กอดลองบอร์ดแล้วออกไปทำสิ่งที่รัก

กอดลองบอร์ดแล้วออกไปทำสิ่งที่รัก

ศิลปินสาวกับเพื่อนรู้ใจที่แค่กอดคอออกไปเล่นด้วยกัน ก็ทำให้โลกนี้สว่างไสวขึ้นมา

“มีอยู่ช่วงหนึ่งเราโดนปัญหาชีวิตรุมเร้าเข้ามาพร้อมกันหมดเลย ทั้งเรื่องครอบครัว เรื่องแฟน เรื่องงาน เรื่องเงิน เครียดมากๆ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง มองไปมองมาก็เห็นบอร์ดที่วางอยู่ เฮ้ย! ทำไมมองข้ามเพื่อนคนนี้มาตลอด เรารีบไปเล่นเลย เชื่อไหม ความเครียดที่กัดกินเราอยู่ค่อยๆ หายไป พูดไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไม แต่รู้สึกเหมือนได้คุยกับใครสักคนที่เข้าใจเราจริงๆ แล้วเราระบายความรู้สึกออกมาให้เขาฟังโดยไม่ต้องพูด ทำให้ทุกครั้งเวลาที่เหนื่อยหรือมีปัญหา ปรางก็จะทำแบบนี้ตลอด”

มะปราง - นวพรรณ อังอินสมบัติ ศิลปินอิสระกับประสบการณ์ที่ทำให้เธอเชื่อว่าลองบอร์ดนี่แหละคือเพื่อนแท้ของเธอ

ไลฟ์สไตล์ที่ใช่กับใจที่ชอบ

มะปรางเริ่มเล่นลองบอร์ดเมื่อ 2 – 3 ปีที่แล้ว ช่วงแรกเธอเล่นแบบดาวน์ฮิลล์ก่อน แต่ติดปัญหาตรงที่ว่าการจะเล่นแบบนี้ส่วนใหญ่ต้องออกไปเล่นตามต่างจังหวัด ซึ่งค่อนข้างขัดกับไลฟ์สไตล์ของเธอที่ต้องทำงานเกือบทุกวัน ต่อมาเมื่อเธอได้รู้จักกับกลุ่มเพื่อนที่เล่นลองบอร์ดด้วยกัน จึงพบว่าลองบอร์ดก็สามารถเล่นแบบอื่นได้ด้วย

“พอเริ่มรู้จักกับแก๊งสาวๆ เลยรู้ว่าลองบอร์ดมันก็แดนซ์ได้นี่นา เพราะเห็นเพื่อนเล่น ช่วงแรกเลยไปให้เพื่อนสอนก่อน ต่อมาก็เริ่มซ้อมและศึกษาด้วยตัวเองจากการดูคลิปในอินเตอร์เน็ต”

Longboard Girls Crew Thailand คือชื่อกลุ่มของพวกเธอ ซึ่งมะปรางบอกว่าเพราะความหลงใหลในลองบอร์ดที่ดึงดูดให้พวกเธอมาเจอกัน โดยมีสองสิ่งที่เหมือนกันอย่างเห็นได้ชัดคือทุกคนเป็นคนชอบ “ลุย” และ “ชอบแบ่งปัน” ที่สำคัญ พวกเธอคบกันแบบใจแลกใจ จึงทำให้นอกจากการซ้อม การแบ่งปันเทคนิคการเล่นแล้ว เรื่องราวต่างๆ ในชีวิต พวกเธอจึงถูกนำมาแชร์กันอย่างสม่ำเสมอ

รู้จักมะปราง รู้จักลองบอร์ด

จากการที่มะปรางเป็นทั้งนักร้องและนักแต่งเพลง เธอบอกว่าการเล่นลองบอร์ดนอกจากจะทำให้มีสมาธิมากขึ้นแล้ว ทัศนคติและมุมมองในการใช้ชีวิตก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เธอมองโลกกว้างขึ้นกว่าเดิม จึงทำให้การ ‘แต่งเพลง’ ของเธอเปลี่ยนไปเช่นกัน เมื่อก่อนจะมีแต่ความรักของหนุ่มสาว แต่เดี๋ยวนี้เธอรู้แล้วว่าความรักไม่ได้มีแค่มิติเดียว มันยังมีความรักอีกมากมายหลายแบบให้เธอค้นหา

