สมหวัง ตั้งสมบัติวิสิทธิ์ พา’เด็กสมบูรณ์’สู่เวทีโลก

สมหวัง ตั้งสมบัติวิสิทธิ์ พา’เด็กสมบูรณ์’สู่เวทีโลก

7 ทศวรรษ ‘หยั่น หว่อ หยุ่น’ซอสปรุงรส’เด็กสมบูรณ์’ยุค’ทายาท’สืบทอดปณิธานบิดาพาแบรนด์ไทยสู่ระดับโลก‘สมหวัง ตั้งสมบัติวิสิทธิ์’เคลื่อนองค์กร

เป็นสินค้าอุปโภคบริโภคแบรนด์เก่าแก่เกือบ 70 ปี สำหรับ “ตราเด็กสมบูรณ์” กับการพยายาม“ปักธงแบรนด์ไทย” ในตลาดผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรสระดับโลก

วันนี้แม้บริษัทจะส่งสินค้าบุกตลาดกว่า 60 ประเทศ แต่การกรุยทางสู่เป้าหมาย กลับไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด เข้าไปประเทศไหน ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคฟาดฟันกับเจ้าถิ่นในตลาดนั้นๆ

โจทย์ใหญ่จึงเป็นการตอกย้ำตำแหน่ง “ผู้นำ” ในประเทศไทยให้แกร่งก่อน

“สิ่งที่เราต้องทำคือให้ตราเด็กสมบูรณ์เป็นแบรนด์อันดับ 1 ในประเทศไทย ในหลายๆแคทิกอรี่ เพื่อที่ว่า เมื่อเราเป็นแบรนด์ที่ 1 ในไทย ก็จะให้ง่ายต่อการเป็นที่ 1 ในต่างประเทศ” ประโยคสะท้อนถึงภารกิจลำดับแรกๆที่ “สมหวัง ตั้งสมบัติวิสิทธิ์” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท หยั่น หว่อ หยุ่น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด ทายาทรุ่น 3 ของตระกูลผู้สร้างอาณาจักรซอสปรุงรสเบอร์ 1 ของเมืองไทย เล่าและว่า

เริ่มเข้ามาทำงานสานต่อธุรกิจครอบครัว ราว 30 ปี ตลอดระยะเวลาดังกล่าวเขามองเห็นการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความก้าวหน้าของโลกดิจิทัลเคลื่อนตลาดรวดเร็ว ดูจะสวนทางกับแบรนด์เก่าแก่อย่างตราเด็กสมบูรณ์

แบรนด์จึงต้องไม่หยุดนิ่ง อยู่เฉยไม่ได้ !

“วันนี้การตลาดเปลี่ยนเร็ว จึงต้องพยายามทำแบรนด์ให้ร่วมสมัย หากสังเกตจะเห็นว่า ตราเด็กสมบูรณ์เป็นแบรนด์ซอสปรุงรสแรกๆที่แอคทีฟในตลาดมากๆ ทุกช่วง ทุกเทศกาล” เขาบอก

ขณะเดียวกัน การตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป “ออนไลน์” พลิกโฉมธุรกิจ ทำให้บริษัทก็ต้องหันไปค้าขายผ่านช่องทางดังกล่าว ไม่ว่าจะผ่านแฟนเพจ เฟสบุ๊ค แอคเคาน์ไลน์ weloveshopping ฯลฯ เพิ่มโอกาสเติบโต เช่นเดียวกันกับการทำตลาดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ให้น้ำหนักทุ่มงบประมาณไปด้านนี้มากขึ้น จากแต่ละปีใช้งบทำตลาดและประชาสัมพันธ์ทั้ง Above the line และ Below the line หลักหลายร้อยล้านบาท

การพัฒนาแบรนด์ยังไม่ได้จำกัดกรอบตัวเองอยู่แค่ตลาดในประเทศ แต่ยังยกระดับไปสู่ระดับ“นานาชาติ” โดยโจทย์ระยะยาวสำหรับทายาทเช่นเขา คือ การก้าวสู่เวทีโลก โดย “ทางลัด” หรือมรรควิถีที่จะถูกนำมาใช้ มีทั้งการมองหาโอกาสในการซื้อและควบรวมกิจการ (Mergers and Acquisitions :M&A) ไปจนถึงการร่วมทุน

“ในฐานะทายาท เราวางแผนธุรกิจระยะ 5-10 ปีจากนี้ว่าจะทำอะไร การจะไปถึงจุดนั้น (โกลบอลแบรนด์) ก็มีหลายวิธี ถ้าถามว่าเราจะมุ่งเน้นแค่ทำตลาดเพียงลำพังคงยาก จึงไม่ปิดกั้นโอกาสในการซื้อกิจการในต่างแดน หาพันธมิตรร่วมทุน” เขาบอก

