Daily Market Outlook (24 ม.ค.60)

Daily Market Outlook (24 ม.ค.60)

Trump พูดแต่เรื่องปกป้องทางการค้าเพื่อกดค่าดอลลาร์

คาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบวันนี้ ด้วยสินทรัพย์เสี่ยงในเอเซียทั้งหมดถูกกดดันจากความพยายามของ Trump ที่จะกดค่าเงินดอลลาร์โดยพูดแต่เรื่องปกป้องทางการค้าซึ่งทำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยงไปหาสินทรัพย์ปลอดภัย เห็นได้จากอัตราผลตอบแทนตั๋วเงินคลังสหรัฐฯ และเงินดอลลาร์ที่ร่วงลง แต่เงินเยนแข็งค่า ราคาทองคำที่สูงขึ้น นอกจากนั้นถ้อยแถลงจากทำเนียบขาวว่าจะหยุดการเข้าครอบครองเกาะในทะเลจีนใต้ของจีน อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองในภูมิภาคได้ ปัจจัยภายในประเทศวันนี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามต่อไป ICAO จะเข้าตรวจสอบการจัดการด้านความปลอดภัยด้านการบินของไทยในเดือน มิ.ย. ว่าจะปลดธงแดงออกหรือไม่ รัฐบาลและภาคเอกชนเปิดตัวแผนพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ ที่คาดว่าจะทำให้มีการลงทุนอย่างน้อย 4 แสนล้านบาทใน 10 ปีจากนี้

หุ้นเด่นวันนี้: TRC(ราคาปิด 1.61 บาท;ซื้อ;ราคาเป้าหมาย AWS ปี 2560 ที่ 2.20)

TRC คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในปี 2560 โดยได้แรงหนุนจากสัญญาก่อสร้างขนาดใหญ่ของ บมจ.โปแตชอาเซียนชัยภูมิ (APOT) และการฟื้นตัวของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในภูมิภาค เราคาดว่าจะมีการเพิ่มการใช้จ่ายเงินลงทุนของผู้ประกอบการพลังงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม PTTเกิดขึ้นนับจากปี 2560 เป็นต้นไป TRC มีโอกาสดีที่จะชนะการประมูลโครงการท่อก๊าซเส้นที่ 5 ของ PTT มูลค่า 35,000 ล้านบาท ในเดือน ก.พ.60 ซึ่งมี2 สัญญาคือ สัญญาการก่อสร้างและการจัดซื้อของท่อก๊าซ ซึ่งMarubeni-Itochu Steel Incชนะการประมูลการจัดซื้อท่อก๊าซไปแล้วซึ่งจะมีการประกาศผลเป็นทางการในเดือน ก.พ.60 TRC มีการลงทุนถือหุ้น26.22% ใน APOT ซึ่งได้สัมปทานเหมืองโปแตช 25 ปีในจังหวัดชัยภูมิ โดย TRC จะได้รับงานก่อสร้างเหมืองบนดินและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับโครงการAPOT มีมูลค่ารวม 33,400 ล้านบาท บันทึกเข้ามาเป็น Backlog โดยจะมีการลงนามในสัญญาอย่างเป็นทางการในไตรมาส 1/60 งานดังกล่าวมีขนาดใหญ่เพียงพอสร้างรายได้ที่แข็งแกร่งให้TRC ในสามปีข้างหน้านอกจากนี้เราคาดว่ากำไรไตรมาส 4/59ของ TRC ที่ 84 ล้านบาท ลดลง 16%YoYแต่เพิ่มขึ้น 19% QoQโดยคาดการณ์กำไรสุทธิของ TRC ในปี 2559 แย่ลง21 แต่ดีขึ้น 41% และ 30% ในปี 2560 และ 2561 ปัจจุบัน PER30 เท่าแต่คาดว่าจะลดลงเป็น 21 เท่าในปี 2560และ 16.5เท่าในปี 2561 ซึ่งเราประเมินราคาเป้าหมายของ TRC ไว้ที่ 2.20 บาท จาก sum-of-the-part อิงค่า EV/EBITDA ที่ 15 เท่าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ได้ค่า 1.69 บาท รวมกับค่า 0.51 บาทของธุรกิจที่ลงทุนในเหมืองโปแตช โดยยังมี Upside จากราคาเป้าหมายอีก 37% Price Patern ของ TRC ยังมีความแข็งแกร่งทั้งในระยะสั้นและกลาง จากการเกิด Daily และ WeeklyBuy Signal หากราคาหุ้นปิดเหนือ 1.57 ในรายเดือนได้ จะเกิด Monthly Buy Signal ซึ่ง จะทำให้แนวโน้มใหญ่เปลี่ยนจาก Downtrend เป็น Uptrend โดย TRC คาดว่าจะเบรคเป้าหมายถัดไปได้ที่ 1.65 บาท และมีเป้าหมายสำคัญถัดไปที่ 1.78 บาท มีจุด Stop Loss ที่ 1.52 บาท (Resistance: 1.62, 1.64, 1.65; Support: 1.60, 1.59, 1.57)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• เก้าสายการบินหลักน่าจะได้ AOC ภายใน มิ.ย.จุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) กล่าวว่าสายการบิน 9 สายกำลังจะได้รับใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ (AOC) ภายใน มิ.ย. ปีนี้ ก่อนจะได้รับการตรวจสอบจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) อีกครั้งในเดือนเดียวกันเพื่อปลดธงแดงสำหรับประเทศไทย THAI BA และไทยแอร์เอเชีย (AAV ถือหุ้น 50%) อยู่ในขั้นตอนที่ 4 จาก 5 ขั้นตอน ซึ่งน่าจะเสร็จสิ้นเป็นชุดแรก (Bangkok Post)

