'สมคิด'เรียกทูตพาณิชย์ถกส่งออกเชิงรุก20ก.พ.นี้

'สมคิด'เรียกทูตพาณิชย์ถกส่งออกเชิงรุก20ก.พ.นี้

"รมว.พาณิชย์" เผย "สมคิด" เตรียมหารือทูตพาณิชย์ทั่วโลก 20 ก.พ. นี้ หวังเดินหน้าแผนผลักดันการส่งออกเชิงรุก ให้ส่งออกโตตามเป้า 3%

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า วันที่ 20 ก.พ.นี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะมาร่วมให้นโยบายแก่ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) จาก 58 สำนักงานทั่วโลก เพื่อการรับฟังแนวนโยบายขับเคลื่อนการค้าระหว่างประเทศ  และทบทวน ประเมินสถานการณ์ เป้าหมายส่งออกรายภูมิภาค รวมทั้งจัดทำแผนผลักดันการส่งออกเชิงรุกรายภูมิภาคร่วมกัน เพื่อผลักดันให้การส่งออกไทยเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 3%
 
ทั้งนี้ในการประชุม จะวิเคราะห์สถานการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจการค้า เพื่อหาทางรองรับผลกระทบสำคัญที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งที่น่ากังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ เกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศปัจจุบัน คือมาตรการกีดกันการค้าในรูปแบบต่าง ๆ ที่มาประเด็นปัญหาทางสังคม สิ่งแวดล้อมมากขึ้น การปรับมาตรฐานยานยนต์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรต (ยูเออี) ที่เน้นการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การยกเลิกใช้ธนบัตร 500 และ 1,000 รูปีของอินเดีย ขณะเดียวกันก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีก อาทิ นโยบายการค้าของสหรัฐฯ สหราชอาณาจักรจะออกจากสหภาพยุโรป (อียู) การเลือกตั้ง ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำในอีกหลายประเทศ อาทิ เยอรมัน ฮ่องกง รวมถึงราคาน้ำมันที่เริ่มมีแนวโน้มสูงขึ้นด้วย แม้ว่าปีที่ผ่านมาจะเป็นปัจจัยเสี่ยงหลัก แต่ปีนี้ถือว่าปัญหาดังกล่าวน้อยลง เนื่องจากราคาเริ่มสูงขึ้นแล้ว ซึ่งทำให้สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันราคาเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่ก็อาจจะกระทบต่อกำลังซื้อของหลายประเทศทั่วโลก
 
"ปีนี้ภาวะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลายแห่งเริ่มฟื้นตัวขึ้นแล้ว ดังนั้น ไทยจะต้องเดินหน้ารุกตลาดให้ได้มากที่สุด โดยต้องการที่จะหาตลาดใหม่ ๆ เพิ่มเติมให้มากขึ้น โดยเฉพาะ ตะวันออกกลาง แอฟริกา อเมริกากลาง ที่มีโอกาสเติบโตได้มาก ขณะที่อาเซียนนั้นมีศักยภาพสูง แต่ก็มีปัญหาที่ต้องระมัดระวังเช่นกัน ทั้งตลาดจีน อินเดีย และญี่ปุ่น ขณะที่กลุ่มซีแอลเอ็มวีนั้น ต้องพยายามที่จะใช้หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ เพื่อให้เติบโตไปด้วยกันให้ได้มากที่สุด ซึ่งในการประชุมครั้งนี้จะแตกต่างจากทุกครั้ง คือมีภาคเอกชนไทย ที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละภูมิภาคมาเป็นที่ปรึกษาร่วมทำแผนการส่งออกด้วย นับเป็นปฏิรูประยะยาว เป็นอีกมิติของการสร้างหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ในประเทศ"