ขอตัวเธอ แลกเบอร์โทร

ขอตัวเธอ แลกเบอร์โทร

เมื่อการตามหารักแท้ในโลกออนไลน์ กลายเป็นการคุกคามทางเพศในโลกจริง

 “ถ้าไม่ยอมให้ไปหาที่ห้อง จะเอาภาพตอนเซ็กส์โฟนไปประจาน” น้ำเสียงตะคอก ถูกเปล่งออกมาจากชายหนุ่มในโลกออนไลน์ หวังนำภาพของนักศึกษาสาวโพสต์ประจาน หากไม่ยินยอมร่วมสัมพันธ์สวาทครั้งนี้

คำบอกเล่าจากสาวมหา’ลัยคนนี้ ดูเหมือนจะเป็นภาพฉายซ้ำสำหรับเหตุการณ์รักออนไลน์ ที่สุดท้ายกลายเป็นแค่รักออกลายของชายแปลกหน้าที่สาวช่างฝันทั้งหลายได้วาดไว้ในอุดมคติ เพื่อหวังว่าสักครั้งจะมีรักแท้เหาะข้ามโลกโซเชียลมาสักคน

แลกเบอร์/แลกเหงา

หากพิมพ์คำว่า “แลกเบอร์” ในช่องค้นหาของเฟซบุ๊ค กลุ่มคนเหงาที่ไม่ได้ต้องการแค่เพื่อนจะเรียงรายมาให้เลือกเป็นร้อย เจาะจงตามรสนิยมทางเพศก็มี หรือชี้เป้ากันแบบโต้งๆ อย่าง ‘หาแฟน หากิ๊ก หาชู้ เปิดกล้อง แลกเบอร์ สวิงกิ้ง นัด...’ ก็เยอะ แต่ละกลุ่มมีสมาชิกอย่างน้อยๆ ก็หลักร้อยแต่ที่ฮอตๆ อาจสูงเกินหนึ่งแสนคน โดยเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการโพสต์ภาพวาบหวิว พร้อมข้อความวาบหวามสองแง่สองง่าม บ้างก็บอกสถานะโสด พร้อมทิ้งเบอร์โทรไว้ให้ติดต่อ แน่นอนแม้บางโพสต์จะเข้าข่ายอนาจารแต่ก็เรียกความสนใจได้อย่างดี

“093-7863XXX โทรมาคุยหน่อยสิ เหงามาก” คือข้อความสั้นๆ ที่ จันทร์จิรา (นามสมมติ) สาวนักศึกษารูปร่างสมส่วน โพสต์ลงในกลุ่มแลกเบอร์ เพื่อหาเพื่อนคุยแก้เหงา

“ในตอนแรกคิดแค่ว่าอยากมีเพื่อนคุย ที่จะสามารถเข้ากันได้ เพราะตอนนั้นเสียใจกับความรักมามาก คงดีถ้าจะเจอคนที่ใช่ โพสต์ครั้งแรกก็มีหลายคนทั้งเข้ามาคุยในเฟซบุ๊ค แต่มีคนหนึ่งที่เพิ่มเพื่อนจากเบอร์โทรของเราเพื่อเข้าไปคุยในไลน์ คนที่เข้ามาส่วนใหญ่ก็คาดหวังในตัวเรา หวังแค่เรื่องเซ็กส์มากกว่าเรื่องของความรัก” หญิงสาวเล่าอย่างตั้งใจ

ในระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ บทสนทนาส่วนใหญ่มักเกี่ยวกับเรื่องเพศ เริ่มจากถามเธอว่าหน้าอกไซต์เท่าไหร่ เคยมีเพศสัมพันธ์หรือยัง ไปจนถึงส่งภาพอวัยเพศของตัวเองให้เธอ หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มชวนให้เปลื้องผ้าเล่นเซ็กส์โฟน หญิงสาวหลงกลยอมเล่นด้วย แต่แล้วผู้ชายกลับบันทึกภาพไว้ เพื่อใช้เป็นข้อต่อรองหวังตามมาที่หอพัก เนื่องจากเธอเคยเช็คอินหอพักในเฟซบุ๊ค และยังขู่ให้เธอยอมมีเพศสัมพันธ์อย่างไร้ข้อแม้

