MORNING CALL ACTION NOTES (31 ม.ค.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (31 ม.ค.60)

รอผลประชุม FOMC

ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งตัวในกรอบแคบด้วย Volume ซื้อ/ขายไม่มากนักเนื่องจากนลท.ชะลอการเข้าซื้อเพื่อรอผลการประชุม FOMC ในวันที่ 31 ม.ค. – 1 ก.พ.ว่าจะส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ ส่งผลให้ SET ปิดที่ 1,590.56 จุด (-0.24 จุด) Vol. 4.1 หมื่นลบ.โดย Foreign Net +11 ลบ. , TFEX Net -1,667 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

- ตลาดหุ้น DJ ปรับตัวลงแรงหลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งระงับการเข้าสหรัฐของพลเมือง 7 ชาติมุสลิม ซึ่งกดดันต่อหุ้นกลุ่มสายการบินรวมถึงอาจนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

- ราคาน้ำมันปรับตัวลงล่าสุด 52.6 US/Barrel จากความกังวลอุปทานน้ำมันในสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น หลังแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

+/- 31 ม.ค. – 1 ก.พ. การประชุม FOMC (คาดคงดอกเบี้ยที่ 0.75%) แต่ต้องติดตามว่าจะกล่าวถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่

+/- ทิศทาง Fund Flow ต่างชาติชะลอตัว. แต่แนวโน้มค่าเงินบาทยังทรงตัวที่ราว 35.2 BATH/USD.

+ สศค.เผยเศรษฐกิจ ธ.ค.59 รับผลดีส่งออกโตพุ่ง, ประเมิน GDP ทั้งปีโต 3.2% ใช้จ่ายรัฐหนุน บริโภคเอกชนฟื้น

+ สนพ.ยืนยันว่ากลุ่มสหกรณ์การเกษตรสามารถเข้าประมูลโซลาร์ฟาร์มสหกรณ์ ระยะที่ 2 จำนวน 119 Mw ได้โดยไม่ผิดเงื่อนไขการจัดตั้งสหกรณ์

** ตลาดหุ้นฮ่องกง จีน ไต้หวัน ปิดทำการวันนี้ (31 ม.ค.) เทศกาลตรุษจีน

** DTAC ปี 59 กำไร 2.09 พันลบ. เทียบกับปี 58 กำไร 5.89 พันลบ.

Sentiment เชิงลบจากการปรับตัวลงของตลาดหุ้น DJ , ราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง รวมถึง Fund Flow ที่ชะลอตัวเพื่อรอผลการประชุม FOMC ในวันที่ 31 ม.ค. – 1 ก.พ. เป็นแรงกดดันภาวะตลาด อย่างไรก็ตามคาดว่าแรงซื้อดักงบและเงินปันผลปี 2559 จะช่วยพยุงดัชนีในช่วงอ่อนตัวได้ ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,580 - 1,600 จุด

กลยุทธ์การลงทุน Selective Buy กลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- STA TRUBB ราคายางพาราพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปีล่าสุด 350 Yen/Kg

- IVL ราคาฝ้ายพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ล่าสุด 74.2 US/Tons

- กลุ่มพลังงาน อานิสงส์ราคาน้ำมันทรงตัวระดับสูงและคาดว่างบ Q4/59 รวมถึงงบปี 59 จะมีกำไรเติบโตขึ้น

- กลุ่มที่คาดว่ากำไรปี 2559 เติบโต PTT IRPC PTTGC TOP BANPU WICE SYNEX ANAN ORI FSMART BCH BIG SMT KCE BEAUTY BJC



หุ้นแนะนำพิเศษ

WICE   ราคาปิด 3.80    ราคาพื้นฐาน 4.45 บาท

• คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิปี 2559 ของ WICE จะอยู่ที่ 87.4 ลบ. (+44.2% YoY) เนื่องจากการควบรวม SEL (Sun Express Logistics) สิงคโปร์ เข้ามาตั้งแต่ Q3/59 และการเข้าบริหารคลังสินค้าให้ผู้ส่งออกกระจกรายใหญ่ 8,000 ตารางเมตรตั้งแต่พ.ค. 59

• ปี 2560 คาดกำไรสุทธิจะก้าวกระโดดขึ้นเป็น 145 ลบ. (+66% YoY) ขับเคลื่อนจากการรับรู้รายได้และกำไรของ SEL เต็มปี รวมถึงการขยายตัวของธุรกิจ Transportation ขยายฟีดรถหัวลาก-หางพ่วง และ Warehouse เนื้อที่ 1.3 หมื่นตรม. ที่แหลมฉบัง

• ล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อกิจการ (M&A) และร่วมลงทุนในธุรกิจโลจิสติกส์ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาอยู่ 2-3 รายในภูมิภาคเอเชียแต่ยังไม่ได้ข้อสรุป

หุ้นมีข่าว

- ประเด็นบวก SCN (ราคาปิด 9.65 ราคาเหมาะสม 9.90) เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งมั่นขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับยานยนต์ที่มีศักยภาพการเติบโตอีกมาก โดยปัจจุบันมีสถานีบริการ 10 แห่ง แบ่งเป็นที่เปิดให้บริการแล้ว 7 แห่ง และที่อยู่ระหว่างรอสัญญาในการซื้อขายก๊าซ NGV จาก ปตท. อีก 3 แห่ง ได้แก่ ที่จังหวัดปราจีนบุรี ขอนแก่นและชลบุรี ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปีนี้ทั้งหมด

