วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน 20 มกราคม 2560

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน 20 มกราคม 2560

ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังสต็อกน้ำมันดิบ ณ จุดส่งมอบปรับลดและ IEA คาดอุปทานตึงตัว

+ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นหลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ประกาศปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 13 ม.ค. 60 ณ จุดส่งมอบคุชชิ่งโอกลาโฮม่าปรับลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล แม้ว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ โดยภาพรวมจะปรับเพิ่มขึ้นราว 2.3 ล้านบาร์เรล เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันดิบในสหรัฐ ดำเนินการผลิตที่ร้อยละ 90.7 ลดลงราวร้อยละ 2.9

+ สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดความต้องการใช้น้ำมันดิบในปี 2560 จะอยู่ที่ระดับ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน และมีแนวโน้มที่จะมีมากกว่าอุปทานน้ำมันดิบ หากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบโอเปค (OPEC) และรัสเซียยังคงผลิตน้ำมันดิบตามเป้าหมายที่วางไว้ในข้อตกลงว่าด้วยการปรับลดกำลังการผลิตเพื่อพยุงราคาน้ำมันดิบ แต่อุปทานที่ขาดไปจะถูกชดเชยด้วยการผลิตน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ

- ราคาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงกดดันหลังการผลิตน้ำมันดิบชั้นหินดินดานในสหรัฐ (Shale Oil) มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดในปี 2560 สหรัฐ จะมีกำลังการผลิต Shale Oil เพิ่มขึ้นราว 500,000 บาร์เรลต่อวัน

- ค่าเงินดอลลาร์ ที่ยังคงแข็งค่าอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นส่งผลให้นักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นมีความกังวลเกี่ยวกับการซื้อขายสัญญาน้ำมันล่วงหน้าที่ดูมีราคาแพงขึ้น ค่าเงินที่แข็งค่าขึ้นเกิดจากความเชื่อมั่นที่จะได้รับทราบนโยบายเศรษฐกิจของนาย Donald Trump ที่ชัดเจนขึ้น หลังการกล่าวคำปฏิญาณเพื่อเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 45 ที่จะเกิดขึ้นในวันศุกร์ที่ 20 ม.ค.60 ประกอบกับ ภาพรวมเศรษฐกิจในสหรัฐ ที่เริ่มฟื้นตัวหลังตัวเลขการสร้างบ้านปรับเพิ่มขึ้นและการลงทะเบียนผู้ว่างงานลดลงต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ประกาศปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังในสหรัฐ ที่ปรับเพิ่มราว 6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ก่อนหน้า อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันเบนซินยังคงได้รับแรงหนุนจากตลาดน้ำมันเบนซินในสหรัฐ ที่ยังทรงตัวในระดับสูง

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังสหรัฐ สิ้นสุด ณ สัปดาห์ก่อนหน้าปรับเพิ่มขึ้นราว 1.166 ล้านบาร์เรล ตามรายงานของสถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐ (API) อย่างไรก็ดี ราคายังได้รับแรงหนุนหลังวันถัดมาสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานถึงตัวเลขที่ปรับลดลงราว 1 ล้านบาร์เรล และอุปสงค์ภายในภูมิภาคโดยภาพรวมยังทรงตัวในระดับดี โดยเฉพาะจากประเทศเวียดนาม

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์หน้า

           ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 50-55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

           ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 52-57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

- จับตาการประชุมเพื่อติดตามผลของการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกโอเปคในวันที่ 21-22 ม.ค. ณ กรุงเวียนนา ซึ่งเลขาธิการกลุ่มโอเปคเชื่อมั่นว่ากลุ่มโอเปคจะสามารถปรับลดกำลังการผลิตได้ตามที่ประกาศไว้ ในขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานซาอุดิอาระเบียออกมายืนยันที่จะปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบตามที่ได้ตกลงไว้ สร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดว่าข้อตกลงของกลุ่มโอเปคจะสามารถผลักดันราคาน้ำมันดิบให้ปรับตัวสูงขึ้นได้

- ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของลิเบียมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลังจากท่อขนส่งน้ำมันดิบที่เชื่อมกับแหล่งน้ำมันดิบ El Sharara และ El Feel กลับมาดำเนินการอีกครั้งในเดือนธ.ค. โดยล่าสุดปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้งมาสู่ระดับ 0.693 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังการปรับลดลงในสัปดาห์ก่อนหน้าซึ่งปรับลดลงมาสู่ระดับ 0.650 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากการขาดแคลนไฟฟ้าฉุกเฉินและสถานที่กักเก็บน้ำมันที่ท่าเรือไม่เพียงพอ

- ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ คาดจะยังคงอยู่ในระดับสูง โดยปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 13 ม.ค. อยู่ที่ 2.3 ล้านบาร์เรล เนื่องจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐ มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานสหรัฐ (EIA) คาดการณ์ว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale oil) มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นในเดือนก.พ. ราว 0.041 ล้านบาร์เรลต่อวัน แตะระดับ 4.748 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 58

                                -----------------------------------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.02-797-2999