“ตอนนั้นรู้สึกกลัวและเสียใจที่ไว้ใจเขามาก รู้สึกผิดพลาดที่ยอมเซ็กส์โฟน พอตั้งสติได้เราก็ทำสารพัดวิธีที่ไม่ยอมให้ภาพหลุดออกไป และใช้วิธีคุยกับเขาต่อเพื่อยื้อเวลา ที่แย่กว่านั้นคือเราต้องเซ็กส์โฟนกับผู้ชายคนนี้แทบตลอดทั้งวัน ขณะเดียวกันเราก็หลอกให้เขาอาบน้ำ และเปลื้องผ้าทั้งหมดออกหลายต่อหลายครั้ง และบันทึกภาพทุกอย่างไว้เช่นกัน พอนานวันเขาก็รู้สึกเบื่อเราและบอกว่าต้องการไปหาผู้หญิงคนใหม่ที่เร้าใจกว่า เพราะความไม่เร้าใจของตัวเองทำให้รอดจากการถูกประจานครั้งนี้ ” นักศึกษาสาวเล่าด้วยสีหน้าโล่งใจหลังจากผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาได้

ไม่แปลกนักหากสาวหลายคนจะโหยหารักแท้ เพราะสังคมที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ อาจทำให้เธอเหงาแบบจับใจก็เป็นได้ สังเกตได้จากการทีหลายคนมักตั้งเป้าหมายของชีวิตไว้ที่การมีคนรักแสนดี มีครอบครัวที่สมบูรณ์ แฮปปี้เอนดิ้งแบบละครไทยหรือซีรีส์สุดโรแมนติก

ย้อนกลับไปเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว นิชา (นามสมมติ) สาวสวย ‘ล่าฝัน’ อีกคนที่เป็นสมาชิกกลุ่มแลกเบอร์ เธอใช้ความสาวโพสต์ภาพโชว์หวิว เพื่อเรียกร้องความสนใจจากหนุ่ม ‘ล่าฟัน’ ทั้งหลาย

“รู้สึกไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะโพสต์ภาพโชว์หวิว และใส่แคปชั่นแบบอ่อยแรง เพราะใครๆ ก็ทำกัน ช่วงแรกก็ไม่จริงจังกับการคุยในโลกออนไลน์ จนมาเจอผู้ชายคนนึงที่แอดไลน์ตามเบอร์ที่ทิ้งไว้ เราเริ่มคุยกันมากขึ้นทุกวันจนเป็นกิจวัตร และความรู้สึกดีๆ ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย”

ความสัมพันธ์ช่วงแรกนี้ เรียกได้ว่าหวานจนน้ำตาลเรียกพี่ และเพียงสองอาทิตย์หลังจากที่พูดคุยกันผ่านทางไลน์ เธอจึงตัดสินใจนัดเจอ ความสุภาพของชายหนุ่มทำให้เธอไว้ใจและยอมมีเพศสัมพันธ์ด้วย ข่าวร้ายหลังจากนั้น คือชายคนนี้ได้หายเข้ากลีบเมฆแทบทันที ตัดการสื่อสารทุกช่องทางไม่สามารถติดต่อได้

“ตอนนั้นก็เจ็บใจมากเลยนะที่ไว้ใจ เลิกเล่นโซเชียลไปสักพัก ส่วนตัวคิดว่าการโพสต์หาเพื่อนคุยในกลุ่มที่มีลักษณะนี้ หาความจริงใจยาก หรือแม้กระทั่งผู้หญิงบางคนที่โพสต์ภาพโชว์สารพัดอย่างในกลุ่มแล้วบอกเหงา เขาไม่ได้ทำเพื่อหาแฟน แต่ทำเพื่อนเช็คเรตติ้งเรียกร้องความสนใจเท่านั้นเอง บางคนชอบให้ผู้ชายแทะโลมผ่านคอมเมนต์ หรือผู้ชายบางกลุ่มก็ชอบส่งภาพอวัยวะเพศเพื่ออวดของลับกันผ่านกลุ่มแลกเบอร์นี้ ทำให้คนที่เข้ามาหาเราก็หนีไม่พ้นคนที่ตั้งใจมาหลอกเช่นกัน” ลิชา เล่าจากประสบการณ์