“เพลง ‘พัก’ เพลง ‘คิดว่าดีก็ทำไป’ และเพลง ‘สกายวอล์ค’ คือเพลงที่มะปรางได้รับแรงบันดาลใจมาจากการเล่นลองบอร์ด อย่างเพลง ‘พัก’ เนี่ยมาจากที่ช่วงก่อนหน้านี้เราทำงานหนักมาก เหมือนหุ่นยนต์เลย ทำงาน 6 วันพักวันเดียว ทำให้เรารู้สึกได้เลยว่าตัวเองเป็นคนไม่ดี ขี้หงุดหงิด ใจร้อน เราไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนั้น เลยต้องพักบ้าง สำหรับเราการพักคือการเล่นลองบอร์ดนะ แต่ละคนก็จะมีวิธีพักต่างกันไง เราเลยอยากมีเพลงที่ทำให้คนฟังแล้วรู้สึกว่าได้พักจริงๆ”

นอกจากการแต่งเพลงที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการเล่นลองบอร์ดแล้ว เราจะสังเกตได้ว่า MV เกือบทุกตัวของเธอจะต้องมีเพื่อนๆ ไปเล่นลองบอร์ดแจมด้วยเสมอ ซึ่งในส่วนนี้มะปรางบอกว่า เธออยากให้คนที่รู้จักเธอได้รู้จักลองบอร์ดด้วย อยากให้มีคนมาเล่นกันเยอะๆ โดยเฉพาะผู้หญิง เพราะส่วนตัวเธอรู้สึกว่าผู้หญิงที่เล่นลองบอร์ดนั้นดูมีเสน่ห์ ซึ่งก็คงจะจริงอย่างเธอว่า เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยที่อินบ๊อกซ์เข้ามาถามเธอเมื่อได้ดู MV แล้ว

“เวลามีคนถามเกี่ยวกับการเริ่มเล่น เราจะบอกทุกคนเลยว่าความปลอดภัยสำคัญที่สุดนะ อย่าข้ามสเต็ป เพราะจากประสบการณ์ที่เป็นครูสอนร้องเพลงเราพบว่าเด็กเดี๋ยวนี้ชอบทางลัดเหมือนกันเกือบหมด บางคนพื้นฐานยังไม่แน่นก็อยากเล่นท่ายากๆ แล้ว บางคนอาจจะเล่นได้ แต่ส่วนมากมักจะไปไม่รอดทั้งนั้น แล้วเวลาล้มมันเจ็บนะ บางคนเย็บเป็นสิบเข็ม บางคนเจ็บแล้วท้อจนเลิกเล่นไปเลยก็มี ซึ่งเราไม่อยากให้เป็นแบบนั้นไง กว่าจะเล่นเป็นก็นานแล้ว มันน่าเสียดายนะถ้าเลิกไป เพราะยิ่งมีคนเล่นเยอะมากเท่าไหร่ เราก็หวังว่าในอนาคตจะมีพื้นที่สำหรับเล่นลองบอร์ดโดยเฉพาะบ้าง แต่ก็เข้าใจแหละว่ามันยาก”

คิดว่าดีก็ทำไป

อาจเป็นเพราะในประเทศไทยลองบอร์ดยังเป็นกีฬาที่ไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่นัก จึงทำให้ไม่มีผู้สนับสนุน และสถานที่เล่นโดยเฉพาะ รวมถึงผู้คนส่วนมากยังยึดติดกับภาพเดิมๆ ว่าเด็กบอร์ดส่วนมากเป็นเด็กเกเรหรือก้าวร้าว แต่จากความจริงที่เราได้สัมผัสกลับไม่พบอะไรทำนองนี้ในตัวพวกเธอเลย ถ้าจะมีก็แต่ความก้าวร้าวนิดๆ เพื่อขอทำในสิ่งที่ตัวเองรักเท่านั้น แม้ว่าคนทั่วไปที่มองแค่ภายนอกจะตีความเอาเองว่ามันไม่ถูกต้อง จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้มะปรางแต่งเพลง ‘คิดว่าดีก็ทำไป’ เพื่อมอบให้ทุกคนที่กำลังตามหาความฝันและรักในสิ่งที่ทำเช่นเดียวกับพวกเธอ...

“ทำดีสักวันมันต้องมีทางออก เชื่อมั่นเข้าไว้ เชื่ออย่างนั้น ทำแค่นั้นพอ”