สัมผัสแรก ซูบารุ “โกลบอล แพลทฟอร์ม”

สัมผัสแรก ซูบารุ  “โกลบอล แพลทฟอร์ม”

ทดสอบ ซูบารุ อิมเพรสซ่า รถคันแรก ที่สร้างขึ้นจากแพลทฟอร์มใหม่ ที่เรียกว่า "โกลบอล แพลทฟอร์ม"

     สองสามสัปดาห์ก่อนที่ผมเดินทางไปสิงคโปร์ ร่วมงานมอเตอร์โชว์ และร่วมงานกับซูบารุที่นำเสนอแพลทฟอร์มใหม่ ที่เรียกว่า “ซูบารุ โกลบอล แพลทฟอร์ม” รวมถึงยลโฉมรุ่นแรกที่ใช้แพลทฟอร์มใหม่ ก็คือ “อิมเพรสซ่า” รหัสรถที่คนไทยคุ้นเคยกันดี 

     อย่างไรก็ตามในบ้านเราช่วงนี้ไม่ใช่ตลาดของอิมเพรสซ่า รถที่ขายหลักๆ คือ เอ็กซ์วี และที่สิงคโปร์ เกลน ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ตันจง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัทแม่ของ บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จำหน่ายซูบารุในไทย บอกว่าตลาด 9 ประเทศที่ได้สิทธิ์ทำตลาดนั้น อิมเพรสซ่าจะเริ่มเปิดตัวที่สิงคโปร์ จากนั้นตามด้วยไต้หวัน และฟิลิปปินส์ ส่วนไทยยังไม่มีแนวคิดที่จะทำตลาด เนื่องจากเห็นว่าตลาด ซี-เซ็กเมนต์ อยู่ในช่วงที่กำลังหดตัว แต่ต่อไปในอนาคตถ้าตลาดฟื้นตัว ก็ค่อยมาว่ากันใหม่

     แต่ไทยก็จะได้ใช้แพลทฟอร์มใหม่ในปีนี้เช่นกัน นั่นคือ เอ็กซ์วี ใหม่ ที่มีแผนเปิดตัวช่วงงานมหกรรมยานยนต์

       อย่างไรก็ตาม ซูบารุ ก็อยากจะให้ได้รู้รส รู้อารมณ์ของแพลทฟอร์มใหม่และอิมเพรสซ่าใหม่บ้าง จึงจัดคิวให้สื่อจากไทยได้ทดสอบกันพอหอมปากหอมคอ เทียบกับรถคู่แข่งในตลาดเดียวกัน คือ กลุ่ม ซี เซ็กเมนต์ ทั้งจากญี่ปุ่น และยุโรป 

     อิมเพรสซ่า มี 2 รูปแบบตัวถัง คือ 4 ประตู และ 5 ประตู มี 2 ขนาดเครื่องยนต์ คือ เบนซิน 1.6 ลิตร และเบนซิน 2.0 ลิตร 

     เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้าที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที ส่วนรุ่น 2.0 ลิตร เป็นแบบฉีดตรง หรือ ได้เร็ค อินเจ็คชั่น ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 196 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที 

     เกียร์ ลิเนียร์โทรนิค ซีวีที ช่วงล่างด้านหน้าแมคเฟอร์สัน สตรัท ด้านหลังดับเบิล วิชโบน

     รุ่น 1.6 ลิตร แบ่งออกเป็น 1.6i กับ 1.6s แตกต่างกันที่อุปกรณ์มาตรฐาน ด้านเทคนิคจะต่างกันเล็กน้อย ก็ตรงที่ใช้ล้อและยางต่างกัน โดย 1.6i ใช้ยาง 205/55 R16 ส่วน 1.6s ใช้ขนาดเท่ากับ 2.0s คือ 205/50 R17

     วิศวกรที่ไปนั่งคุยกันริมสนามทดสอบบอกว่า อิมเพรสซ่า ใหม่ ที่ได้แพลทฟอร์มใหม่นี้พัฒนาขึ้นหลายเรื่องจากรุ่นเดิม ไม่ว่าจะเป็นทัศนวิสัยโดยรวมที่ดีขึ้น 15% ซึ่งรวมถึงการออกแบบกระจกมองข้างที่ค่อนข้างใหญ่ ไฟด้านหน้าที่เลี้ยวตามพวงมาลัย ความสามารถดูดแซับแรงปะทะของตัวถังเพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม และผ่านการทดสอบการชนด้วยมุมเอียงด้านหน้า ด้วยวัตถุหนัก 2.5 ตัน ที่ความเร็ว 90 กม./ชม. และความเงียบที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย 