รักออนไลน์ /รักออกลาย

เพราะการสื่อสารทางออนไลน์ไร้ซึ่งพรมแดน รูปแบบการโชว์ความเสียวเพื่อเรียกร้องความสนใจจึงกลายเป็นเรื่องสามัญ ขณะเดียวกันก็เป็นช่องทางให้บรรดาสิงห์นักโชว์ หรือนักล่าเวอร์จิน (Virgin ) ได้ออกลวดลายกันแบบเต็มเหนี่ยว ทว่า หากมองให้ลึกลงไปไม่เพียงจะเห็น “เหยื่อ” ที่ไม่อาจตะกายออกจากหลุมพราง ยังเห็นการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่น่าจับตามอง

ผลวิจัยเรื่อง “วัยรุ่นใช้สื่อออนไลน์อย่างไรในการหาคู่” ของ นิพนธ์ ดาราวุฒิมาประกรณ์ นักวิจัยสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล พบความน่าเป็นห่วงคือ กลุ่มวัยรุ่นใช้สื่อสังคมออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ค ไลน์ ในการหา “กิ๊ก” และคู่นอน โดยพฤติกรรมการมีแฟนและเพศสัมพันธ์แบ่งเป็นกลุ่ม 4 กลุ่ม คือ (1) มีแฟนทีละคนไม่มีกิ๊ก หรือกลุ่มวัยรุ่นที่ใช้สื่อออนไลน์ในการพูดคุยกับเพื่อนทั่วไปเท่านั้น (2) มีแฟนและกิ๊กแต่จะมีเพศสัมพันธ์กับแฟนคนเดียว คือกลุ่มวัยรุ่นที่ใช้สื่อออนไลน์เป็นช่องทางในการคุยกับกิ๊ก แต่ไม่คุยเพื่อจะมีเพศสัมพันธ์ด้วย และไม่ใช้สื่อออนไลน์ในการหาคู่ (3) มีแฟนและกิ๊ก และมีเพศสัมพันธ์กับทุกคน และ (4) มีเพศสัมพันธ์กับใครก็ได้ไม่จำเป็นต้องแฟนหรือกิ๊ก

สองกลุ่มหลังนี้คือ กลุ่มที่ใช้สื่อออนไลน์ในการติดต่อกัน เพื่อนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ โดยวัยรุ่นชายจะใช้สื่อออนไลน์ในการหาคู่ชัดเจนกว่าวัยรุ่นหญิง อีกทั้งใช้เวลาพูดคุยทำความรู้จักไม่นานก่อนการมีเพศสัมพันธ์

เจ้าของงานวิจัยชิ้นนี้ให้ความเห็นว่า โดยปกติแล้ว ผู้ชายส่วนใหญ่จะสามารถหาคู่ได้ง่ายกว่าผู้หญิง ผู้ชายสามารถมีเซ็กส์กับแฟนตัวเอง เพื่อน คนรู้จัก รวมทั้งพนักงานบริการ ขณะเดียวกัน ผู้หญิงสามารถมีเซ็กส์ได้กับแฟนตัวเอง สามี ส่วนคนรู้จักอาจถูกบังคับหรือไม่เต็มใจ ทั้งนี้ ผู้ชายจะมีความตั้งใจในการมีเซ็กส์มากกว่าผู้หญิง

ล่าฝัน/ล่าฟัน

แท้จริง การแบล็กเมล์หรือข่มขู่ ถือเป็นปรากฏการณ์ Cyber Harassment ซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับการกระทำที่อีกฝ่ายไม่ยินยอม ไม่ว่าจะเป็นการส่งอีเมล ส่งข้อความข่มขู่ ก่อกวน รังควาน คุกคามแสดงความคิดเห็นที่มีความหมายไปในทางอนาจาร แอบถ่ายภาพนิ่งหรือวีดีโอ สร้างความเสียหายและอับอายแก่ผู้ถูกล่วงละเมิด

แต่เนื่องจากเหตุที่เกิดในโลกออนไลน์ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาตัวผู้กระทำผิด หลายครั้งตัวตนในโลกออนไลน์นั้นถูกอุปโลกน์ขึ้นมา ทำให้การคุ้มครองและเอาผิดทางกฎหมายเป็นเรื่องยาก

กฤษฎา แสงเจริญทรัพย์ อาจารย์ประจำสาขาวิชานิติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี และนักวิจัยด้านกฎหมายออนไลน์ แสดงทัศนะผ่านงานสัมมนา Cyber Harassment การตกเป็นเหยื่อ การล่อลวงและความรุนแรงบนสื่อออนไลน์ อธิบายถึงปัญหาที่พบว่า การตกเป็นเหยื่อ สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา นั่นคือกิจวัตรประจำวันที่สามารถดึงดูดคนร้ายเข้ามาหาตัว โดยเฉพาะผู้ที่เปิดเฟซบุ๊คเป็นสาธารณะ ทุกคนสามารถเข้าถึงได้และไม่สามารถทราบได้ว่าใครหวังดีหวังร้าย

