Daily Market Outlook (14 ก.พ.60)

Daily Market Outlook (14 ก.พ.60)

นโยบาย Trump กลับมาหนุนตลาดอีกครั้ง

คาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวสูงขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ที่สูงขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่ บนความคาดหวังอีกครั้งต่อนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของ Donald Trump อย่างไรก็ตามคาดตลาดจะปรับตัวสูงขึ้นในกรอบจำกัดเนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งจะส่งผลให้โอกาสการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ มีมากขึ้น นักลงทุนยังคงจับตารอถ้อยแถลงของ Yellenก่อนที่จะมีการประชุมสภาสหรัฐฯ ในวันนี้และพรุ่งนี้เพื่อประเมินท่าทีการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในเดือนมี.ค. และมุมมองจาก Fed ต่อผลกระทบจากนโยบายของ Trump มองปัจจัยในประเทศวันนี้ไม่มีผลต่อตลาดมากนัก

หุ้นเด่นวันนี้: BBL (ราคาปิด 182.50 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายปี 60 ของ AWS 203.00 บาท)

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เป็นหุ้นเด่นของเราในวันนี้เนื่องจากเราคาดว่าธนาคารน่าจะได้รับประโยชน์อย่างมากจากการขยายตัวของสินเชื่อองค์กรขนาดใหญ่หนุนโดยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐมูลค่ากว่า 1.1 ล้านล้านบาทซึ่งจะเริ่มดำเนินการได้ในปีนี้ เราคาดว่ามากกว่า 60% ของเงินทุนจะมาจากสินเชื่อจากธนาคาร ตัวอย่างของโครงการดังกล่าวประกอบด้วยโครงการรถไฟฟ้า 5 เส้นทางมูลค่ากว่า 2.85 แสนล้านบาท ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยาย สายสีส้มตะวันตก สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย สายสีเขียวเข้มช่วงสมุทรปราการ-บางปู และสายสีเขียวเข้มช่วงคูคต-ลำลูกกา ซึ่งนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยว่าทั้ง 5 โครงการนี้จะถูกเสนอเข้า ครม. ภายในครึ่งปีแรก ตัวอย่างเหล่านี้บ่งบอกว่าการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐที่รอมานานได้เริ่มต้นอย่างจริงจังแล้ว นั่นหมายความว่านับจากนี้ไปความต้องการของสินเชื่อเพื่อเป็นทุนสำหรับโครงการเหล่านี้ก็จะตามมาด้วย นอกจากนี้ เรามองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมจะช่วยผลักดันความต้องการสินเชื่อของการลงทุนจากภาคเอกชนอีกด้วย นอกเหนือจากนั้น เรายังชอบ BBL ตรงที่ธนาคารมีคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง โดยในปี 59 อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ของธนาคารอยู่ที่ 173.6% นับเป็นระดับสูงสุดในอุตสาหกรรม เรามองว่าระดับการตั้งสำรองสูงนี้เพียงพออย่างมากในการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้ และอีกปัจจัยที่สำคัญ มูลค่าหุ้น BBL น่าสนใจมากเนื่องจากซื้อขายกันในอัตราส่วนราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชีที่ถูกที่ 0.9 เท่า และให้อัตราเงินปันผลตอบแทนที่ประมาณ 3.8% เราคาดการณ์สินเชื่อของธนาคารปี 60 จะเร่งตัวเติบโต 7% จาก 3.9% ในปี 59 เราประมาณการกำไรจะเติบ 11.2% ในปี 60 และ 15.5% ในปี 61 ฟื้นตัวจาก -6.9% ในปี 59 Price Pattern ของ BBL มีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal โดยเมื่อพิจารณา Price Pattern ของ BBL ที่สามารถ Break ด้วยการปิดตลาดเหนือเป้าหมายเบื้องต้นที่ 177 บาทไปได้ จึงมีเป้าหมายต่อไปอยู่ที่ 188 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 198.50 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ BBL มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 173.50 บาท (Resistance: 183.00, 183.50, 184.50; Support: 182.00, 181.50, 180.50)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• คลังเผยรายละเอียดภาษีที่ดิน นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงรายละเอียดร่างกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยที่ดินที่ปล่อยว่างและไม่ได้ใช้ประโยชน์จะถูกคิดภาษีเพิ่ม 0.5% ในทุก 3 ปี สูงสุดไม่เกิน 5% ของราคาประเมิน อย่างไรก็ตามกฎหมายดังกล่าวจะยังไม่ถูกบังคับใช้ และเลื่อนออกไปอีก 1 ปี เป็นปี 2561 หลังจากที่ก่อนหน้านี้คณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นที่ไม่ตรงกัน (Bangkok Post)

