สุมิตร ปุณยกนก ปรับทัพ'กนกสิน'โตยั่งยืน

สุมิตร ปุณยกนก ปรับทัพ'กนกสิน'โตยั่งยืน

ชื่อของ "กนกสิน เอ๊กซปอร์ต อิมปอร์ต" เป็นที่รู้จักกันมายาวนานในแวดวงไอทีจนถึงวันนี้กว่า40ปี

โดยเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่ และอุปกรณ์สำรองข้อมูล มีลูกค้าทั้งราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงินต่างๆ


ล่าสุด ภายใต้การบริหารงานของนายสุมิตร ปุณยกนก กรรมการผู้จัดการคนที่ 2 ของธุรกิจครอบครัวแห่งนี้ วางแผนรับมืออนาคตให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืน ปรับปรุงทีมงานรองรับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีซึ่งมีอย่างต่อเนื่องและควบคุมยาก พร้อมกลั่นกรองทุกโปรเจกต์ ทำแล้วต้องมีกำไรและไม่โดนปรับ

นายสุมิตร บอกทิศทางของบริษัทว่า จะไม่เข้าตลาดหลักทรัพย์แน่นอน จะเป็นธุรกิจครอบครัวต่อไป แต่ต้องปรับตัว ปรับโครงสร้างองค์กรให้อยู่ได้อย่างยั่งยืน

“ในอนาคตผมก็ต้องเกษียณ ต้องวางมือ ถ้าไม่มีลูกหลานรับช่วงต่อ จะต้องมีมืออาชีพเข้ามาบริหาร มาทำให้บริษัทอยู่นานๆ อย่างมั่นคง แล้วเราก็คอยดูเขาอีกที ฉะนั้น ต้องวางระบบไว้ให้ดี สะดวกต่อการดูแลต่อไป บริษัทเรามีคนเยอะ ถ้าเจ๊งไปหลายคนจะมีปัญหา ไม่ใช่ลำพังตัวพนักงาน แต่ยังรวมถึงครอบครัวเขาอีก รวมๆ แล้ว 3-400 คน”

ปรับโครงสร้าง
นายสุมิตร เล่าว่า จากอดีตเป็นบริษัทซื้อมาขายไปธรรมดาๆ และมีขายเป็นระบบบ้าง แต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา พบว่า สถานะของบริษัทเริ่มกำไรน้อยลง ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไปต้อง“แย่”แน่ๆ จึงเริ่มปรึกษากับนายสรรพัชญ โสภณ อดีตผู้บริหารบริษัทไอทีระดับโลก และเริ่มปรับโครงสร้างบริษัท วิธีการทำงาน จากเดิมการขายจะแบ่งทีมขายเป็นเขตๆ เปลี่ยนเป็นเอสไอ แอคเคาน์ใหญ่ และชาเนล (ดูแลดีลเลอร์)


พร้อมปรับวิธีจ่ายผลประโยชน์ให้เซลส์ ถ้าขายมาก กำไรมาก จะจ่ายค่าตอบแทนมาก ส่วนพนักงานออฟฟิศจะมีโบนัสตามปกติ ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เซลส์รับผิดชอบงานขาย โดยดูอย่างรอบคอบ ไม่ใช่เพียงขอให้ขายได้ แต่ต้องมีกำไร ยิ่งกำไรมากผลตอบแทนยิ่งมากตามสัดส่วน พนักงานจะต้องบริหารค่าใช้จ่ายการขาย ต้องคิดค่าสินค้า ค่าคน ค่าเอนเตอร์เทน และค่าส่วนกลาง ช่วยบริษัทควบคุมค่าใช้จ่าย

“เมื่อองค์กรเติบโต คนเติบโตก็ไปด้วยกันได้ แต่ละแผนกต้องทำเงินให้มากกว่าที่จ่ายและค่าส่วนกลางที่เก็บ บริษัทไม่ได้วางเป้าหมายยอดขายเป็นพันล้าน หมื่นล้าน แต่ตั้งเป้าต้องทำกำไร ซึ่งเป็นองค์กรไทยแรกๆ ที่ทำแบบนี้ แม้บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ก็ยังไม่มีที่ทำอย่างนี้ ต้องเป็นบริษัทที่มีระบบหลังบ้านแข็งแรงถึงทำได้ อยากให้เป็นองค์กรต้นแบบของบริษัทไทย ที่มีประสิทธิภาพไม่แพ้ใครๆ"

