‘3 ดี’ หลักชีวาเป็นสุขห่างไกลมะเร็ง

‘3 ดี’ หลักชีวาเป็นสุขห่างไกลมะเร็ง

นักบำบัดด้วยธรรมชาติจาก The LifeCo ภูเก็ต แนะนำหลักแนวคิด 3 ข้อที่จะช่วยให้ชีวิตห่างไกลมะเร็ง 'อาหารดี-นอนดี-อารมณ์ดี' หลักง่ายๆ ที่ถูกละเลย

มะเร็งร้ายที่หลายคนหวาดหวั่น อาจหลีกเลี่ยงได้หากรู้จักปฏิบัติตน นายแพทย์โทมัส โลดี้ แพทย์สาขามะเร็งวิทยาแบบผสมผสาน โภชนาการ และนักบำบัดด้วยธรรมชาติจาก The LifeCo ภูเก็ต มีข้อแนะนำง่ายๆ ด้วย “3 ดี”

1.อาหารดี
           ปัจจุบันการใช้ชีวิตของคนเราทำให้มีอัตราเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่เฉพาะมาจากพันธุกรรมเท่านั้น ปัจจัยที่สำคัญสุดในการใช้ชีวิต คือ อาหาร เราควรได้รับสารอาหารจากธรรมชาติโดยตรง โดยไม่ผ่านการปรุงแต่งที่เป็นไปตามกฎของธรรมชาติ อาหารที่มีการปรุงแต่งจะเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมี เมื่อนำพาเข้าสู่ร่างกาย จะทำให้ร่างกายของเราได้รับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม ก่อให้เกิดโรคได้ การรับประทานอาหารที่ถูกต้องช่วยหลีกเลี่ยงการเกิดเซลล์มะเร็ง
          การกำจัดของเสียออกจากร่างกาย เช่น การสวนล้างลำไส้ การส่งเสริมการไหลเวียนของระบบน้ำเหลือง จะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง นอกจากนั้นเรายังต้องปรับต้นเหตุของสุขภาพที่เกิดจากการรับประทานอาหาร ด้วยโปรแกรม green juice, Raw food, Detox เราจึงต้องเข้าใจว่าอะไรคืออาหารของมนุษย์ และควรกินอย่างไร แต่การกินของเรา เรากินตาม culture ไม่ใช่ nature จึงเกิดปัญหากับร่างกาย อวัยวะภายในของร่างกายที่สัมผัสกับสิ่งแวดล้อมภายนอกมากที่สุด คือลำไส้ เพราะมีหน้าที่ในการดูดซึมอาหาร เมื่อเรากินอะไรที่ไม่ดีเข้าไป ส่งผลให้ลำไส้ดูดซึมสิ่งไม่ดี และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ส่งไปที่ตับ ทำให้ร่างกายต้องทำงานหนักกับสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา (ภูมิคุ้มกันก็จะต่ำ)
           ดังนั้น การสวนล้างลำไส้จึงช่วยกำจัดสิ่งแปลกปลอม พร้อมกับช่วยให้ภูมิคุ้มกันกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาหารที่รับประทานเข้าไป หากไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคอาจจะมีสารปนเปื้อน เช่น ยาฆ่าแมลง ยากำจัดศัตรูพืช สารโลหะหนักต่างๆ เข้าไปในร่างกาย ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเนื้อเยื่อ หรือเกิดการกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารที่ไม่ดีออกมา ทำให้ร่างกายเสียสมดุล มีภาวะเป็นกรดซึ่งอาจกระตุ้นให้มีการเจริญเติบโตอย่างผิดปกติของเซลล์เนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย ในขณะเดียวกัน มนุษย์ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่รับประทานเนื้อสัตว์ เพราะอาหารกลุ่มเนื้อสัตว์ ไขมันสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากสัตว์นั้นอาจมีสารปนเปื้อน เช่น ฮอร์โมนเร่งโต สารเร่งเนื้อแดงหรือสารเคมีต่างๆ ทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนที่ผิดปกติ เกิดการก่อตัวที่ผิดรูปแบบของเนื้อเยื่ออันอาจจะกลายเป็นก้อนเนื้อร้ายได้ ขณะที่การประกอบอาหารโดยใช้ความร้อน จะทำให้คุณค่าทางอาหารเสียไป ส่งผลถึงการย่อยที่ผิดปกติในร่างกายอีกด้วย

2.นอนดี
        การนอนหลับพักผ่อนที่มีคุณภาพเป็นตัวช่วยสำคัญ การนอนไม่เพียงพอจะทำลายฮอร์โมนในร่างกาย ทั้งนี้ ร่างกายของเราจะได้รับการซ่อมแซมเมื่อนอนหลับในเวลากลางคืน ถ้าเราไม่เข้านอนเร็วและนอนไม่เต็มอิ่ม ร่างกายจะไม่ได้ขจัดสิ่งแปลกปลอมออกจากร่างกาย หรือทำให้เสียสมดุลจากการที่อวัยวะต่างๆ ไม่ได้หยุดพัก ดังนั้น การนอนให้เต็มอิ่มและเพียงพอ จึงสำคัญต่อระบบการทำงานต่างๆ ในร่างกาย เทคนิคการนอนที่มีคุณภาพอาจต้องทำใจหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือ เพราะแสงจากหน้าจอทั้งโทรศัพท์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ทำให้ร่างกายเกิดการต่อต้าน ตาพร่า หรือแสงที่เข้าไปในร่างกายอาจทำให้เกิดการทำงานที่ผิดปกติของอวัยวะต่างๆ

3.อารมณ์ดี
       เพราะความเครียดทำลายระบบต่างๆ ในร่างกาย ทำให้มีการหลั่งสารที่เป็นกรดขึ้น จิตใจหดหู่ ร่างกายไม่หลั่งสารกระตุ้นการทำงานอย่างเต็มที่ จึงทำงานไม่ได้เต็มที่แถมยังส่งผลต่อความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวหรือเพื่อนร่วมงาน
          ร่างกายและจิตใจของเราก็เช่นกันจะต้องเชื่อมโยงกัน เพราะหากมีความกังวลหรือไม่สบายใจ ความเครียดจะเกิดขึ้น เมื่อร่างกายผลิตฮอร์โมน เช่น คลอเลสเตอรอลหรือสารอะดรีนาลีน ชึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัวตลอดเวลา ทุกอวัยวะทำงานหนักไม่ได้พักผ่อน เมื่อสารเหล่านั้นเข้าสู่ระบบประสาทจะทำให้เลือดจากอวัยวะภายใน ซึ่งต้องการรักษาสภาพความสมบูรณ์ของร่างกาย หลั่งไปยังกล้ามเนื้อ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันถูกปิดตัวลง ผลที่ตามมาคือ ร่างกายที่อ่อนล้าหมดเรี่ยวแรง พระพุทธเจ้าตรัสว่า ร่างกายที่หมดแรงเหมือนเช่นกับปลาเกยตื้น ไม่รู้จะว่ายไปทางใด ดังนั้น จิตใจของเราควรสงบและไม่เครียด

คุณหมอจึงแนะนำให้นั่งสมาธิ เพราะจะทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติไม่ต้องเคลื่อนไหวและได้รับการพักผ่อน จะทำให้สงบจิตใจและหลั่งฮอร์โมนดีออกมา จึงเป็นผลดีกับร่างกายอีกด้วย