• ทุ่ม 4 แสนลบ. ดันเศรษฐกิจชีวภาพ รัฐบาลร่วมกับภาคเอกชนภายใต้โครงการประชารัฐเปิดตัวแผนพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพระยะเวลา 10 ปี กรอบเงินลงทุนประมาณ 4.0 แสนลบ. เพื่อต่อยอดการพัฒนาพืชเศรษฐกิจนำร่อง คือ มันสำปะหลัง และอ้อย นำไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงมากขึ้น ผลักดันความต้องการซื้อและตลาด โดยจะเริ่มทันทีจังหวัดระยอง และขยายสู่เขตอีสานตอนกลาง จ.ขอนแก่น ทั้งนี้แผนดังกล่าวจะแบ่งเป็น 3 ระยะ โดยระยะ 1 จะเป็นในช่วงปี 2560-2561 เงินลงทุนประมาณ 5.1 หมื่นลบ. (Bangkok Post) ความเห็น: เรามีมุมมองเชิงบวกต่อประเด็นดังกล่าวที่จะเป็นการสร้างงานและเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร รัฐบาลคาดจะเพิ่มมูลค่าให้กับมันสำปะหลังและอ้อยต่อปีได้ราว 1.0 แสนลบ. และ 3.0 แสนลบ. ตามลำดับ

• คาดยอดจดทะเบียนธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น 3% กรมพัฒนาธุรกิจการค้ามองยอดจดทะเบียนธุรกิจใหม่ปีนี้จะเพิ่มขึ้น 3% จากปีที่แล้วมาอยู่ที่ 66,000 ราย คิดเป็นมูลค่ารวมราว 2.4 แสนลบ. ท่ามกลางปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนของภาครัฐขนาดใหญ่และมาตรการกระตุ้นต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงมาตรการจูงใจทางภาษี (Bangkok Post)

ต่างประเทศ:

• การกล่าวถึงการกีดกันทางการค้าของทรัมป์จะทำให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัว การเน้นไปที่การกีดกันทางการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์แทนมาตรการกระตุ้นการคลังก่อให้เกิดความสงสัยว่ารัฐบาลสหรัฐอาจต้องการทำให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง นาย Steven Mnuchinว่าที่รัฐมนตรีคลังสหรัฐแถลงต่อ Senate Finance Committee ว่าดอลลาร์ที่แข็งค่าเกินไปอาจส่งผลลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ (Reuters)

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลงเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนกังวลต่อท่าทีแข็งกร้าวของทรัมป์เกี่ยวกับการค้าส่งผลให้เกิดความต้องการพันธบัตรมากขึ้นก่อนการประมูลพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 8.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์นี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับตัวลง 2 bps อยู่ที่ระดับ 2.450% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปี ปรับตัวลง 1 bps อยู่ที่ระดับ 3.032% (Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์เทียบกับสกุลเงินหลักเมื่อวันจันทร์โดยได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตของการบริหารประเทศของทรัมป์ซึ่งที่ผ่านมาถูกประท้วงต่อต้าน สุนทรพจน์ในวันเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีที่กล่าวถึงการปกป้องทางการค้าและความเห็นที่เกรี้ยวกราดบนทวิตเตอร์ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวลง 0.3% อยู่ที่ระดับ 100.43 นำโดยดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า 0.9% เทียบกับเงินเยนที่ระดับ 113.64 เยน (Reuters)

สหรัฐ:

• ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลดลงเมื่อวันจันทร์ จากความเคลื่อนไหวก่อนหน้าของทรัมป์ซึ่งมีแสดงถึงการปกป้องทางการค้าเป็นเหตุให้นักลงทุนกลับมาพิจารณาเกี่ยวกับการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐหลังการเลือกตั้ง ในการใช้คำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐครั้งล่าสุด (executive order) ทรัมป์ได้ลงนามถอนสหรัฐออกจากข้อตกลงการค้าเสรีหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิค (TPP) อย่างเป็นทางการ และทรัมป์ประกาศว่าจะทบทวนความตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) กับผู้นำแคนาดาและเม็กซิโก (Reuters)

ยุโรป:

• ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันจันทร์ปรับตัวลดลงโดยตลาดตอบรับในเชิงลบกับกับการเข้ารับตำแหน่งปธน.สหรัฐฯ อย่างเป็นทางการของ Donald Trump ที่ยังคงจุดยืนนโยบายกีดกันทางการค้า หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มน้ำมันนำตลาดปรับตัวลดลง ราคาหุ้น Fingerprint Cards AB ซึ่งประกอบธุรกิจทางด้านเทคโนโลยีชีวมิติสัญชาติสวีเดน ได้ปรับตัวลดลงหลังบอร์ดบริหารและ CEO ถูกจับกุม (Reuters)

เอเชีย:

• สหรัฐสาบานจะหยุดจีนเข้าครอบครองเกาะในทะเลจีนใต้: ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ นายโดนัลด์ทรัมป์สาบานตัวในวันจันทร์ที่ผ่านมาว่าสหรัฐฯ จะป้องกันไม่ให้จีนยึดดินแดนในน่านน้ำสากลในทะเลจีนใต้สื่อของจีนได้เตือนถึง "wage war"ด้วย (Reuters)

• ประเทศจีนได้ตกลงที่จะให้ความร่วมมือกับประเทศฟิลิปปินส์ใน30 โครงการมูลค่า3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มุ่งเน้นไปที่การลดความยากจน โดยทั้งสองประเทศได้พูดคุยกันหลังการประชุมในกรุงปักกิ่งวันจันทร์ที่ผ่านมา ประเทศจีนตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศของ Duterte ที่จะห่างจากการเป็นพันธมิตรดั้งเดิมของสหรัฐอเมริกาและจะทำข้อตกลงกันในระดับภูมิภาคมากขึ้นกับจีน ภายใต้นโยบายของจีนเรื่องการ "โปรชาวฟิลิปปินส์" (Reuters)

• นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นชินโซอะเบะกล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่าเขาต้องการที่จะอธิบายให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้าใจว่าบริษัทญี่ปุ่นมีส่วนร่วมสร้างเศรษฐกิจสหรัฐฯ(Reuters)

• เกือบสองในสามของบริษัทญี่ปุ่นไม่ได้วางแผนขึ้นค่าจ้างแรงงานในปีนี้ผลสำรวจของรอยเตอร์แสดงให้เห็นว่าการออกแคมเปญของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นสำหรับการจ่ายที่สูงขึ้นเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวและวิธีที่จะจบภาวะเงินฝืดที่ดำเนินมาสองทศวรรษนั้น การสำรวจพบว่าส่วนใหญ่ค่าจ้างที่ขึ้นมาสี่ปีนับตั้งแต่อาเบะดำรงตำแหน่งนั้นเป็นการขึ้นที่น้อยที่สุดและหนึ่งในสี่ของบริษัทไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย (Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• น้ำมันร่วงราว 1% วันจันทร์จากสัญญาณการฟื้นตัวของการขุดเจาะน้ำมันสหรัฐเหนือข่าวว่าผู้ผลิตทั้ง OPEC และ non-OPEC อยู่ระหว่างลดกำลังการผลิตตามเป้าก็ตาม Brent ลบ 23 เซนต์หรือ 0.4% ปิด 55.25 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันสหรัฐลบ 46 เซนต์หรือ 0.8% ปิดที่ 52.76 ดอลลาร์สหรัฐ(Reuters)

• ทองบวกสู่จุดสูงสุดรอบสองเดือนในวันจันทร์ เพราะความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์ทำให้นักลงทุนเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย ดอลลาร์ที่อ่อนค่าทำให้ทองถูกลงสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น ขณะที่ yield ที่ต่ำลงลดต้นทุนค่าเสียโอกาสสำหรับผู้ถือทองไว้ลงทุน ทองคำตลาดจรบวก 0.6% ปิด 1,216.33 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังแตะ 1,219.43 ดอลลาร์ สูงสุดนับแต่ 22 พ.ย. ทองคำล่วงหน้าบวก 0.9% ปิด 1,215.6 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์(Reuters)