เปิดธุรกิจบังหน้า ฟอกเงินซื้อขาย-รถหรู ใครเสี่ยงคุกบ้าง?

เปิดธุรกิจบังหน้า ฟอกเงินซื้อขาย-รถหรู ใครเสี่ยงคุกบ้าง?

เจาะประเด็นร้อน! เปิดธุรกิจบังหน้า ฟอกเงินซื้อขาย-รถหรู ใครเสี่ยงคุกบ้าง?

วิธีการเปลี่ยนแปลงเงินที่ได้สิ่งผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นเงินที่มาจากการค้ายาเสพติด ค้ามนุษย์ ค้าอาวุธเถื่อน และการหลีกเลี่ยงภาษี เป็นต้น ซึ่งเงินเหล่านี้ เรียกได้ว่า "เงินสกปรก"

ดังนั้น ขบวนการที่จะทำให้เงินสกปรก ให้เป็นเงินสะอาด ซึ่งนั่นก็คือต้องเข้าสู่ "ขบวนการฟอกเงิน" การฟอกเงินมีวิธีการหลากหลายรูปแบบ โดยหลักการที่ชัดเจนคือ กระจายเงินก้อนใหญ่ ให้กลายเป็นก้อนเล็ก โดยที่ไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกตหรือตรวจสอบเจอโดยง่าย ซึ่งถ้าหากเงินก้อนใหญ่มาก ขบวนการฟอกเงินจะต้องหากวิธีการสร้างความซับซ้อนให้มากยิ่งขึ้น เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบที่มาของเงิน

วิธีการหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมคือ การนำไปซื้อรถยนต์คันหรู ราคาหลายสิบล้าน ถือเป็นการเปลี่ยนสภาพเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาโดยผิดกฎหมายให้ดูเสมือนว่าได้มาโดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่ได้เป็นที่สังเกตมากนัก

การฟอกเงินให้เครือข่ายฯ ด้วยการเปิดบริษัทจำหน่ายรถยนต์หรูบังหน้า โดยคดีค้ายาเสพติดข้ามชาติ ของท้าวไซซะนะ แก้วพิมพา พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ชาวลาว ที่ถูกจับกุมได้เมื่อวันที่ 19 มกราคม ที่ผ่านมา
ซึ่งพฤติกรรมของไซซะนะ มักจะคบหากับบุคคลที่มีชื่อเสียงอยู่ในสังคมชั้นสูง ทั้งในประเทศไทย และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นเทคนิครูปแบบหนึ่งเพื่อเป็นเกราะป้องกันตนเอง ให้มีความน่าเชื่อถือและยากต่อการตรวจสอบหากกระทำความผิด นอกจากจะมีการคิดค้นสูตรยาเสพติดใหม่ๆ อยู่เสมอ เขายังใช้เทคนิคฟอกเงินจากการทำธุรกิจนอกฏหมายให้ได้เงินกลับมาอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ซึ่งเทคนิคนี้มักรู้กันในกลุ่มแวดวงธุรกิจสีเทา

เทคนิคที่มักใช้คือ เจ้าของธุรกิจนอกกฎหมาย จะคอยหาเครือข่ายที่มีความสนิทสนมไว้เนื้อเชื่อใจหลายคน เชิญชวนให้เข้ามาทำธุรกิจร่วม โดยไม่ต้องควักเงินเพื่อร่วมลงทุน แต่จะขอเพียงแค่ชื่อ และนามสกุล เข้ามาในรูปแบบของหุ้นส่วนบริษัท ซึ่งเจ้าของธุรกิจนอกกฎหมาย จะเป็นผู้ออกเงินทุนทั้งหมด โดยเป็นเงินลงทุนจำนวนมากเลยทีเดียว เพื่อให้เครือข่ายเปิดธุรกิจจำหน่ายรถยนต์หรูและรถจักรยานยนต์ราคาสูงบังหน้า

