รอยสตั๊ด : เปิดม่าน 4T

รอยสตั๊ด : เปิดม่าน 4T

วานก่อน (11 ก.พ.) ฟุตบอลลีกอาชีพของเมืองไทย ก็เริ่มเปิดม่านฟาดแข้งกันเป็นที่เรียบร้อย

       หลังจากหยุดแข่งขันไปนานร่วม 4 เดือนเต็ม พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงใหม่อีกครั้งแล้ว ของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่ปรับโฉมของโลโก้จากถ้วยพระราชทาน ก มาเป็นตัวย่อภาษาอังกฤษ และชื่อเรียกแต่ละลีก ว่า T1 T2 T3 และ T4

     สำหรับการแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก หรือ ที1 นั้น “กิเลนผยอง” สโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ก็สามารถโชว์ฟอร์มสมกับเป็นทีมตัวเต็งว่าที่แชมป์ฤดูกาล 2017 แม้ว่าจะไม่มี ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ที่ย้ายไปเล่นให้กับสโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด ด้วยการถล่ม “กระต่ายแก้ว” บางกอกกล๊าส เอฟซี หนึ่งในกลุ่มทีมลุ้นแชมป์ ในขณะที่ทีมน้องใหม่ไฟแรง สโมสรอุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด ก็ชนะ “กูปรีอันตราย” สโมสรศรีสะเกษ เอฟซี ของ “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน ไปอย่างสวยงาม 2-0 ส่วน “ช้างยุทธหัตถี” สโมสรสุพรรณบุรี เอฟซี เก็บ 3 แต้มแบบหืดขึ้นคอ และ “มังกรไฟ” สโมสรโปลิส บีอีซี เทโรศาสน ก็ยังเกาะกลุ่มทีมนำเป็นสัปดาห์แรกอีกหนึ่งทีม

     หากมองถึงเกม และการพัฒนาฝีเท้าของผู้เล่นแต่ละสโมสรในปีนี้ นักเตะต่างชาติยังคงเป็นตัวหลักอยู่บ้างในบางตำแหน่ง เนื่องจากหลายทีมๆ กำลังอยู่ในช่วงไม้ผลัดใบ แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดขึ้นนั้น คงเป็นความเป็นมืออาชีพของนักฟุตบอลไทยที่สามารถควบคุมอารมณ์ให้อยู่กับเกม ส่วนแฟนลูกหนังของทีมนั้น ก็เป็นองค์ประกอบที่สำคัญต่อการก้าวไปสู่ระบบฟุตบอลอาชีพเต็มตัว หากการเชียร์นั้นจะพยายามมองให้เป็นกีฬาที่มีการพ่ายแพ้ได้ และการให้อภัยกับสิ่งผิดพลาดในสนาม ทั้งจากตัวนักเตะและผู้ตัดสิน เนื่องจากจะทำให้ฟุตบอลไทยลีกอาจจะกลับมาเป็นเกมสำหรับวันพักผ่อนของครอบครัวอีกครั้งหนึ่ง

     นอกจากเกมการแข่งขันของทุกคู่แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ผู้ตัดสินไทยลีกปีนี้ ทุกคนจะมีอุปกรณ์สื่อสารระหว่างเกมเสริมเพื่อช่วยในการตัดสินให้มีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังมีความผิดพลาดบางเล็กๆ น้อยๆ ให้เห็นบางในบางช่วง คงต้องให้เวลากับผู้ตัดสินปรับสภาพให้เกิดความเคยชินกับอุปกรณ์ดังกล่าว แต่ทั้งนี้ คงต้องไม่ทิ้งความเป็นธรรมชาติของเกม จนหมดอรรถรสของฟุตบอลที่ต้องใช้เพียงชั่วเสี้ยววินาทีกับวิจารณญาณก่อนลั่นนกหวีดเป็นสำคัญ

     คนที่รักวงการฟุตบอลไทยทุกคนหวังว่า เมื่อมาตรฐานของลีกแข็งแกร่ง คงจะส่งผลให้ทีมชาติไทยของเราแข็งแกร่งเช่นกัน เพื่อก้าวสู่ทีมชั้นนำของทวีปเอเชียในไม่อีกกี่ปีข้างหน้า สำหรับอีกหนึ่งความฝันที่มีมานานกว่าหนึ่งศตวรรษ จะกลายเป็นความจริงเสียที กับการปรากฏ ชื่อ “ทีมชาติไทย” ในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย แม้ว่าวันนั้น ฟุตบอลลีกของไทยอาจจะเปลี่ยนชื่อไปอีกครั้งก็ตามที