กระทรวงท่องเที่ยวดันอีลิทขายนักลงทุนอีอีซี

กระทรวงท่องเที่ยวดันอีลิทขายนักลงทุนอีอีซี

“กอบกาญจน์” ดันอีลิทคาร์ดพ่วงขายนักลงทุนโครงการเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก ชี้ยุคใหม่ตั้งธงกระตุ้นไฮเอนด์ขยายการค้า-ลงทุน

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า หลังจากที่รับทราบการรายงานผลประกอบการของบริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) ผู้ดำเนินงานโครงการบัตรไทยแลนด์ อีลิทคาร์ด ที่เริ่มมีกำไรจากการดำเนินงานต่อปี จึงเตรียมนำข้อมูลผลการดำเนินงานของบริษัท สรุปเสนอให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ

พร้อมกันนี้จะหารือกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เพื่อขอความร่วมมือนำรายละเอียดบัตรอีลิทคาร์ดเสนอต่อนักลงทุนเป้าหมายที่รัฐบาลต้องการชักชวนเข้ามาลงทุนในพื้นเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งถือเป็นกลุ่มลูกค้ามีศักยภาพตรงกับเป้าหมายของอีลิทการ์ด ที่รัฐบาลตั้งความหวังว่าจะต้องเป็นองค์กรที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการค้าและการลงทุน ผ่านฐานสมาชิกที่เป็นลูกค้าไฮเอนด์ด้วย นอกเหนือจากเป้าหมายด้านการสร้างผลประกอบการที่เข้มแข็ง

"รองนายกฯ สมคิด กำลังจะเปิดตัวโครงการ Opportunities Thailand เร็วๆ นี้ ซึ่งจะถือเป็นโอกาสสอดคล้องพอดีในการนำโครงการบัตรอีลิทไปนำเสนอ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางมาไทยและระหว่างอยู่ในประเทศด้วย"

นายพฤทธิ์ บุปผาคำ ผู้จัดการใหญ่ บริษัททีพีซี กล่าวว่า ปีนี้วางกลยุทธ์และแผนการดำเนินธุรกิจปีนี้ 3 ด้าน ได้แก่ 1.พัฒนาผลิตภัณฑ์หลากหลายตรงกับความต้องการของตลาดมากขึ้น 2.ตั้งราคาบัตรหลายระดับให้สมาชิกมีตัวเลือกที่พอใจ และ 3.ขยายช่องทางการจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายระดับโลก

ตามกลยุทธ์ขยายตัวแทน เตรียมแต่งตั้ง บริษัท เฮนลีย์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส โฮลดิ้งส์ จำกัด ซึ่งมี 28 สำนักงานทั่วโลกเป็นพันธมิตรด้านการขายระดับโลก (Concessionaire Global Partnership) คาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ภายในสัปดาห์นี้ โดยบริษัท เฮนลีย์ฯ วางเป้าใน 2 ปีแรกปีละ 200 ล้านบาท จากนั้นปีที่ 3 วางเป้า 300 ล้านบาท และปีที่ 4 ทำได้ 400 ล้านบาท หรือรวม 1.1 พันล้านบาท

นายพฤทธิ์ กล่าวว่า บริษัท เฮนลีย์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ส เป็นเอเยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลกซึ่งให้บริการที่ปรึกษาด้าน Citizenship หรือการขอสัญชาติหรือการขออนุญาตพำนักระยะยาวให้กับลูกค้าทั่วโลก และทำงานประสานกับหน่วยงานระดับรัฐบาลเท่านั้น โดยภายใต้สัญญานี้ เฮนลีย์ฯ จะลงทุนด้านเว็บไซต์ท่า (portal website) เพื่อเป็นช่องทางการตลาดของตัวเองด้วย

"ได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวแล้ว ถึงความเป็นไปได้ที่ไทยมีมาตรการให้วีซ่าระยะยาวประเภทพิเศษ หรือสิทธิอื่นๆ สำหรับนักลงทุนที่นำเม็ดเงินเข้ามาใช้จ่ายในไทย เช่น บางประเทศกำหนดวงเงินลงทุนต้องไม่ต่ำกว่า 5 แสนดอลลาร์ (ราว 1.7 หมื่นล้านบาท) จึงจะได้สัญชาติ ซึ่งหากไทยใช้แนวคิดดังกล่าว อาจมีการปรับขั้นต่ำของเงินลงทุนให้เหมาะสมต่อไป"

