จี้ 'ทสจ.' ดำเนินคดีปล่อยน้ำเสีย จากบ่อขยะทน.นครศรีธรรมราช
รองผอ.รมน.นครฯ ชี้ทสจ.ต้องแจ้งความดำเนินคดีทน.นครศรีธรรมราช หลังบ่อขยะ1.2ล้านตัน ระบายน้ำลงแหล่งน้ำสาธารณะ
ภายหลังจากการเปิดเผย น้ำบ่อขยะเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ที่ตั้งอยู่ในตำบลนาเคียน และตำบลนาทราย อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งมีปริมาณขยะสะสมกว่า 1.2 ล้านตัน เป็นอันดับสองของประเทศไทย รองจากจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งมีการปล่อยน้ำออก ลงพื้นที่เกษตรกรรมและแหล่งน้ำสาธารณะอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ตั้งคณะกรรมการเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งได้เดินทางเข้าตรวจสอบด้วยการเดินเท้า โดยมีพันเอกชาญวิทย์ ปิ่นมณี รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน นำผู้เกี่ยวข้องทุกหน่วยงานเดินเท้าเข้าตรวจสอบท่ามกลางน้ำท่วมขังและมีร่องรอยกลบใหม่ของทางน้ำที่ปล่อยลงแหล่งน้ำสาธารณะ
ขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก จากตำบลนาทรายและตำบลนาเคียน มารวมตัวกันปากทางเข้าบ่อขยะโดยมายืนยันถึงความเดือดร้อน
พันเอกชาญวิทย์ ปิ่นมณี รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน นครศรีธรรมราช ยืนยันว่าประชาชนมีความเดือดร้อนอย่างชัดเจน และหลังจากวันนี้จะมอบให้ ทสจ.นครศรีธรรมราช บันทึกแจ้งความดำเนินคดีกับเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เป็นขั้นแรกในฐานความผิดต่อพระราชบัญญัติสิ่งแวดล้อมที่มีการปล่อยน้ำเน่าเสียลงสู่พื้นที่สาธารณะ เทศบาลนครนครศรีธรรมราช จะต้องเร่งในการยกคันดินขึ้นป้องกันน้ำเน่าออกสู่ภายนอกให้ได้เป็นเบื้องต้นก่อนการดำเนินคดีก็ต้องว่าไป
ขณะที่ชาวบ้านจำนวนมากได้มาติดตามเรื่องนี้เตรียมที่จะติดตามการแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิดโดยอาจมีมาตรการในการปิดถนนเพื่อไม่ให้รถขนขยะเข้ามาทิ้งได้อีกหากยังไม่แก้ปัญหา และหากยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับทางเทศบาลโดยผู้รับผิดชอบคือสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครศรีธรรมราช ชาวบ้านอาจใช้มาตรการแจ้งความดำเนินคดีฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 อีกครั้ง และการมารวมตัวกันแสดงให้เห็นถึงความเดือดร้อนของชาวบ้านไม่ใช่เรื่องการเมืองอย่างที่ผู้บริหารเทศบาลนครนครศรีธรรมราช พยายามกล่าวหา
นายสุขเจริญ สุดสมบูรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาทราย ระบุว่า ได้มีการร้องเรียนกันหลายครั้งมากแต่ไม่มีการแก้ไขปัญหา จนกระทั่งมาเป็นข่าวอย่างต่อเนื่อง เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่เริ่มมีการแก้ไขเรื่องนี้มากขึ้นซึ่งชาวบ้านจะต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าการเข้าตรวจสอบครั้งนี้ของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง มีเพียงนายสมพร กาญจนโสภาค ผู้อำนวยการกองการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่เพียงคนเดียว ส่วนคณะผู้บริหารไม่มีใครมาลงพื้นที่และพบกับคณะกรรมการเลยแม้แต่คนเดียว