‘ซิสเท็ม2000’ ขอยึดที่1หูฟัง

นางนิสา มังกรทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิสเท็ม 2000 จำกัด ผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์หูฟังแพลนโทรนิคส์ (Plantronics) รายเดียวในประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดรวมหูฟังในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่อง คาดว่า ปี 2560 จะเติบโตได้ไม่น้อยกว่าตัวเลข 2 หลัก

ทั้งนี้ รับปัจจัยบวกการมาของไลฟ์สไตล์ดิจิทัล การใช้งานโมบาย การใช้สำหรับเล่นเกม ด้านลูกค้าองค์กรยังคงลงทุนต่อเนื่อง ทั้งผู้ให้บริการเครือข่าย คอลล์เซ็นเตอร์ ศูนย์บริการลูกค้า ทุกลักษณะงานที่ต้องใช้โทรศัพท์สื่อสาร รวมถึงบนโต๊ะทำงานภายในสำนักงานต่างๆ ที่ผ่านมาแม้สมาร์ทโฟนเริ่มอิ่มตัวหรือเศรษฐกิจชะลอทว่าตลาดนี้ไม่เคยตก

อย่างไรก็ดี การแข่งขันทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะราคา เรื่องนี้ต้องสร้างจุดต่างด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มากกว่านั้นเข้ากันได้กับทุกการใช้งานยุคใหม่ไม่ว่าจะทำงานหรือบันเทิง รวมไปถึงกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งควบคุมโดยซอฟต์แวร์ บนคลาวด์ ทุกวันนี้การติดต่อสื่อสารเริ่มอยู่บนพื้นฐานไอพีแล้ว

แพลนโทรนิคส์ใช้งบลงทุนวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ 8-10% ของยอดขาย หรือไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาททุกปี ทั้งอัพเกรดระบบให้เข้ากับคู่ค้า เช่น ซิสโก้ อวาย่า ไมโครซอฟท์ ฯลฯ

ส่วนการทำตลาด บริษัทยังให้ความสำคัญกับการบริการหลังการขาย ขณะเดียวกันมีโปรโมชั่นต่อเนื่องตลอดทั้งปี ทว่าหากลูกค้าเลือกไม่รับส่วนลดจะได้ประกันเพิ่มเป็น 2 ปี โดยปกติหากเสียจากการใช้งานจะเปลี่ยนตัวใหม่ให้ทันที

ล่าสุด เปิดตัว สินค้าใหม่แบรนด์แพลนโทรนิคส์ รุ่น “แบ็คบีต โปร 2” BackBeat Pro2 หูฟังไฮเอนด์แบบไร้สาย มาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวน ไมโครโฟน 2 ตัวเพิ่มความคมชัดเสียงพูด ฟังเพลงต่อเนื่องสูงสุด 24 ชั่วโมง สแตนด์บายขณะเชื่อมอุปกรณ์ได้ 21 วัน แบบไม่เชื่อมต่ออุปกรณ์ 6 เดือน ปรับโฉมจากรุ่นเดิมให้มีขนาดเล็กลง ฟีเจอร์สมาร์ทเซ็นเซอร์หยุดเล่นอัติโนมัติเมื่อถอดหูฟังออกและกลับมาเล่นใหม่จุดเดิมเมื่อใช้งาน เปิดราคาจำหน่ายที่ 7,890 บาท

นอกจากนี้ รุ่นพิเศษ “แบ็คบีต โปร2 เอสอี” BackBeat Pro2 SE มีเอ็นเอฟซี ราคา 9,890 บาท มีจำหน่ายเฉพาะช่องทางออนไลน์เท่านั้น
พร้อมด้วย “แบ็คบีต 105 (BackBeat 105)” หูฟังสเตอริโอไร้สายแบบคล้องคอ เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่ชอบการฟังเพลงและสื่อสาร มาพร้อมน้ำหนักเบา เชื่อมต่อด้วยบลูทูธ ลดเสียงรบกวนรอบข้าง แจ้งเตือนด้วยระบบสั่นเมื่อมีสายเรียกเข้า สนทนาต่อเนื่อง 8 ชั่วโมง เปิดเครื่องรอรับสาย 10 วัน ราคา 2,990 บาท

อย่างไรก็ดี ช่องทางการจัดจำหน่ายมีอยู่กว่า 300 แห่ง ครอบคลุมร้านค้าโทรศัพท์มือถือและไอที ไอสตูดิโอ เจมาร์ท บานาน่า เพาเวอร์บาย ห้างโมเดิร์นเทรด ค้าปลีกชั้นนำ รวมถึงบนออนไลน์ ด้านการตลาดเน้นสื่อออนไลน์เป็นหลัก

สำหรับการโฟกัสเน้นตลาดระดับกลางถึงบน ราคาเริ่มต้น 1,000 บาท ถึง 1 หมื่นต้นๆ รุ่นที่ขายดีคือราคา 3,000-4,000 บาท โดยรวมรายได้กว่า 80% มาจากหูฟังราคา 3,000 บาทขึ้นไป

บริษัทตั้งเป้าไว้ว่า รายได้รวมตลอดทั้งปีนี้จะเติบโตจากปีก่อนหน้าไม่น้อยกว่าตัวเลข 2 หลัก ขณะเดียวกันครองอันดับ 1 หูฟังไร้สายทั้งคอนซูเมอร์และองค์กรในไทยต่อเนื่อง สัดส่วนรายได้ขณะนี้คอนซูเมอร์เกิน 50%

“หากเทียบตลาดหูฟังแบรนด์เราเชื่อว่าเป็นที่ 1 ของทุกช่องทางจำหน่ายที่มี ด้านตลาดองค์กรแพลนโทนิคส์กินส่วนแบ่งตลาดเกิน 70%”
พร้อมระบุว่า การจะอยู่รอดได้ในตลาดไอทีแกดเจ็ทนอกจากสินค้าคุณภาพ สำคัญอยู่ที่การบริหารจัดการสต็อกหน้าร้าน เรื่องนี้คาดเดายากว่า บริษัทเองต้องระมัดระวังอย่างมาก พร้อมสร้างความสมดุลกับทุกช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์

ที่ขาดไม่ได้ต้องควบคุมราคาสินค้าให้เหมาะสมเพื่อให้ลูกค้าจ่ายในราคาที่เหมาะ คู่ค้าได้กำไรแบบสมเหตุสมผล นอกจากหูฟัง เร็วๆ นี้เตรียมเสริมรายได้โดยบุกเบิกตลาดใหม่ซองสำหรับใส่โน๊ตบุ๊คด้วย บริษัทมักเข้าไปในตลาดที่เห็นว่ามีช่องว่างอย่างแท้จริง