ปัจจุบันอีลิท มีตัวแทนจำหน่ายมีทั้งประเภทบุคคลธรรมอยู่ที่ 38 ราย และจีเอสเอสเอ หรือเอเยนต์ที่เป็นทั้งตัวแทนจำหน่ายและให้บริการด้วย 21 ราย ซึ่งจากการสำรวจและเก็บข้อมูลตั้งแต่ปี 2556 พบว่านักท่องเที่ยวที่มาไทยและถือบัตรไทยแลนด์ อีลิทคาร์ด มีอายุตั้งแต่ 30-60 ปี เป็นชาย 80% และหญิง 20%

เพื่อตอบสนองความต้องการแตกต่างกัน บริษัทเปิดตัวใหม่อีก 4 ประเภท ซึ่งเริ่มจำหน่ายอย่างไม่เป็นทางการตั้งแต่เดือน ส.ค.2559 และเปิดจำหน่ายเต็มรูปแบบในเดือนนี้ ได้แก่ “อีลิทแฟมิลี เอ็กซ์เคอร์ชั่น ราคา 8 แสนบาท อายุบัตร 5 ปี, อีลิทแฟมิลี่ อัลเทอร์เนทีฟ ราคา 8 แสนบาท อายุ 10 ปี, “อีลิทพริเวลแอคเซส ราคา 1 ล้านบาท อายุบัตร 10 ปี และ “อีลิทซูพีเรียริตี้เอ็กซ์เทนชั่น ราคา 1 ล้านบาท อายุบัตร 20 ปี จากเดิมมีอยู่แล้ว 4 ประเภท คือ บัตรประเภทบุคคล, บัตรพ่วงอสังหาริมทรัพย์, บัตรอีลิท อีซี่ แอคเซส และบัตรสมาชิกประเภทครอบครัว ทำให้ปัจจุบันจะมีบัตรรวม 8 ประเภท

แนวทางการจัดโปรโมชั่นปีนี้ เน้นการขายบัตรประเภทครอบครัวในราคาเดียว เพื่อให้รู้สึกคุ้มค่าในการซื้อเป็นคู่ โดยโฆษณาประชาสัมพันธ์ทางออนไลน์และออฟไลน์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ร่วมกับตัวแทนจำหน่าย และเข้าร่วมอีเวนท์กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน และ ททท. ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

ตลาดกลุ่มเป้าหมายแบ่งตามกลุ่มอาชีพได้ 5 กลุ่มคือ 1.นักท่องเที่ยวไฮเอนด์ 2. เจ้าของกิจการ 3.คนวัยเกษียณ 4.นักลงทุน 5. นักเรียนนักศึกษา โดยกลุ่มที่มีการเดินทางเข้าออกประเทศไทยบ่อยครั้งและเป็นเป้าหมาย 10 อันดับแรกของบริษัท ได้แก่ อังกฤษ, จีน, อเมริกา, ฝรั่งเศส, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย, บังคลาเทศ, รัสเซีย, สแกนดิเนเวีย, เยอรมัน และสิงคโปร์

ส่วนปี 2561 จะขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังยุโรป, แอฟริกา, สแกนดิเนเวีย และอินเดีย รวมถึงกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว อินโดนีเซีย พม่า กัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซีย เป็นต้น

ในปี 2560 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% เพิ่มขึ้น 400 ล้านบาท มียอดสมาชิกเพิ่ม 678 ราย จากที่เดิมมีฐานอยู่ 4,037 รายจากปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปีที่สมาชิกใหม่ขยายเกินเป้าหมายไป 10% ส่งผลให้กำไรรวมมากกว่า 195.07 ล้านบาท ขยายจากปี 2558 ราว 82%

ปี 2559 สมาชิกอีลิทเดินทางเข้ามากว่า 14,768 ครั้ง ประเมินว่าช่วยรายได้โดยตรงกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท และเชื่อว่าลูกค้ากลุ่มนี้จะใช้จ่ายในด้านต่างๆ หลากหลาย อาทิ การลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์, รถยนต์หรู, ติดต่อธุรกิจและทำกิจการลงทุนต่างๆ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยทางอ้อมด้วย