แต่ในมุมของคนร้ายแล้ว เขาจะเริ่มสังเกตตั้งแต่ว่าใครที่เป็นเหยื่อเหมาะจะลงมือ เช่น มีนิสัยชอบเช็คอินตามสถานที่ต่างๆ รวมถึงที่บ้าน อยู่บ้านคนเดียว ถ่ายรูปมุมกด โพสต์ข้อความแสดงความรู้สึกเหงา ลักษณะแบบนี้สามารถทำให้เกิดการคุกคามได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะโทษเหยื่ออย่างเดียวคงไม่ใช่ เพราะผู้หญิงไม่ได้แต่งสวยเพื่อให้ใครมาคุกคาม อย่างไรก็ตาม ต้องเข้าใจด้วยว่าการทำเช่นนี้อาจถูกตีความว่า เต็มใจที่จะให้เขาคุกคาม

สำหรับกฎหมายที่น่าจะใช้เป็นเครื่องมือในการเอาผิดกับผู้ที่คุกคามผู้อื่นบนโลกออนไลน์ ได้แก่ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397 บัญญัติไว้ว่าผู้ใดที่กระทำในที่สาธารณสถานหรือต่อหน้าธารกำนัล กระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการรังแกหรือข่มเหงผู้อื่น หรือกระทำให้ผู้อื่นได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท ในทางปฏิบัตินั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

“การคุกคามในปัจจุบันบนอินเตอร์เน็ต เป็นการคุกคามที่ไม่เกิดขึ้นในที่สาธารณสถานหรือต่อหน้าธารกำนัล แต่ผลที่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์น่ากลัวกว่า ในโลกออนไลน์จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้มาตรา 397 เพราะเป็นพื้นที่ส่วนตัว ไม่ใช่สาธารณสถานที่ใครก็สามารถเข้ามาได้ สิ่งที่เป็นข้อยากอย่างหนึ่งของนักกฎหมายก็คือ ไม่สามารถที่จะหาคำนิยามได้ว่า การคุกคาม รังแก ข่มเหง ลักษณะแค่ไหนจึงเรียกว่าการคุกคาม ซึ่งตอบไม่ได้จริงๆ”

เมื่อตัวบทกฎหมายยังตามไม่ทันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ความพยายามที่จะหามาตรการเพื่อป้องปรามอาชญากรรมบนโลกออนไลน์จึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการแก้ไขกฎหมาย และการเพิ่มโทษให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง

“กฎหมายจะให้มีประสิทธิภาพที่สุดต้องประกอบด้วย 3 อย่าง คือ รวดเร็ว รุนแรง และแน่นอน ที่สำคัญคือสามารถหาตัวคนกระทำความผิดบนโลกออนไลน์ได้จริง และต้องยอมรับว่ากฎหมายนั้นไม่สามารถแก้ได้ทุกเรื่อง ซึ่งนักกฎหมายควรเป็นแค่กรอบ และไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว ทั้งยังควรใช้กลไกทางสังคมช่วยขับเคลื่อนและบูรณาการร่วมกัน”

ภายใต้การเหลื่อมทับกันระหว่างโลกออนไลน์กับโลกแห่งความเป็นจริง การมองโลกที่ต่างกันอย่างสุดขั้วระหว่างคนช่างฝันที่หวังตามหารักแท้กับพวกฉกฉวยโอกาสเพียงเพื่อหลอกฟัน ‘กลุ่มแลกเบอร์’เป็นเพียงปรากฎการณ์เล็กๆ ท่ามกลางสถานการณ์ Cyber Harassment ที่ขยายขอบเขตออกไปเรื่อยๆ

ความจริงที่นักท่องเน็ตพึงระลึกไว้เสมอก็คือ สิ่งที่จะปกป้องให้รอดปลอดภัย มีเพียง ‘สติ’ และความรู้เท่าทันเท่านั้น

...เพราะกามเทพในโลกโซเชียลอาจพาหลงทางไปไกลจนหาทางกลับไม่เจอ