MORNING CALL ACTION NOTES (1 ก.พ.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (1 ก.พ.60)

รอผล FED

ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้ทรุดตัวลงแรงจากนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์เป็นอุปสรรคต่อการค้าระหว่างประเทศ , แรงขายกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง รวมถึงนลท.ชะลอการซื้อเพื่อรอผลการประชุม FOMC ส่งผลให้ SET ปิดที่ 1,577.31 จุด (-13.25 จุด) Vol. 5.3 หมื่นลบ.โดย Foreign Net -1,214 ลบ. , TFEX Net -10,676 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

- ตลาดหุ้น DJ ปรับตัวลงจากความกังวลนโยบายระงับการเข้าสหรัฐของพลเมือง 7 ชาติมุสลิม รวมถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐในเดือนม.ค.ลดลงสู่ระดับ 111.8

- สายการบินไทยเก็บค่าภาษีน้ำมัน 150 บาท/เที่ยวมีผลตั้งแต่ 1 ก.พ.

+ ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นล่าสุด 52.7 US/Barrel จากเงินUSDอ่อนค่าลง รวมถึงเดือนม.ค.การผลิตน้ำมันกลุ่มโอเปกลดลงกว่า 1 ล้านบาร์เรล/วัน

+ ครม.อนุมัติย้ายสายไฟฟ้าที่พาดบนดินลงใต้ดินใน 3 พื้นที่โครงการ งบประมาณกว่า 9 พันลบ.

+ ธปท.เผยเศรษฐกิจเดือนธ.ค.ขยายตัวต่อเนื่องหลังส่งออก,ท่องเที่ยวฟื้น มาตรการกระตุ้นใช้จ่ายหนุน โดยเดือนธ.ค.ส่งออก +5.6% , นำเข้า +10.5% แต่ทั้งปี 59 ส่งออกขยายตัว 0.0% มูลค่า US$ 214,112 ล้าน , นำเข้าปี 59 -4.7% มูลค่า US$ 178,359 ล้าน

+ รมว.คมนาคม ชงจ้าง BEM เดินรถ 1 สถานีเข้า ครม.7 ก.พ.

+/- 31 ม.ค. – 1 ก.พ. การประชุม FOMC (คาดคงดอกเบี้ยที่ 0.75%) แต่ต้องติดตามว่าจะกล่าวถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่

+/- ทิศทาง Fund Flow ต่างชาติชะลอตัว. แต่แนวโน้มค่าเงินบาทยังทรงตัวที่ราว 35.2 BATH/USD.

** ตลาดหุ้น จีน ไต้หวัน ปิดทำการวันนี้ (31 ม.ค.) เทศกาลตรุษจีน

** วันนี้ SGFกลับมาเทรด MAI พร้อมขยายเข้าสู่สินเชื่อรายย่อย

ภาวะตลาดหุ้นไทยขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุนประกอบกับ Fund Flow ที่พลิกเป็น Net Sell ทั้งหุ้นและ TFEX เพื่อรอผลการประชุม FOMC เป็นแรงกดดันดัชนี อย่างไรก็ตามคาดว่าแรงซื้อดักงบและปันผลปี 2559 รวมถึงแรงเก็งกำไรรายตัวจะช่วยพยุงดัชนีไม่ให้ทรุดตัวลงแรง ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,570 - 1,590 จุด

กลยุทธ์การลงทุน Selective Buy กลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- IVL ราคาฝ้ายพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ล่าสุด 75 US/Tons

- CTW ILINK ARROW อานิสงส์ครม.อนุมัติย้ายสายไฟฟ้าลงใต้ดินใน 3 พื้นที่โครงการ งบประมาณกว่า 9 พันลบ.

- กลุ่มที่คาดว่ากำไรปี 2559 เติบโต PTT IRPC PTTGC TOP BANPU WICE SYNEX ANAN ORI FSMART BCH BIG SMT BEAUTY BJC

Analyst Meeting

ORI (ราคาปิด 11.70 บาท ราคา Bloomberg Consensus 10.47 บาท)

• Consensus คาดกำไรไตรมาส 4 จะสูงสุดในปีนี้ราว 330-380 ล้านบาทเติบโต 124%QoQ และเติบโต 184%YoY และคาดกำไรปี 16 อยู่ที่ราว 650-700 ล้านบาทเติบโต 75%YoY ขณะที่ยังสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้ที่ระดับ 42-44%

• ปี 17 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 9 โครงการมูลค่าราว 1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อมาเสริมความแข็งแกร่งของงานในมือ (Backlog) ที่มีอยู่ราว 1.28 หมื่นล้านบาท ณ ปลายปี 16 ซึ่งจะสร้างความมั่นคงของรายได้อีก 3-4 ปี โดยคาดว่าจะยังรักษาอัตรากำไรขั้นต้นราว 40% ได้

• ในอนาคตมีแผนนำบริษัท PRIMO ซึ่งเป็นบริษัทลูกดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการบริหารอาคารชุด รับจ้างทำความสะอาดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะช่วยปลดล็อกมูลค่าหุ้น ORI ได้เพิ่มเติม

หุ้นมีข่าว

- SGF (ราคาปิดเมื่อ 16 ส.ค.50 ที่ราคา 0.26 บาท/หุ้น) บมจ.สยามเจเนอรัลแฟคตอริ่งได้กลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai กลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงินในวันนี้ (1 ก.พ.60) เนื่องจากที่บริษัทได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของการพ้นเหตุเพิกถอนหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์ฯแล้ว SGF ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อระยะสั้นในรูปแบบเงินให้กู้ยืม และสินเชื่อแฟคเตอริ่ง ในช่วง 9M59 มีกำไรสุทธิ 45.80 ล้านบาท +217% BV ล่าสุด 0.11 บาท