ยกตัวอย่าง หากนายเอ เป็นเจ้าของธุรกิจนอกกฎหมาย ก็จะทำการติดต่อเครือข่ายคือนายบี นายซี นายดี นายเอฟ ซึ่งบุคคลเหล่านี้ จะเป็นบุคคลที่ได้รับความไว้วางใจทั้งหมด จากนั้นจะมีการเปิดธุรกิจในรูปแบบบริษัท หรือร้านค้าขนาดใหญ่ โดยเครือข่ายทั้งหมด จะมีการระบุอย่างชัดเจนว่า ลงทุนกี่เปอร์เซ็นต์ จะได้รับปันผลกี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตัวเลขเหล่านี้เป็นเพียงแค่ฉากบังหน้า เพราะเครือข่ายแต่ละคนไม่ได้นำเงินมาร่วมลงทุนกับเจ้าของธุรกิจจริง เจ้าของธุรกิจจะเป็นคนดำเนินการออกเงินลงทุนทั้งหมด เพื่อใช้หมุนเวียนในการซื้อสินค้าที่มีราคาสูง ๆ ที่เห็นได้ชัดเจน เช่นรถยนต์หรู ที่ดิน และทองคำ เมื่อมีการจำหน่ายออกไปให้กับผู้ซื้อได้ซึ่งส่วนใหญ่จะมีการจ่ายด้วยเงินสด เงินกำไรที่ได้จะทำมาจัดสรรปันส่วนในแต่ละเดือนในรูปแบบของเปอร์เซ็นต์ตามที่ตกลงกันไว้

การลงทุนแบบจับเสือมือเปล่า ทำให้เครือข่ายได้รับความสนใจและได้เงินโดยไม่ต้องลงทุน เทคนิคนี้มักนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งหากเจ้าของธุรกิจนอกกฎหมายต้องการฟอกเงินที่ได้จากการกระทำความผิด ก็มักนำเงินสดไปซื้อสินค้าที่มีราคาสูงเพื่อนำมาวางขาย

ยกตัวอย่าง นายเอ นำเงินสดให้เครือข่าย ซึ่งเป็นรูปแบบบริษัทสั่งซื้อรถยนต์หรูราคาต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆรวมแล้ว 20 ล้านบาท เพื่อนำมาวางขายหากมีการขายรถยนต์คันดังกล่าวได้ในราคาที่เกินกว่า 20 ล้านบาท ต้นทุนที่เจ้าของธุรกิจนอกกฏหมายลงทุนไปก็จะได้เงินกลับคืนมาแบบถูกต้อง ส่วนกำไรที่ได้จากการขายทั้งหมดเจ้าของธุรกิจนอกกฎหมาย ก็จะเฉลี่ยให้กับนายบี นายซี นายดี และนายเอฟ ในจำนวนที่ไม่เท่ากันโดยเฉลี่ยตามเงินลงทุนที่สมอ้างในการเปิดธุรกิจ และในแต่ละเดือน บรรดาเครือข่ายที่ทำงานให้จะได้รับเงินเดือนโอนเข้าบัญชี ลักษณะเดียวกับทำงานเป็นพนักงานบริษัทนั้นเอง

พฤติการณ์ของเจ้าของธุรกิจนอกกฎหมาย มักใช้เทคนิคฟอกเงินทำนองนี้ เพื่อให้ได้เงินที่ถูกต้องตามกฎหมายกลับคืนมา แต่หากถูกตรวจสอบจากเจ้าของหน้าที่ของรัฐฯ เจ้าของธุรกิจนอกกฏหมาย มักถูกดำเนินคดีเพราะถ้าหากตรวจสอบเส้นทางการเงินย้อนหลังพบว่าเครือข่ายที่ร่วมลงทุนด้วยนั้น เป็นการลงทุนด้วยจำนวนเงินที่ไม่มากในการซื้อสินค้าเพื่อนำมาจำหน่าย เพราะเจ้าของธุรกิจนอกกฎหมาย อยู่เบื้องหลังและเป็นคนลงทุนให้ทั้งหมด ทำให้เจ้าของธุรกิจที่เป็นเครือข่ายไม่สามารถชี้แจงที่มาที่ไปของทรัพย์สินได้

สำหรับโทษความผิด ฐานฟอกเงินมาตรา 60 ผู้ใดกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรา 61 นิติบุคคลใดกระทำความผิดตามมาตรา 5 มาตรา 7 มาตรา 8 หรือมาตรา 9 ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท

ทั้งนี้กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใด ซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลตามวรรคหนึ่ง กระทำความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้มีส่วนในการกระทำความผิดของนิติบุคคลนั้น

งานนี้.. "คนดัง-ดารา" ที่อาจเกี่ยวข้องฟอกเงิน มีสิทธิ์หนาวๆร้อนๆ โดนตรวจสอบแน่!!