กำไรเพิ่ม
นายสุมิตร ยืนยันว่า สิ่งที่เริ่มทำเมื่อปีที่ผ่านมาได้รับการพิสูจน์แล้วว่า มาถูกทาง โดยรับรู้ได้ว่า กำไร ดีขึ้นแน่ๆ แต่ตัวเลขยังไม่นิ่ง ยอดขายน้อยลงตามสภาพเศรษฐกิจ แต่กำไรเพิ่ม


ปัจจุบัน การทำตลาดของบริษัทเป็นลักษณะเอสไอ หรือผู้รวบรวมระบบ และดาต้า เซ็นเตอร์ หากลูกค้ามีอยู่แล้วบริษัทพร้อมเข้าไปปรับปรุง เช่น ยูพีเอส ระบบปรับอากาศ หรือจะสร้างใหม่ทั้งระบบก็ได้

ทั้งนี้ บริษัทยังหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ด้านไอทีเข้ามาเสริมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องการมี 2-3 ผลิตภัณฑ์ หรือโซลูชั่นส์ ที่ลูกค้าต้องนึกถึงบริษัทเป็นอันดับแรก เหมือนอดีตถ้าต้องการไลน์ พรินเตอร์ต้องมา‘กนกสิน’

ขณะเดียวกัน บริษัทจะเน้นบริการมากขึ้น โดยมีช่าง 50-60 คน ต้องเตรียมให้พร้อมไปบริการ และทำรายได้เข้าองค์กร หน่วยงานช่างจะเป็นโพรฟิต เซ็นเตอร์ ออกไปให้บริการแล้วทำรายได้และกำไรเข้ามา

“วิธีทำกำไรมี 2 วิธี คือ ขายให้ต่ำ หรือทำให้ลูกค้าเห็นว่าแตกต่าง ซึ่งใครๆ ก็ทำได้ขายราคาต่ำๆ แข่งกันตัดราคา แต่ช่างกนกสินจะต้องไม่เหมือนช่างที่อื่นก็จะขายตัวเองได้ เมื่อสินค้าดี บริการดี คนก็อยากซื้อ จึงต้องสร้างคนที่มีความสามารถ”

เตรียมพร้อมคน
บริษัทเน้นเรื่องคนมากขึ้น รวมทั้งวิธีการทำงานของคน ใช้คนเดิมเกือบ 100% มีคนใหม่น้อย แต่คนก็ต้องปรับตัว เพราะควบคุมเทคโนโลยีไม่ได้ เทคโนโลยีใหม่ๆ จะมาเมื่อไรก็ได้ จึงต้องเตรียมพร้อมคนรับมือความเปลี่ยนแปลง ซึ่งคนของบริษัทมีคุณภาพ จึงปรับเสริมความรู้ใหม่ๆ ให้มากขึ้น และสร้างระบบข้างในไม่ให้ซ้ำซ้อน

“ทุกคนต้องเปลี่ยนแปลงให้ได้ ไม่ต้องการทำร้ายใคร จะให้โอกาสทุกคนก่อน ซึ่งการปรับแบบนี้มีข้อเสียคือช้า แต่ต้องทำเพื่อรักษาคนเก่า ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องไป ปีที่แล้วเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ลดความซ้ำซ้อน รีวิวโปรเจกต์ไหนเอา ไม่เอา ทำแล้วจะได้กำไรหรือขาดทุน ต้องกลั่นกรองมากขึ้น ถ้าทำแล้วเสี่ยงเยอะก็ต้องรีวิว โปรเจกต์ไหนเห็นว่าเข้าแล้วขาดทุน ตัดทันที จะทำเฉพาะที่ทำกำไร”

หลังจากรับงานแล้ว จะมีทีมจัดการโครงการ (Project Management Officer :PMO) งานที่ทำต้องส่งมอบให้ทันกำหนด เพราะถ้าส่งไม่ทันจะต้องโดนปรับ ต้องประเมินจนมั่นใจทุกโครงการผ่านการกลั่นกรอง 99% ทำแล้วต้องมีกำไร และไม่โดนปรับ