ส่วนคุณสมบัติพันธมิตรต้องมีดีอะไรบ้าง สมหวัง บอกว่า ต้องเป็นพันธมิตรที่เข้ามาช่วย “เสริมแกร่ง” โดยเฉพาะเรื่องการ “สร้างแบรนด์” ในต่างประเทศ

ทว่า การมุ่งสู่สังเวียนซอสปรุงรสระดับโลก ไม่ง่าย เพราะหากมองตลาดในประเทศที่ต้องฟาดฟันกับผู้ประกอบการและแบรนด์ไทยแล้ว ตลาดนอกบ้าน ก็ยังต้องไปแข่งกันเองกับแบรนด์ไทย พ่วงด้วย “คู่แข่ง” จากสิงคโปร์ ฮ่องกง เกาหลี เวียดนาม ซึ่งปัจจุบันไม่มีใครที่เป็นเจ้าตลาดชัดเจน จะวัดว่าใครเหนือกว่า ก็พิจารณาจากการ “เข้าถึงตลาด” ได้เยอะและลึกกว่ากัน

แต่การจะทำเช่นนั้นได้ ต้องใช้ “ทุน” มหาศาล แต่เราก็สู้

+++++++++++++++++++

วิกฤติคือโอกาส

ขับเคลื่อนธุรกิจมานาน สานต่อสิ่งที่บิดา “วิเชียร ตั้งสมบัติวิสิทธิ์” ประธานผู้ก่อตั้งบริษัท หยั่น หว่อ หยุ่น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป เส้นทางที่เดินล้วนเผชิญความหฤโหด โดยเฉพาะปี 2554 เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ของประเทศไทย

ทว่า ในปีนั้นกลับเป็นปีที่ “โอกาสดี” มีมากพอสมควร เพราะท่ามกลางสถานการณ์ที่ “คู่แข่ง” มีปัญหาเรื่องการกระจายสินค้า แต่ “หยั่น หว่อ หยุ่น” มีสินค้า และ “กระจาย” ถึงกลุ่มเป้าหมายได้ เพราะมีจุดแข็งจากการที่การมีทีมโลจิสติกส์เป็นของตนเอง

อย่างไรก็ตาม การทำธุรกิจทุกปีย่อมมีโจทย์หินให้แก้เสมอ ในเรื่องนี้เขาเห็นว่า ถ้ามองวิกฤติเป็นวิกฤติ ย่อมเป็นวิกฤติและไม่มีโอกาส กลับกันผู้บริหารควรมองวิกฤติให้เป็นโอกาส

“นี่แหละคือโจทย์ คือความท้าทายอย่างหนึ่งที่ต้องก้าวข้ามไปให้ได้ ดังนั้น ทีมงาน ผู้บริหาร ถ้ามีวิกฤติเข้ามา ต้องผ่านมันไปให้ได้ ไม่มีอะไรยาก”

แล้วสิ่งที่บิดา ส่งไม้ต่อให้ทายาทเช่นเขาสืบทอดอาณาจักรมีอะไรบ้าง “สมหวัง” บอกว่า “ตั้งแต่ที่พ่อตั้งกิจการมา ก็มีปณิธานว่าจะมุ่งมั่นพัฒนาสินค้า ยึดมั่นคุณภาพ และบริการที่ดีตลอดไป ”

ปัจจุบันหยั่น หว่อ หยุ่น มีสินค้าทำตลาดทั้งสิ้น 3 แบรนด์ ได้แก่ ซอสปรุงรสตราเด็กสมบูรณ์, เครื่องปรุงสำเร็จไอ-เชฟ (i-Chef)และซอสพร้อมปรุงแม็กซัพ (MAXCHUP) และมีสินค้าหลายรายการ หลายแคทิกอรี ที่สำคัญยังเป็นในตลาดซอสปรุงรสและเครื่องปรุงรวม เรียกได้ว่าเป็น “ผู้นำ” ครองส่วนแบ่งตลาด 32% ขณะที่ซีอิ๊วขาว มีส่วนแบ่งตลาดถึง 82%

ขณะที่ยอดขายยังอยู่ที่ระดับ 3,000 กว่าล้านบาท ถามว่ามองยอดขาย “หมื่นล้าน” ไว้บ้างหรือไม่

“ผมมองตั้งแต่วันแรก เพื่อไปถึงให้ได้” ประโยคทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้ม