- Analyst Meeting : BAY (ราคาปิด 39.50 บาท ถือ ราคาเหมาะสม 41.50 บาท)

• แผนการดำเนินงานปี 60 ตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 6-8% จากกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่โดยเฉพาะบริษัทญี่ปุ่นและลูกค้ารายย่อย ชะลอตัวจากที่เติบโต 11% ในปี 59 จากฐานที่ใหญ่ขึ้น โดยจะรักษา NIM ที่ระดับ 3.7% ใกล้เคียงกับปี 59

• คุณภาพสินทรัพย์จะควบคุม %NPL ให้อยู่ต่ำกว่า 2.5% เทียบกับ 2.21% ในปี 59 มีนโยบาย credit cost ที่ราว 140 bps ลดลงเล็กน้อยจาก 147bps ในปี 59 เป้า loan loss coverage เท่ากับ 140% จาก 143% ในปี 59

• การเปลี่ยนแปลงนโยบายการจ่ายเงินปันผลจากเดิมจ่ายคงที่ในอัตรา ไม่ต่ำกว่า 30% เป็นพิจารณาจ่ายเงินปันผลโดยคำนึงถึงความเพียงพอของเงินกองทุนและผลประกอบการ ผู้บริหารชี้แจงว่าน่าจะยังคงจ่ายในระดับเดิมแต่ฐานกำไรต่อหุ้นที่เพิ่มขึ้นทำให้เห็นว่า payout ratio ลดลง (สถิติปี 2555 – 2559 จ่ายเงินปันผลปีละ 2 งวด งวดละ 0.40 บาท)ARIP ไม่ต่อสัญญาร่วมผลิตรายการ-ให้โฆษณากับสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกตั้งแต่ม.ค.

- Analyst Meeting : BBL (ราคาปิด 174.50 บาท ซื้อ ราคาเหมาะสม 192 บาท)

• ปี 60 ตั้งเป้า loan growth 4-6% แบ่งเป็นสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ 4-6% สินเชื่อ SME 4-6% สินเชื่อรายย่อย 5-7% และสินเชื่อตปท. 3-5%

• NPL มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่ใช่ระดับที่น่าเป็นห่วง ธนาคารมีแผนตั้งสำรองหนี้สูญในระดับเดียวกับปี 59 (สำรองหนี้สูญปี 59 = 1.57 หมื่นลบ.) ปลายปี 59 มี Coverage Ratio 174% แม้ลดลงจาก 185% ในปี 58 แต่ยังสูงสุดในกลุ่ม

- ประเด็นบวก BEM (ราคาปิด 7.05 ราคาเหมาะสม 7.40) รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)ได้เจรจาว่าจ้างBEM เดินรถ 1 สถานี ช่วงเตาปูน-บางซื่อ ระยะทาง 1 กม. โดยให้ติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและบริหารการเดินรถ และรฟม.ได้สรุปเรื่องเสนอมายังกระทรวงคมนาคมแล้ว ทั้งนี้จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการประชุมวันที่ 7 ก.พ.60 และขั้นตอนหลังจากนั้นจะเป็นการลงนามสัญญากับเอกชนเพื่อเริ่มติดตั้งระบบและทดสอบแล้วเสร็จภายใน 5 เดือน คาดว่าจะเปิดเดินรถได้ในต้นเดือน ส.ค.60

- PTT (Bloomberg Consensus 404) จัดงบ 1 หมื่นลบ.ปีนี้ขยายปั๊ม-ปรับปรุงระบบคลัง,เจรจาพันธมิตรทำโรงแรมในปั๊มสรุป Q1/60

- เชลล์ ตกลงขายหุ้นแหล่งบงกช 22.222% ให้ Kuwait Foreign Petroleum Exploration มูลค่า 900 ล้านเหรียญฯ

   ความเห็น ไม่ส่งผลกระทบต่อ PTTEP ที่ถือหุ้นใหญ่ 44.44% และเป็นผู้ดำเนินการในแหล่งบงกช เรามองว่าการขายหุ้นของเชลล์เป็นการขายเพื่อเปลี่ยนสินทรัพย์เป็นเงินสด ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน

- TRC (ราคาเหมาะสม 1.75) คาดเซ็นสัญญางาน EPCC เหมืองโปแตซใน H1/60 หวังดัน backlog ไปกว่า 3 หมื่นลบ.

- UPA ทุ่ม 66.7 ลบ.เข้าร่วมทุนโรงไฟฟ้าขยะ 2 แห่งในอยุธยารวม 25.4 MW, เล็งยื่นขอขายไฟ มี.ค.



ตลาดหุ้นดาวโจนส์ -122.65 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,864.09 จุด ร่วงลง 107.04 จุด หรือ -0.54% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,614.79 จุด เพิ่มขึ้น 1.08 จุด หรือ +0.02% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,278.87 จุด ลดลง 2.03 จุด หรือ -0.09% โดยนักลงทุนยังคงวิตกกังวลต่อการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งเพื่อระงับการเข้าสหรัฐของพลเมืองจาก 7 ชาติมุสลิม นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงในเดือนม.ค.

ตลาดน้ำมัน NYMEX +0.18 USD/Barrel

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 18 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 52.81 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากผลสำรวจซึ่งระบุว่า การผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับตัวลดลงในเดือนม.ค. อย่างไรก็ตาม นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบในวันนี้