC มีกำไรสุทธิ 8,688.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 6 % บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) มีกำไรสุทธิ 9,720.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ที่ 3 %  บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) มีกำไรสุทธิ 4,773.38 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 15 % 

นายวิชัย ชุณหสมบูรณ์ ผู้จัดการฝ่ายการเงินและการคลัง บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) SPRC กล่าวว่า แนวโน้มกำไรสุทธิปี2560 มีทิศทางที่ดีขึ้นจากปีก่อน เป็นผลมาจากกำลังการผลิตที่ขยายตัวได้อย่างต่อเรื่อง รวมถึงแผนการเพิ่มค่าการกลั่น

“ทิศทางกำไรปี2560 น่าจะดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยจะมาจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ซึ่งปีนี้คาดว่าจะผลิตน้ำมันได้ 1.65 แสนบาเรลต่อวัน จากปีก่อนที่ 1.62 แสนบาเรลต่อวัน ซึ่งเป็นไปตามแผนที่จะขยายกำลังการผลิตให้เพิ่มขึ้นทุกปี”

ส่วนค่าการกลั่นปีนี้คาดว่า จะอยู่ที่ 5-7 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากปีก่อนที่ 6.7 ดอลลาร์ต่อบาเรล ซึ่งถือว่าอยู่ระดับที่สูงกว่าตลาด ทั้งนี้ บริษัทมีแผนงานที่จะปรับปรุงค่าการกลั่นให้เพิ่มขึ้นปีละ 0.25 % โดยจะมาจากการผลิตน้ำมันที่มีศักยภาพสูงขึ้น และการควบคุมต้นทุนที่ดี ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งงบลงทุนไว้ปีละ 20 ล้านดอลลาร์ โดยจะใช้ 10 ล้านดอลลาร์ในการลงทุนปรับปรุงกระบวนการผลิตน้ำมัน และ 10 ล้านดอลลาร์เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต  ซึ่งปีที่ผ่านมายอมรับว่าได้ผลประกอบการที่ดีส่วนหนึ่งมาจากการได้รับกำไรจาก

สต็อกน้ำมันดิบ ซึ่งในปีนี้นั้นแม้บริษัทจะมีสต็อกน้ำมันดิบค่อนข้างมาก แต่จะไม่มีการทำประกันความเสี่ยง เนื่องจากมองความผันผวนของราคาน้ำมันจะไม่มีผลกระทบกับกำไรบริษัทระยะยาว จึงเน้นการควบคุมประสิทธิภาพการผลิตมากกว่า 

อย่างไรก็ตามทิศทางของราคาน้ำมันดิบในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 50-60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยมีทิศทางที่ดีขึ้นจากปีก่อนที่ระดับ 43-48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปัจจัยหลักจะมาจากการเจรจรของกลุ่มโอเปคและนอน โอเปค