• เกาหลีใต้สนใจร่วมลงทุนโครงการ Medical hub ของไทย พร้อมเสนอให้ไทยมอบ Visa ให้แก่ชาวเกาหลีใต้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปสำหรับการพำนักระยะยาวในไทย รวมถึงการมาท่องเที่ยวในเชิงการแพทย์และการรักษาพยาบาลและการสันทนาการต่างๆ ทั้งนี้ความร่วมมือดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในแผนการโปรโมทประเทศไทยเพื่อเป็น Medical hub ของอาเซียน (Bangkok Post)

• Picofinanceได้รับความสนใจกระทรวงการคลังเผยปัจจุบันมีผู้สนใจยื่นของใบอนุญาต Picofinanceมากกว่า 50 ราย อาทิ โรงรับจำนำและร้านทอง นับตั้งแต่เปิดรับคำขอเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 59 (Bangkok Post)

• EPG (13.80บาท) รายงานกำไรสุทธิงวด 3Q59/60 (ต.ค. 59 – ธ.ค. 59) อยู่ที่ 331 ลบ. (-17% QoQ, -6% YoY) น้อยกว่าที่เราคาดไว้ที่ 400 ลบ. และตลาดคาดไว้ที่ 410 ลบ. (Bloomberg consensus) โดยมีสาเหตุหลักจากการชะลอตัวของการบริโภคและกิจกรรมทางธุรกิจในประเทศในช่วงไว้อาลัย (SET) ความเห็น: กำไรงวด 9 เดือนแรก (เม.ย. 59 – ธ.ค. 59) คิดเป็น 70% ของประมาณการทั้งปีของเรา มีแนวโน้มที่เราจะปรับลดประมาณการทั้งปีบางส่วนเพื่อสะท้อนถึงผลกระทบจากช่วงไว้อาลัยดังกล่าว อย่างไรก็ตามแนวโน้มธุรกิจที่แข็งแกร่งในระยะยาวจะไม่ได้รับผลกระทบ เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาเป้าหมาย 16.00 บาท

• SIRI (1.93 บาท) จะเปิดตัวคอนโดมีเนียม 8 แห่ง มูลค่ารวม 22,000 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่ง 80% เป็นระดับกลางถึงสูง ส่วนที่เหลือเป็นระดับที่สามารถจ่ายได้ ในปีนี้บริษัทตั้งเป้า Presales คอนโดฯ ไว้ 21,000 ล้านบาท ในขณะที่รายได้ธุรกิจคอนโดฯ คาดว่าจะไปถึง 13,000 ล้านบาท ในปีนี้ SIRI ตั้งเป้ายอดขายคอนโดฯ ให้ต่างชาติไว้ถึง 7,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จาก 5,400 ล้านบาท ในปีก่อน นอกจากนี้ยังก้าวเข้าการทำธุรกิจยุคดิจิตอล โดย SIRI จับมือกับ SCB ร่วมกันก่อตั้งSiri Venture ซึ่งธุรกิจ Property Technology เชี่ยวชาญในการทำวิจัยและพัฒนาธุรกิจ Start-ups เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ โดยบริษัทร่วมทุนนี้จะเริ่มทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท SIRI 90% SCB 10% มีเป้าหมายใช้เงินลงทุน 100-500 ล้านบาท ปั้นธุรกิจ Start-ups(The Nation)ความเห็น: เราแนะนำซื้อ SIRI ราคาเป้าหมาย 2.24 บาท

ต่างประเทศ:

• รอแถลงการณ์จากประธานเฟด นางเจเน็ท เยลเลน ประธานเฟดจะแถลงนโยบายการเงินต่อคณะกรรมาธิการในสภาคองเกรสในวันที่ 14-15 ก.พ. นักลงทุนจะจับตาอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับเบาะแสของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากประธานาธิบดีทรัมป์ที่มีต่อมุมมองด้านเศรษฐกิจของเฟด (CNBC)

• ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลงเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนจับตาไปที่ความเห็นจากเฟดในสัปดาห์นี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นอยู่ที่ระดับ 2.432% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีปรับตัวขึ้นอยู่ที่ระดับ 3.028% (Reuters)

• ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ อยู่ที่ระดับ 100.950 ใกล้ระดับสูงสุดนับแต่วันที่ 20 ม.ค. ในขณะที่เงินยูโรอ่อนค่าติดต่อกัน 4 วันเทียบกับดอลลาร์สหรัฐอยู่ที่ระดับ 1.0597 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นสูงสุดในช่วง 2 สัปดาห์เทียบกับเงินเยนหลังจากมีรายงานว่าทรัมป์ไม่ได้หารือเกี่ยวกับค่าเงินในระหว่างการประชุมหารือกับนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ดอลลาร์สหรัฐล่าสุดอยู่ที่ระดับ 113.72 เยน ทั้งนี้ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า 4.4% เทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ของประเทศคู่ค้าหลักของสหรัฐในปี 2016 โดยการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐส่วนมากเกิดขึ้นในช่วงท้ายปี (Reuters)

สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันจันทร์ โดยมูลค่าตลาดของดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 20 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าแผนการปรับลดภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้นหลังนาย Daniel Tarulloเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดซึ่งรับผิดชอบเกี่ยวกับกฎระเบียบทางการเงิน เผยว่าเขาจะลาออกจากตำแหน่ง ทำให้เกิดช่องว่างมากขึ้นสำหรับทรัมป์ที่จะปรับเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจกำหนดนโยบายและกฎระเบียบทางการเงิน (Reuters)

• คาดเงินเฟ้อสหรัฐแตะระดับสูงสุดนับแต่ปี 2015 จากผลสำรวจของเฟดสาขานิวยอร์ก มีการคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่สองในเดือนม.ค. สู่ระดับสูงสุดนับแต่กลางปี 2015 ซึ่งหนุนความเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวสูงขึ้นต่อไป ผลการสำรวจความเห็นของผู้บริโภคพบว่ามีการคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 3.0% จากที่ระดับ 2.8% ในเดือนธ.ค. และ 2.5% ในเดือนพ.ย. การคาดการณ์เงินเฟ้อในช่วง 3 ปีข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 2.9% จาก 2.8% ในเดือนธ.ค.(Reuters)

• ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงจากระดับสูงสุดในรอบ 13 ปีในช่วงต้นเดือนก.พ.เนื่องจากความตื่นเต้นยินดีต่อชัยชนะของทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีได้ลดลง แต่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังคงแข็งแกร่งเพียงพอที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนเมื่อวันศุกร์ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 95.7 ในเดือนก.พ. หลังพุ่งแตะ 98.5 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2004 (Reuters)

• ราคาสินค้านำเข้าในเดือนม.ค. ปรับตัวขึ้น 0.4% ท่ามกลางการปรับตัวขึ้นของต้นทุนสินค้าที่เกี่ยวกับพลังงานหลังจากที่ปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนธ.ค. ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาจนถึงเดือนม.ค. ราคาสินค้านำเข้าปรับตัวขึ้น 3.7% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับแต่เดือนก.พ. 2012 หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 2.0% ในเดือนธ.ค. แต่ราคาสินค้านำเข้าไม่รวมเชื้อเพลิงปรับตัวลง 0.2% หลังจากที่ร่วงลง 0.1% ในเดือนก่อนหน้า และราคาไม่เปลี่ยนแปลงในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาจนถึงเดือนม.ค. (Reuters)

ยุโรป:

• ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันจันทร์โดยรวมปรับตัวสูงขึ้นนำโดยดัชนีตลาดหุ้นฝรั่งเศส CAC 40 ที่สูงขึ้นถึง 1.24% ขณะที่ดัชนี DAX ของเยอรมนีปรับตัวสูงขึ้น 0.92% และดัชนี FTSE 100 ของลอนดอนปรับตัวสูงขึ้น 0.28%(Reuters)

เอเชีย:

• ทรัมป์ตกลงที่จะสนับสนุนนโยบาย 'หนึ่งเดียวของจีน” ตามคำขอของสีจิ้นผิง:นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้โทรศัพท์หาประธานาธิบดีจีน นายสีจิ้นผิง หลังจากที่เข้ามาเยือนทำเนียบขาวเป็นครั้งแรก บอกว่าเขาจะไม่ท้าทายปักกิ่ง และโดยคว่ำความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ-จีนที่มีมายาวนานผ่านการใช้ไต้หวันเป็นเครื่องมือ ประธานาธิบดีทรัมป์ตกลงตามคำร้องขอของประธานาธิบดีจีนในการให้เกียรตินโยบาย “หนึ่งเดียวของจีน” (The Guardian)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• น้ำมันถูกกดดันโดยดอลลาร์ที่แข็งขึ้นและสัญญาณของปริมาณน้ำมันดิบสหรัฐที่เพิ่มขึ้น น้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 12 เซนต์อยู่ที่ 53.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ลดลง 1.11 ดอลลาร์อยู่ที่ 55.59 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)

• ทองปรับตัวลงเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเทียบกับเงินเยนหนุนโดยการพบกันของประธานาธิบดีสหรัฐโดนัลด์ ทรัมป์กับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นชินโซ อะเบะที่ผ่านไปได้ราบรื่น ราคาทองคำตลาดจรลดลง 0.31% อยู่ที่ 1,230.22 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ขณะที่ทองคำล่วงหน้าร่วง 0.36% อยู่ที่ 1,231.30 ดอลลาร์ (Reuters)