Daily Market Outlook (2 ก.พ.60)

Daily Market Outlook (2 ก.พ.60)

Trump กำหนดทิศทางตลาด

คาดหุ้นไทยขยับขึ้นวันนี้หลังจาก Federal Reserve แถลงมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐในทุกด้าน แต่คงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกำหนดนโยบายครั้งแรกภายใต้ประธานาธิบดี Donald Trump ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดที่ออกมาดีจากสหรัฐ ยูโรโซน ญี่ปุ่น และจีนก็หนุนตลาดด้วย แต่นักลงทุนยังเกรงต่อมาตรการหรือคำพูดของ Trump ในคราวต่อไปด้วยว่าอาจจะเป็นได้ทั้งบวกหรือลบต่อตลาดอย่างมากได้ ปัจจัยภายในประเทศวันนี้มีทั้งบวกและลบ ที่เป็นบวก ดัชนีภาคผู้บริโภคเดือน ม.ค.พุ่งแรงสุดในรอบกว่า 2 ปี และกระทรวงการคลังมองแนวโน้ม NPL ลดลง ด้านลบ อนาคตพลังงานลมในไทยมีปัญหาด้านกฎหมายจากการใช้ที่ดินผิดประเภทและ THCOM มีผลขาดทุนไตรมาส 4/59

หุ้นเด่นวันนี้: BAY(ราคาปิด 39.50 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายปี 60 ของ AWS 46.00 บาท)

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เป็นหุ้นเด่นในวันนี้เนื่องจากผลการดำเนินงานที่โดดเด่นทั้งในปี 59 และอนาคต ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจในปีที่แล้วจะกระท่อนกระแท่น BAY ยังสามารถแสดงการเติบโตของกำไรอย่างแข็งแกร่งที่ 14.9% YoYการเติบโตดังกล่าวสอดคล้องกับการขยายตัวของสินเชื่อที่ 11.2% YoYนับเป็นการเติบโตสูงสุดในกลุ่มธนาคาร การขยายตัวดังกล่าวกระจายไปในสินเชื่อหลายกลุ่ม หนุนโดยการทำงานร่วมกันกับ BTMU นอกจากนี้ ธนาคารยังมีคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง โดยที่อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) ในปี 59 อยู่เพียง 2.21% ขณะที่อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage ratio) สูงถึง 143.3% สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 130.2% บ่งชี้ถึงความสามารถของธนาคารในการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้ เราคาดแนวโน้มนี้จะดำเนินต่อไป โดยเราคาดการณ์สินเชื่อปี 60 จะเติบโต 10% เนื่องจากเรามองว่าสินเชื่อรายย่อยของธนาคารจะยังคงเพิ่มขึ้น หนุนโดยการใช้จ่ายของภาคเอกชนที่กำลังฟื้นตัว ขณะที่กลุ่มบริษัทขนาดใหญ่และ SME น่าจะมีสัญญาณที่ดีขึ้นเช่นกันหนุนโดยเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัวจากการลงทุนของรัฐ เราคาดส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) จะอยู่ที่ 3.7% เนื่องจากธนาคารน่าจะสามารถรักษาต้นทุนทางการเงินในระดับต่ำไว้ได้จากการเพิ่มสัดส่วนบัญชีเงินฝากออมทรัพย์และกระแสรายวันที่มีต้นทุนต่ำ ในขณะที่ คุณภาพสินทรัพย์คงไม่น่าเป็นกังวลนัก เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่น่าจะปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ เราประมาณการว่ากำไรจะเติบโต 15.4% ในปี 60 และ 17.1% ในปี 61 Price Pattern ของ BAY มีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal โดยเมื่อพิจารณา Price Pattern ของ BAY ที่สามารถ Break ด้วยการปิดตลาดเหนือเป้าหมายแรกที่ 31 บาทไปได้แล้ว มีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 47.75 บาท ทั้งนี้ BAY มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 39 บาท (Resistance: 39.75, 40.00, 40.25; Support: 39.25, 39.00, 38.75)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• ดัชนีราคาผู้บริโภค ม.ค. เพิ่มขึ้นในอัตราเร็วสุดในรอบกว่า 2 ปี ขับเคลื่อนโดยราคาอาหารและน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเทียบปีก่อนเป็นเดือนที่ 28 หรือ 0.16% เทียบเดือนก่อนและ 1.55% เทียบปีก่อน เงินเฟ้อพื้นฐานเท่ากับ 0.07% เทียบเดือนก่อนและ 0.75% เทียบปีก่อน (Bangkok Post)ความเห็น: ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นยังอยู่ในช่วงที่ ธปท. สามารถรักษาอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ำเพื่อหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

• รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคาดว่าหนี้เสียจะลดลง รมต.คลัง นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ คาดการณ์ NPLs ของธนาคารในปี 2560 ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากช่วงท้ายของปี 2559 ก่อนที่จะเริ่มลดลงในช่วงปลายปีนี้ การฟื้นตัวที่ดีขึ้นเป็นส่วนประกอบหลักของการฟื้นตัวของทางเศรษฐกิจของไทยเศรษฐกิจไทย ที่กระทรวงการคลังคาดว่าจะเติบโต 3.6% ในปีนี้ แซงหน้าปี 2559 ที่คาดไว้ 3.2% (บางกอกโพสต์) ความเห็น: สิ่งนี้จะค่อนข้างสอดคล้องกับประมาณการของเรา สำหรับธนาคาร 9 แห่งภายใต้การศึกษาของเรา โดยเราประเมินว่าปี 2560 นี้ อัตราส่วน NPL จะลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 3.1% จาก 3.2% ในปี 2559 ในขณะที่เราคาดการณ์การเติบโตของจีดีพีของไทยที่ 3.5% ในปี 2560

• ก. พาณิชย์ตั้งเป้าขยายการค้าไทย-เมียนมาร์เพิ่มเป็นสองเท่านางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าจะเข้าร่วมคณะนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงภาคธุรกิจเอกชนของไทย เยือนเมียนมาร์อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 2-3 ก.พ. 2560 เพื่อกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้ามุ่งสู่การเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ โดยตั้งเป้าหมายบรรลุมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็นสองเท่าภายใน 5 ปี (ปี 2564) จากระดับ 6.5 พันล้านดอลลาร์ฯ ปี 2559 เพิ่มเป็น 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ต่อปี โดยจะมีการร่วมลงนามความร่วมมือระหว่างภาครัฐต่อรัฐ และเอกชนต่อเอกชน ผ่าน MOU กว่า 15 ฉบับ (Bangkok Post)

• ข้อสงสัยต่อแนวโน้มการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานลมในไทยจากนี้หลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำวินิจฉัยว่าการเช่าใช้พื้นที่ภายใต้การดูแลของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เพื่อลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานลมนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากไม่ใช่กิจการที่เป็นการบริการหรือเกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของเกษตรกรในด้านเศรษฐกิจและสังคมในเขตดำเนินการปฏิรูปที่ดิน โดยพื้นที่ที่เป็นประเด็นอยู่ใน อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ ของบริษัท เทพสถิต วินด์ฟาร์ม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ EA (Bt25.75) ถือหุ้นในสัดส่วน 100%(Bangkok Post)ความเห็น: เรามองว่า GUNKUL (5.55 บ. ซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.41 บ.) จะไม่ได้รับผลกระทบจากประเด็นดังกล่าวเนื่องจากพื้นที่ตั้งของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมของบริษัทฯ อยู่ในพื้นที่โฉนดและพื้นที่เช่าชนิด นส.3 ก ที่ไม่ใช่ที่ดินที่อยู่ภายใต้การดูแลของ ส.ป.ก. แต่อย่างใด

• THCOM (22.80 บาท, ถือ, ราคาเป้าหมายปี 60 23.00 บาท) รายงานกำไรสุทธิของปี 59 ที่ 1.61 พัน ลบ. ลดลง 24% เทียบปีก่อน เป็นขาดทุนสุทธิไตรมาส 4 เท่ากับ 113 ลบ. เพราะการปิดตัวของลูกค้าราย CTH การย้ายไปของ NBN ลูกค้าออสเตรเลียไปดาวเทียมตนเอง และจากค่าเสื่อมราคาที่เข้ามาของไทยคม 8 กำไรที่ออกมาห่างจากค่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะกำไร 171 ลบ. (SET, Settrade)ความเห็น: ปัจจัยลบกดดันผลประกอบการไทยคมมากกว่าที่คาด อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าการเข้ามาของลูกค้าใหม่จากลาว เมียนมาร์และอินเดียน่าจะจำกัดแรงกดดันทางลบในระยะยาว ราคา THCOM เพิ่มขึ้น 3% เมื่อวานจากข่าวแผนร่วมทุนระหว่าง THCOM กับ กสท. เพื่อพัฒนาไทยคม 9 ทำให้อัพไซต์ลดลง เราคงคำแนะนำถือด้วยราคาเป้าหมายปี 60 ที่ 23.00 บาท

