บจ.ใหญ่กำไร 'ดีเกินคาด' รายได้อิงเศรษฐกิจนอก

บจ.ใหญ่กำไร 'ดีเกินคาด' รายได้อิงเศรษฐกิจนอก

ผลประกอบการ "บจ.ใหญ่ ปี2559" พบว่ากำไรดีเกินคาด ส่วนใหญ่เป็นเพราะมีรายได้จากต่างประเทศ

บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์กำลังทยอยประกาศผลประกอบการงวดปี 2559 และไตรมาส4 ปี 2559 โดยภาพรวมส่วนใหญ่เป็นไปตามประมาณการของโบรกเกอร์ที่คาดการณ์ไว้ และเบื้องต้นบริษัทขนาดใหญ่ที่รายงานงบการเงินออกมาแล้ว พบว่ามีกำไรดีกว่าที่คาด และส่วนมากดำเนินธุรกิจอิงจากเศรษฐกิจภายนอก ดังนั้น การลงทุนหุ้นที่น่าสนใจในช่วงนี้จึงน่าจะเป็นหุ้นที่มีกำไรออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้

บล.ทิสโก้ ระบุว่า การประกาศกำไรโดยรวมจนถึงขณะนี้เป็นไปตามคาดเพิ่มขึ้น 3% จนถึงวันที่ 15 ก.พ.2560 บริษัทจดทะเบียน (บจ.) มีการรายงานผลประกอบการแล้ว 91 บริษัท หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 13% ของบจ.ทั้งหมดจำนวน 723 บริษัท (ทั้งตลาดหลักทรัพย์และ ตลาดเอ็มเอไอ ) โดยกำไรสุทธิไตรมาส 4 ปี 2559 รวมอยู่ที่ 1.11 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากงวดเดียวกันปีก่อน แต่ลดลง 2%จากงวดไตรมาส3/2559 หากเทียบผลประกอบการจริงที่ออกมากับคาดการณ์กำไรของตลาดโดยรวมถือว่าบจ.มีกำไรโดยรวมเป็นไปตามตลาดคาดเพิ่มขึ้น3%

สำหรับหุ้นที่มีกำไรดีกว่าคาด คือ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้เรียงลำดับจาก % Surprise เป็นบวกมากไปหาน้อย คือ 42%, 33%, 31%, 26%, 24% และ20% ตามลำดับ

ขณะที่หุ้นที่มีกำไรแย่กว่าคาด คือธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน)บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน)(เรียงลำดับจาก % Surprise เป็นลบมากไปหาน้อย คือ 153%, 29%, 19%, 19%, 14% และ7% ตามลำดับ)

ด้วยการประกาศผลประกอบการโดยรวม ยังเป็นไปตามคาด และประมาณการเศรษฐกิจไทยมีโอกาสปรับขึ้น ฝ่ายวิจัยยังคงมุมมองประมาณการกำไรบจ.ปี2560-2561 มีโอกาสปรับตัวขึ้น หลังจากที่ผ่านพ้นจุดต่ำมาตั้งแต่ไตรมาส3ปี2559 แต่จะปรับขึ้นมากหรือน้อยนับจากนี้ จะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจเดือน ม.ค. และการทยอยประกาศผลประกอบการของหุ้นตัวอื่น ๆ ที่เหลือในช่วงครึ่งหลังของเดือนนี้ ดังนั้นมองตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งเดือนหลังยังแกว่งแบบไซด์เวย์ในกรอบจนกว่าการประกาศผลประกอบการและแผนกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ของทรัมป์จะมีความชัดเจนในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้านี้

บล.เอเซียพลัส ประเมินว่าตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงของการย่อยข่าวผลประกอบการงวดไตรมาส 4 ปี2559 ของกลุ่มที่มิใช่ธนาคารพาณิชย์ ขณะนี้รายงานราว 73 บริษัท มีกำไรสุทธิงวดไตรมาส 4รวมราว 5.52 หมื่นล้านบาท ลดลง 4.9%จากงวดเดียวกันปีก่อน ทำให้กลยุทธ์การลงทุนจะเน้นไปที่หุ้นที่มี ประกอบการดีกว่าคาด ซึ่งส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มที่อิงเศรษฐกิจภายนอก จากแนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ฟื้นตัว เช่น หุ้นพีทีทีซีจี ,หุ้นไทยออยล์และหุ้นทิปโก้แอสฟัลท์