       ทีมงานจัดทำแทรคชั่วคราวในพื้นที่อดีตสนามไดรฟ์กอล์ฟ ที่กลายเป็นลานปูนไปแล้ว ส่วนสาเหตุใดก็ไม่ทราบ เพราะพยายามถามทีมงานที่ดูแลกิจกรรม ก็ดันเป็นทีมจากมาเลเซียซะอีก

      ทีมงานกำหนดเป็น 3 สถานีหลัก สถานีแรก คือ การเปลี่ยนช่องทางกะทันหันบนพื้นเปียกและพื้นแห้ง สถานีที่ 2 การขับสลาลอม เบรกในโค้ง และขับบนทางขรุขระ สถานีที่ 3 เลี้ยวเป็นวงกลม 1 รอบ และเปลี่ยนช่องทางกะทันหันขวาแล้วตามด้วยซ้าย โดยแต่ละสถานีมีพื้นที่ไม่มากนัก ตามข้อจำกัดของพื้นที่โดยรวม

     สถานีแรกจากจุดออกตัวเหยียบคันเร่งให้สุดถึงจุดที่จะเปลี่ยนช่องทางจะได้ความเร็วประมาณ 60 กม./ชม. จากนั้นหักรถเข้าช่องทางขวา แล้วหักกลับมาทางซ้ายและตามด้วยขวา ซึ่งจุดเลี้ยวที่ 2 และที่ 3  นี้ทีมงานนำแผ่นเหล็กที่ฉีดน้ำเลี้ยงตลอดเวลาปูไว้ให้เกิดความลื่น

      ซึ่งรถจะเกิดอาการเสียการทรงตัวให้รู้สึกได้ แต่จุดเด่นคือ สามารถแก้อาการได้ง่าย ด้วยการใช้พวงมาลัย กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และระบบช่วยเหลือการทรงตัวของรถ รวมถึงการออกแบบให้ศูนย์ถ่วงต่ำกว่ารุ่นเดิมอีก 5 มม.

     สถานีที่ 2 ขับสลาลอมผ่านกรวยสองสามตัวจากนั้นเมื่อส่งรถเข้าโค้งซ้ายมือ ถึงเกือบกลางโค้งเบรกเต็มที่ให้รถหยุดสนิทในโค้ง ซึ่งอิมเพรสซ่ายังมีการทรงตัวที่ดี รถสนิทอยู่ในช่องทาง จากนั้นขับบนทางขรุขระ ซึ่งเห็นได้ว่าออกแบบช่วงล่างมาเน้นความสบายในการขับขี่มากขึ้นดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี ความกระด้างน้อยกว่าคู่แข่งอีกรุ่นหนึ่งที่เน้นอารมณ์สปอร์ต 

     สถานี่ที่ 3 การขับวนรอบกรวย อิมเพรสซ่าก็ทำได้ดีเช่นกัน สถานีนี้เห็นถึงความแตกต่างชัดเจนกับคู่แข่งที่สุด คือ การเลี้ยงตัวเป็นวงกลมทำได้ง่ายกว่า รถเชื่องกว่าและเมื่อออกจากวงกลม พร้อมเปลี่ยนเลนกะทันหัน ท้ายรถกวาดออกด้านนอกน้อยกว่าคู่แข่งยี่ห้อหนึ่ง

     การลองขับครั้งนี้เป็นเพียงแค่การรู้จักกันเบื้องต้นเล็กน้อย แต่ก็พอสรุปได้ว่า อิมเพรสซ่า ใหม่ ออกแบบมาให้นั่งสบาย ห้องโดยสารกว้างขวาง ขับขี่สบาย ดูดซับแรงสั่นสะเทือนดี การควบคุมรถ และการแก้ไขสถานการณ์ทำได้ไม่ยาก แต่อารมณ์สปอร์ตจากเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ในช่วงออกตัวไม่จัดจ้าน ซึ่งทีมวิศวกรบอกว่าเป้าหมายหนึ่งของการออกแบบคือ ต้องการให้เป็นรถที่ประหยัดน้ำมัน ดังนั้นทังการเลือกเกียร์ซีวีที หรือว่าการเซ็ทการทำงานของเครื่องยนต์พยายามให้ออกมาตามเป้าหมายนั้น ส่วนอัตราเร่งช่วงกลาง หรือติดลมบนแล้ว ทีมงานยืนยันว่าขับได้สนุก 

     แต่ว่าผมยังไม่มีพื้นที่ให้ลองได้ถึงขนาดนั้น ต้องรอลุ้นกันว่าท้ายที่สุดจะเปลี่ยนใจนำเข้ามาขายหรือไม่ ถ้ามาก็จะได้ลองกันอีกทีครับ