'สุริยะใส' แนะ ปยป. 3 ข้อ เดินหน้างานปรองดอง

'สุริยะใส' แนะ ปยป. 3 ข้อ เดินหน้างานปรองดอง

“สุริยะใส” แนะ ปยป. 3 ข้อเดินหน้างานปรองดอง ย้ำเจ้าภาพต้องน่าเชื่อถือ-กระบวนการเปิดกว้างต่อเนื่อง-เนื้อหายึดหลักนิติรัฐนิติธรรม

นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฯ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) กล่าวว่า ในขณะนี้เป็นเรื่องที่ดีที่หลายฝ่ายเริ่มส่งสัญญาณสนับสนุนกระบวนการปรองดองที่ คสช.จะทำให้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ ก่อนเข้าสู่การเลือกตั้งแต่ก็มีข้อห่วงใหญ่ และข้อพิจารณาที่ คสช. ต้องรับฟังอยู่ไม่น้อย เหมือนกันที่สำคัญการตั้งโจทย์ต้องไม่ผิด เพราะอาจสร้างปัญหาใหม่ตามมา รวมทั้งการออกมาตรการต่างๆ ก็ต้องจัดลำดับก่อนหลังให้ดี ไม่เช่นนั้นอาจทำให้เกิดความหวาดระแวง และสับสนจนไปต่อไม่ได้ เช่นหนึ่งในข้อเสนอปรองดองที่จะให้คู่ขัดแย้งทางการเมืองมาทำข้อตกลงหรือ MOU เพื่อนำไปสู่การยุติความขัดแย้งนั้น เป็นมาตรการหนึ่งที่น่าพิจารณา แม้ยังเป็นแค่แนวคิดแต่เร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องนี้ เพราะการทำข้อตกลงใดๆ ก็ตามต้องผ่านการออกแบบต้องมีความชัดเจนทุกฝ่ายยอมรับถึงจะเกิดขึ้นได้                              

นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า โจทย์หลักที่ ปยป.ต้องพิจารณาในประเด็นปรองดองนั้น มี3ส่วนใหญ่ๆ ส่วนที่หนึ่ง คือ เจ้าภาพซึ่งต้องได้คนที่น่าเชื่อถือได้รับการยอมรับที่สูงประสานทุกฝ่ายได้ไม่ใช่ต้องใช้กฎหมายใช้คำสั่งกำกับควบคุมทั้งหมด ส่วนที่สอง คือ รูปแบบหรือกระบวนการต้องคำนึงถึงการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย และต้องมีความต่อเนื่องเพราะเรื่องนี้ ทำให้เสร็จภายในปีเดียวไม่ได้แน่นอน ส่วนที่สามคือเนื้อหาต้องยึดหลักนิติรัฐและนิติธรรมแสวงหาข้อเท็จจริงให้มากเพราะบางคดี หรือบางข้อกล่าวหาเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองและเกินจริงเนื้อหาต้องตอบโจทย์ทั้งเฉพาะหน้าและการแก้ปัญหาระยะยาวและต้องไม่ให้สังคมรู้สึกว่าเป็นการฮั้วหรือฟอกผิดใครโดยเฉพาะคดีทุจริตคดีอาญาร้ายแรงมีหลักฐานและคดีความผิดมาตรา112                                   

“บทเรียนเรื่องนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งหรือสุดซอยในสมัยนายกฯยิ่งลักษณ์ที่คนไทยออกมาต้านกันทั้งประเทศเป็นพยานหลักฐานได้เป็นอย่างดีที่ปยป.ต้องเดินที่ละก้าวแสงหาความเข้าใจและความร่วมไม้ร่วมมือให้มากที่สุดการใช้อำนาจหักดิบเพื่อปรองดองนั้นจะส่งผลเสียในระยะยาวมากกว่า” ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย กล่าว