• WIIK(5.50 บาท) ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.7% หลังจากที่เลือกให้เป็น Pick of the day ของเราในวันจันทร์ที่ผ่านมาโดย WIIK ยังคงรักษาแผนการที่จะเพิ่มลูกค้าใหม่สำหรับโครงการบริหารจัดการน้ำใหม่อีกประมาณ 2 รายในปี 2560 หลังจากที่มีลูกค้าอยู่แล้ว 2 รายเข้ามาตั้งแต่ปี 2559ส่งผลให้คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 90 ล้านบาทเข้ามาในปี 2560โดยโครงการแรกคือ สยามอีสเทิร์นอินดสเตรียลพาร์ค คาดจะสร้างรายได้เต็มปีที่ 60 ล้านบาทมีปริมาณขั้นต่ำรับประกันที่12,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันเริ่มต้นรับรู้มาตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม 2559 โครงการที่สองคือนิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์คาดว่าจะมีรายได้ปีนี้ (ราว 8-9 เดือน) ประมาณ 30 ล้านบาทเพราะจะเริ่มโครงการเดือนเมษายน 2560 มีปริมาณการรับประกันขั้นต่ำที่ 12,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันสำหรับธุรกิจท่อ HDPE นั้น WIIK ตั้งเป้ารายได้จะเติบโตประมาณ 15% ในปี 2560 อัตรากำไรน่าจะใกล้เคียงกับปี 2559 (อัตรากำไรสุทธิราว 11-12%) ซึ่งเป็นปีที่ดีมากปีหนึ่งของ WIIK นอกจากนี้ยังตั้งเป้าว่า แต่ละโครงการบริหารจัดการน้ำที่จะเข้ามาใหม่ จะมีปริมาณการผลิตน้ำขั้นต่ำไม่สูงกว่า 40,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันต่อโครงการ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับบุคลากรและทรัพยากรที่บริษัทมีอยู่ (ที่มา:SET,AWS Research)ความเห็น: เรายังคงคำแนะนำซื้อ WIIK และให้ราคาเป้าหมาย 6.70 บาทหากมีการเพิ่มลูกค้าเข้ามาในส่วนของธุรกิจบริหารจัดการน้ำ เราอาจจะปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นโดยอิงวิธี DCF ของแต่ละโครงการ

ต่างประเทศ:

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อวันพุธ หลังข้อมูลจาก ADP แสดงถึงการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐในเดือนม.ค. แข็งแกร่งกว่าที่คาด ซึ่งเพิ่มความคาดหวังว่าตัวเลขการจ้างงานที่ทางการจะประกาศในวันศุกร์นี้จะแข็งแกร่งเช่นเดียวกัน ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลง 10/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 2.49% เพิ่มขึ้นจากที่ระดับ 2.45% เมื่อวันอังคาร (Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อวันพุธ หลังการประกาศตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐและข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งกว่าที่คาด ในขณะที่ความกังวลว่าสหรัฐเตรียมจะยกเลิกนโยบายดอลลาร์แข็งค่านั้นจำกัดการทำกำไร ดัชนีค่าเงินดอลลาร์เพิ่มขึ้น 0.6% สู่ระดับสูงสุดในรอบวันที่ 100.040 หลังจากร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ที่ 99.430 เมื่อวันอังคารและเป็นการส่งท้ายเดือนม.ค. ที่แย่ที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษ (Reuters)

สหรัฐ:

• ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเมื่อวันพุธ หลังจากที่ร่วงลงติดต่อกัน 4 วัน หลังจากเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามที่คาดการณ์และเฟดแสดงมุมมองบวกต่อเงินเฟ้อ ตลาดแรงงานและภาวะเศรษฐกิจโดยรวม อย่างไรก็ตาม จากการที่ยังไม่ทราบว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งหน้าเมื่อใดส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มการเงิน หุ้นของแอปเปิลปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 6 เดือน (Reuters)

• กิจกรรมโรงงานสหรัฐในเดือนม.ค. เพิ่มขึ้นสูงกว่าในรอบ 2 ปีบ่งชี้การฟื้นตัวของภาคการผลิตเนื่องจากความต้องการในประเทศแข็งแกร่งขึ้นและการตกต่ำจากราคาน้ำมันที่ลดลงได้น้อยลง สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่าดัชนีภาคการผลิตของ ISM ปรับตัวขึ้น 1.5% สู่ระดับ 56.0 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 57 ตัวเลขที่สูงกว่า 50 แสดงถึงการขยายตัวของภาคการผลิตซึ่งคิดเป็น 12% ของเศรษฐกิจสหรัฐ (Reuters)

• การจ้างงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้นในเดือนก่อน รายงานจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ระบุว่ามีการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 246,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. จากที่ระดับ 151,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. รายงานดังกล่าวออกมาก่อนรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่จะมีการประกาศในวันศุกร์นี้ ซึ่งรวมการจ้างงานทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการจ้างงานจะเติบโต 169,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. เพิ่มขึ้นจาก 144,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. คาดว่าการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง (Reuters)

• ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างลดลง 0.2% MoMในเดือนธ.ค.หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนพ.ย. การใช้จ่ายในการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 4.2% YoYในเดือนธ.ค. ในเดือนธ.ค. การใช้จ่ายในโครงการก่อสร้างของเอกชนเพิ่มขึ้น 0.2% สู่ระดับสูงสุดนับแต่เดือนก.ค. 2549 โดยได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายในโครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้น 0.5% (Reuters)

• กฏหมายสำคัญซึ่งมุ่งเน้นการปราบปรามการทุจริตและการก่อมลพิษของบริษัทพลังงานอาจถูกคว่ำทั้งหมดในสัปดาห์หน้า หลังจากส.ส. ในสภานำโดยพรรครีพับลิกันลงมติยกเลิกกฎหมายดังกล่าว วุฒิสภาคาดว่าจะเป็นฝ่ายยกเลิกกฎหมายดังกล่าว ซึ่งทั้ง 2 เรื่องใช้เวลาหลายปีในการดำเนินการ โดยที่อันดับแรก สำนักงานกลต. สหรัฐ ออกกฎให้บริษัทพลังงานอย่างเช่น Exxon และ Chevron เผยตัวเลขภาษีและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่จ่ายให้รัฐบาลต่อสาธารณะชน ประการที่สอง กฎหมายเกี่ยวกับ “stream buffer” มีวัตถุประสงค์เพื่อลดปริมาณของเสียจากการทำเหมืองแร่ถ่านหินซึ่งปล่อยลงสู่แม่น้ำ ทั้งนี้ สมาชิกพรรครีพับลิกันกล่าวว่ากฎหมายนี้ส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในอุตสาหกรรมดังกล่าว (Reuters)

ยุโรป:

• ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันพุธฟื้นตัวหลังปรับตัวลง 3 วันติดต่อกันนำโดยการปรับตัวสูงขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มอุตสาหกรรมหลังประกาศผลประกอบการที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังได้แรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจของจีนและยุโรปที่ออกมาดี โดยตัวเลขกิจกรรมภาคการผลิตฝรั่งเศสเดือนม.ค. ขยายตัวมากที่สุดในรอบ 6 ปี เช่นเดียวกับในเยอรมนีที่ขยายตัวมากที่สุดในรอบ 3 ปี ขณะที่อิตาลีมีการขยายตัวเช่นกันแม้จะเป็นอัตราที่ชะลอตัวลงก็ตาม (Reuters)

เอเชีย:

• ผู้กำหนดนโยบายของญี่ปุ่นตีกลับข้อกล่าวหาของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ทรัมป์ ในเรื่องการจัดการเงิน โดยเน้นว่า ญี่ปุ่นปฏิบัติตามข้อตกลงโดยกลุ่ม G20 เกี่ยวกับข้อตกลงที่จะละเว้นจากการลดค่าเงินแข่งกันนายกรัฐมนตรีนายชินโซอะเบะปกป้องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของBOJ โดยบอกว่ามันเป็นความตั้งใจที่จะเพิ่มเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจและไม่ได้จัดการสกุลเงิน "การผ่อนคลายทางการเงินเป็นนโยบายที่จำเป็นในการเร่งการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสหรัฐฯ ก็จะต้องทำในสิ่งเดียวกัน" อาเบะกล่าวกับรัฐสภาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (Reuters)

• ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ปกป้องนายพลเจมส์ แมททิส ผู้เกษียณอายุแล้วที่ถูกคาดว่าจะมีความผูกพันความมั่นคงของสหรัฐฯ กับพันธมิตรสำคัญคือเกาหลีใต้และญี่ปุ่นในการเดินทางครั้งแรกของเขาไปยังประเทศเอเชียในสัปดาห์นี้ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับการติดตั้งขีปนาวุธของเกาหลีเหนือและความตึงเครียดกับจีนยังมีอยู่ (Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• น้ำมันดิบบวกลดลงวันพุธ หลังข้อมูลอุปทานน้ำมันรายสัปดาห์สหรัฐชี้ว่าภาวะน้ำมันล้นยังคงอยู่แม้จะมีสัญญาณจากรัสเซียและผู้ผลิต OPEC ให้คำมั่นว่าอยู่ระหว่างลดอุปทานน้ำมัน น้ำมันดิบ Brent บวก 55 เซนต์ปิด 56.13 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบสหรัฐบวก 43 เซนต์ปิด 53.24 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังแตะ 53.40 ดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)

• ราคาทองคำร่วงเกือบ 1% เมื่อวันพุธ เพราะดอลลาร์แข็งค่าก่อน Fed จะตัดสินเรื่องดอกเบี้ยนโยบายซึ่งคาดว่าจะบอกใบ้ถึงนโยบายการเงินของปีนี้ ราคาทองคำตลาดจรลง 0.8% ที่ 1,200.77 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ราคาทองคำตลาดล่วงหน้าลบ 0.7% ปิด 1,202.70 ดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)