- DTAC (ราคาปิด 41.50 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 36.00) และบ.ย่อยปี 59 กำไร 2.09 พันลบ. หดตัวลง 65%YoY พร้อมงดจ่ายเงินปันผลงวด H2/59 อย่างไรก็ตามบริษัทตั้งเป้ารายได้-EBITDA ในปี 60 ระดับเดียวกับปีก่อน

- LPN (ราคาปิด 12.70 ขาย ราคาเหมาะสม 9.50 บาท) แถลงประมาณการยอดขายปี 59 ราว 8,500 ล้านบาท และประมาณการรายได้ 1.3 หมื่นลบ. ปี 60 ประมาณการยอดขาย presale 2 หมื่นลบ. และประมาณการรายได้ 1 หมื่นลบ. ประมาณรายได้ที่ลดลงในปี 60 ถือเป็นแนวโน้มรายได้ที่ลดลงเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันตั้งแต่ปี 58 ทั้งนี้ ปี 60 มีแผนเปิดโครงการใหม่ 12 โครงการมูลค่ารวม 2 หมื่นลบ. โดยขยายฐานลูกค้ามาที่กลุ่มระดับกลาง-บนมากขึ้นจากการเปิดโครงการใหม่รองรับกลุ่มดังกล่าว 7 โครงการ มูลค่า 1.6 หมื่นลบ. นอกจากนี้ยังมีการปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัทย่อยในการมีพันธมิตรและรับงานภายนอกบริษัทมากขึ้นเพื่อช่วยสร้างรายได้อีกทาง

  ความเห็น : ประมาณการรายได้ของผู้บริหารต่ำกว่าประมาณการรายได้ของฝ่ายวิจัยที่ราว 1.5 หมื่นลบ.สำหรับปี 59 และราว 1.3 หมื่นลบ.สำหรับปี 60 ฝ่ายวิจัยคาดกำไรปี 59 ราว 2,350 ลบ. -3% คาดกำไรปี 60 ราว 1,351 ลบ. - 43% ซึ่งฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการรายได้จากการโอนโครงการให้ใกล้เคียงกับประมาณการของผู้บริหารโดยมีความเห็นในส่วนของรายได้จากการปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัทย่อยว่ามาช่วยเสริมรายได้ส่วนหนึ่งไม่ให้รายได้หดตัวมากแต่ไม่น่าจะมากพอจนสามารถพลิกกลับให้ผลประกอบการปีนี้เติบโตได้

- ประเด็นลบกลุ่มธนาคาร - ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 4 แห่ง ทั้ง BBL KBANK และ KTB ต่างมีเอ็นพีแอลเพิ่มในสิ้นปี 59 เผย BBL เพิ่ม 22.4% ส่วน KBANK 31.5% และ KTB 19.3% ดันทั้งกลุ่มพุ่ง 9.8% หรือกว่า 3.67 แสนล้านบาท หวั่นปีนี้อาจต้องตั้งสำรองหนี้สูญฯ เพิ่ม หากหนี้เสียยังไม่หยุดวิ่ง ขณะที่แบงก์ขนาดกลางทั้ง TMB-TCAP–TISCO และ KKP มีหนี้เสียปรับลดลง (ที่มา ข่าวหุ้น)

   ความเห็น : NPL ที่ยังอยู่ในระดับสูงจากลูกค้ากลุ่ม SME และรายย่อยทำให้คชจ.สำรองหนี้สูญในปีนี้ยังอยู่ในระดับสูงสำหรับ BBL KBANK และ KTB เพือรักษาระดับ Coverage Ratio ให้ใกล้เคียงกับกลุ่ม สำหรับ TMB มีการขาย NPL และ write off ส่วน TCAP TISCO และ KKP มีลูกค้าหลักอยู่ในกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อซึ่งสถานการณ์ NPL ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วจึงมี NPL ลดลง เราให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มธนาคารเป็น Neutral เลือก SCB เป็น Top pick

- BPP (ราคาปิด 24.60 Bloomberg Consensus 27.50) เข้าลงทุนโรงไฟฟ้าโซลาร์ญี่ปุ่นอีก 2 โครงการรวม 28.9 MW คาด COD ในปี 61

- ITD (ราคาปิด 5.05 Bloomberg Consensus 5.74) ได้งานตกแต่งภายในสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ มูลค่า 1.2 พันลบ.

ตลาดหุ้นดาวโจนส์ -122.65 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,971.13 จุด ร่วงลง 122.65 จุด หรือ -0.61% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,613.71 จุด ลดลง 47.07 จุด หรือ -0.83% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,280.90 จุด ลดลง 13.79 จุด หรือ -0.60% โดยหุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงหนักสุด หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อระงับการเข้าสหรัฐของพลเมืองจาก 7 ชาติมุสลิม ซึ่งมาตรการดังกล่าวส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่าอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

ตลาดน้ำมัน NYMEX -0.54 USD/Barrel

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 54 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 52.63 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐ มีจำนวนเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ถึงการเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันในสหรัฐ และอาจส่งผลกระทบต่อความพยายามของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันในประเทศอื่นๆในการลดการผลิตเพื่อกระตุ้นราคาให้ดีดตัวขึ้น