โบรก-บลจ.นัดถกสร้างเชื่อมั่นหวั่นตื่นขายหุ้นบจ.เล็กผิดนัด

โบรก-บลจ.นัดถกสร้างเชื่อมั่นหวั่นตื่นขายหุ้นบจ.เล็กผิดนัด

โบรกเกอร์-บลจ.ในฐานะตัวกลางเตรียมนัดหารือ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นตลาดหุ้น หลังนักลงทุนตื่นขายหุ้นบจ.เล็กที่ผิดนัดชำระบีอีฉุดราคาดิ่ง

จากกรณีบริษัทจดทะเบียนผิดนัดชำระหนี้ตั๋วเงินระยะสั้นและมีจำนวนมากขึ้น จนส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนทั้งในตลาดทุนและตลาดการเงิน 

แหล่งข่าวตัวกลางการออกตราสารหนี้ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทหลักทรัพย์(บล.) บริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน(บลจ.)และสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องและมีฐานะเป็นตัวกลางในการจำหน่ายตราสารหนี้ รวมถึงตั๋วเงินระยะสั้น หรือบีอี มีแนวคิดที่จะร่วมประชุมหารือกัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน เนื่องจากเมื่อเกิดกรณีการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วบีอี ทำให้นักลงทุนตื่นตระหนกและพากันเทขายหุ้นขนาดเล็กที่มีเลื่อนชำระหนี้บีอี จนอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อการซื้อขายหุ้นของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง รวมถึงอาจจะโยงไปถึงหุ้นขนาดเล็กอื่นๆด้วย ทั้งนี้ในความเป็นจริงผลกระทบจากการเลื่อนชำระหนี้เป็นเพียงวงจำกัด และบริษัทที่มีปัญหาส่วนใหญ่เชื่อว่ามีศักยภาพในการชำระหนี้อยู่แล้ว เพราะเมื่อพิจารณาจากฐานะการเงินของแต่ละบริษัทพบว่า ยังไม่น่ากังวล อย่างไรก็ตาม จะกำหนดระยะเวลานัดหารือที่แน่นอนอีกครั้ง

“ตอนนี้กลุ่มตัวกลาง มีแผนหารือกัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดหุ้น เพราะจริงๆปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในวงจำกัด ไม่ได้กระทบต่อภาพตลาดหุ้นโดยรวม แต่กังวลว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้นักลงทุนตื่นตระหนกเทขายหุ้นออกมาทำให้เกิดความเสียหายกับหุ้นขนาดเล็กในตลาดทุนด้วย ”

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส(ประเทศไทย) ประเมินว่า ความวิตกกังวลเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ทำให้ต้นทุนการเงินของผู้จะออกตราสารหนี้ โดยเฉพาะตราสารหนี้ที่ไม่มีเรทติ้ง หรือมี เรทติ้งต่ำๆ จะเพิ่มสูงขึ้นรวมทั้งการ Rollover และการระดมเงินใหม่ในตลาดการเงินก็จะยากขึ้น ทำให้บริษัทที่มีหนี้ต่อทุน( D/E) สูงๆ และมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานไม่ดีนัก อาจมีปัญหาสภาพคล่องทางการเงินตึงตัวได้ ซึ่งในที่สุดอาจจะต้องเพิ่มทุนเพื่อพยุงฐานะการเงินบริษัทให้เดินหน้าต่อไป

ฝ่ายวิจัยคาดว่า บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในข่ายเสี่ยงสูงมากมีจำนวนไม่มาก เพราะหลายบริษัทถึงแม้มีหนี้ต่อทุน( D/E) สูงแต่ก็มีโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ที่แข็งแรง ผู้ถือหุ้นใหญ่สามารถเพิ่มสภาพคล่องให้กับบริษัทได้ทั้งผ่านการกู้ยืมและการเพิ่มทุน จึงควรพิจารณาเรื่องนี้อย่างระมัดระวังแต่อย่าตื่นตระหนกจนมากเกินไป

ขณะที่ราคาหุ้นบริษัทเมื่อประกาศผิดนัดชำระหนี้บีอีจะปรับตัวลดลงทุกบริษัท และล่าสุดวานนี้ (16ม.ค.) หุ้นริชเอเชีย (RICH) ปิดตลาดที่ราคา0.22บาทลดลง21.43% มูลค่าการซื้อขาย 59.11 ล้านบาท หุ้นอีฟอร์แอล (EROL) ปิดตลาดที่ 0.27 บาท ลดลง 3.57% มูลค่าการซื้อขาย 34.11 ล้านบาท หุ้นเชาว์ สตีล (CHOW) ปิดตลาดที่ 6.85 บาท ลดลง 0.05 บาท ลดลง 0.72% มูลค่าการซื้อขาย 17.35 ล้านบาท ส่วนหุ้นเคซี (KC), หุ้นไอเฟค(IFEC) ถูกสั่งพักการซื้อขาย