TCAP - ซื้อ

TCAP - ซื้อ

กำไรไตรมาส 4/59 สูงกว่าคาด

กำไรไตรมาส 4/59 สูงกว่าที่คาด 11%

TCAP รายงานกำไรไตรมาส4/59 ที่ 1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% YoY และ 13% QoQ สูงกว่าที่เราคาด 11% และสูงกว่า Bloomberg6% ซึ่งมาจากการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญฯที่ต่ำกว่าคาด เราประมาณการการตั้งสำรองไตรมาส4/59 ที่ 1.5 พันล้านบาท เทียบกับตัวเลขของ TCAP ที่ 1.35 พันล้านบาท หากไม่รวมการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญฯ, กำไรจากการดำเนินงานที่ไม่รวมสำรองหนี้เสียรวมจะอยู่ที่ 5.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% YoY และ 4% QoQ ซึ่งสอดคล้องกับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ขยายตัวดีขึ้น กำไรปี 2559 เติบโต 11.0% YoY มาอยู่ที่ 6 พันล้านบาท คิดเป็น 101% ของประมาณการกำไรปี 2559 ที่ 5.9 พันล้านบาท

ประเด็นหลักผลประกอบการ

สินเชื่อไตรมาส4/59 อยู่ที่ 691 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.7% QoQ แต่ลดลง 3.2% YoY เป็นไปตามที่เราคาด ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยไตรมาส4/59อยู่ที่ 3.10% เพิ่มขึ้น 10bps YoY แต่ลดลง 2bps QoQ เนื่องจากการบริหารต้นทุนเงินทุนที่ดีซึ่งลดลง YoY เร็วกว่าอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ (ประเภทสินเชื่อเอสเอ็มอีและสินเชื่อรายย่อย)ในช่วงเวลาดังกล่าว รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิอยู่ที่ 7.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% YoY แต่ลดลง 2% QoQ รายได้ค่าธรรมเนียมไตรมาส4/59 อยู่ที่ 2.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% YoY และ 31% QoQ จากการเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อและธุรกิจประกัน ดังนั้นอัตราส่วนต้นทุนต่อรายรับไตรมาส4/59 อยู่ที่ 51.7%, ลดลงเล็กน้อยจาก 54.8% ในช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีที่แล้วแต่ใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมา

การตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญฯไตรมาส4/59 ของ TCAP ลดลง 21% YoY และ 19% QoQ มาอยุ่ที่ 1.35 พันล้านบาท (เราคาดการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญฯไตรมาส4/59 อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท) โดยกิจการมีอัตราภาษีเงินได้ที่ 8.9% ในไตรมาส4/59 เทียบกับ 6% ในช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว สัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมลดลงมาอยุ่ที่ 2.29% ณ สิ้นปี 2559 จาก 2.56% เมื่อ 3 เดือนก่อนหน้านี้จากการปรับโครงสร้างหนี้เสียและการตัดจำหน่ายหนี้เสีย ในขณะที่อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสะสมต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 151% ณ สิ้นปี 2559 จาก 133% เมื่อ 3 เดือนก่อนหน้านี้ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในไตรมาส4/59 อยู่ที่ 5.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% YoY และ 5% QoQ

แนวโน้ม

เราคาดว่ากำไรไตรมาส1/60 จะมีแรงกดดันน้อยลงจากการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญฯที่ลดลง เนื่องจากบริษัทกำหนดอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ใกล้เคียงตามเป้าที่ 151% ในไตรมาส4/59 นอกจากนี้เราคาดว่าสินเชื่อไตรมาส1/60 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในกลุ่มสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อเอสเอ็มอี


สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่สูงหนุนเราปรับลดประมาณการการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญฯ ที่ 13% ในปี 2560 ลดลงมาอยุ่ที่ 6.5 พันล้านบาท และ 8% ในปี 2561 มาอยุ่ที่ 6 พันล้านบาท ซึ่งส่งผลให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้น 8% ในปี 2560 มาอยุ่ที่ 6.4 พันล้านบาท และ 8% ในปี 2560 มาอยุ่ที่ 7.0 พันล้านบาท

คำแนะนำ

ปัจจุบัน TCAP ยังคงมีราคาถูกโดยซื้อขายในระดับ PBV ณ สิ้นปี 2560ที่เพียง 0.9 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มธนาคารไทยที่ 1.35 เท่า นอกจากนี้เราเห็นโอกาสในการปรับประมาณการจากการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญฯที่ลดลงกว่าที่คาดและสินเชื่อที่เติบโตมากขึ้นกว่าที่เราคาด 3% ในปีนี้ เนื่องจากยอดขายรถใหม่ที่ปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2560และคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้นในปี 2560 ดังนั้นเราจึงปรับคำแนะนำของ TCAP จาก ถือ เป็น ซื้อ ณ ราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2560 ที่ 55 บาท อ้างอิงจากค่า PBV ณ สิ้นปี 2560 ที่ 1.1 เท่า (ใกล้เคียงกับค่า PBV ของกลุ่ม ณ สิ้นปี 2560) เราคาดว่า TCAP จะมีอัตราเงินปันผลตอบแทนเงินปันผลที่ 4.7% ในปี 2560 และ 4.9% ในปี 2561