เกาะติด 'หุ้นเอโอที' ลดพาร์หนุนสภาพคล่อง

เกาะติด 'หุ้นเอโอที' ลดพาร์หนุนสภาพคล่อง

นักวิเคราะห์เชื่อหุ้นเอโอที "แตกพาร์" จาก 10 บาทเป็น 1 บาท หนุนสภาพคล่องหุ้นเพิ่ม มองเป็นปัจจัยบวก "ระยะสั้น"

การที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)AOT ประกาศปรับลดราคาพาร์จาก 10 บาทเหลือ 1 บาท ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าการดำนินการยังไม่ได้เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการเพราะผลสรุปที่ชัดเจนในแผนการแตกพาร์นั้นจะทำได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับผลการประชุมผู้ถืหุ้นใปลายเดือนนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่า แผนการปรับลดพาร์ในครั้งนี้น่าจะผ่านไปได้อย่างไม่มีปัญหาอะไรเพราะจะช่วยให้หุ้นเอโอที มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ให้ความเห็นว่าการที่บริษัทเอโอทีจะแตกพาร์จาก 10 บาทเป็น 1 บาท โดยจะขออนุมัติในที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 27 ม.ค.นี้ ซึ่งการแตกพาร์จะทำให้มีสภาพคล่องในการซื้อขายดีขึ้น และหากพิจารณาในส่วนของปัจจัยพื้นฐานนั้นทางผู้บริหารเอโอทีได้ให้ข้อมูลว่าช่วง 29 ธ.ค.59 - 4 ม.ค.60 มีเที่ยวบินมาใช้บริการสนามบิน 6 แห่ง 16,911 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ยประมาณ 2,416 เที่ยวบินต่อวันเพิ่มขึ้น9.82%จากงวดเดียวกันปีก่อน โดยของสุวรรณภูมิคิดเป็น 42% ของทั้งหมด เพิ่มขึ้น 6.22%จากงวดเดียวกันปีก่อน ส่วนจำนวนผู้โดยสารของสุวรรณภูมิ คิดเป็น 47% ของจำนวนผู้โดยสารทั้งหมดที่ 384,892 คนต่อวัน เพิ่มขึ้น2.61%จากงวดเดียกันปีก่อน ด้านจำนวนผู้โดยสารของสนามบินดอนเมืองคิดเป็น 26% เพิ่มขึ้น5.93%จากงวดเดียวกันปีก่อนสำหรับสนามบินภูมิภาคก็เติบโตแข็งแกร่ง

สำหรับงวดปี 2560 (สิ้นสุดก.ย.60) บริษัทคาดว่าจำนวนผู้โดยสารจะเติบโต 8-9%จากงวดเดียวกันปีก่อน แม้ว่าช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.59 จะมีจำนวนผู้โดยสารต่ำกว่าคาดเพราะมีเหตุการณ์บ้านเมืองและมีการจัดการทัวร์ศูนย์เหรียญแต่ตั้งแต่ธ.ค.59 เป็นต้นมาก็ดีขึ้น และได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นภาคท่องเที่ยวของรัฐบาลด้วยทางด้านรายได้งวดปี 2560 (สิ้นสุดก.ย.2560) คาดว่าจะเติบโตเป็นเลขสองหลัก เพราะรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับธุรกิจการบินขยายตัวดี พื้นที่เชิงพาณิชย์ให้เช่าที่สนามบินดอนเมืองและภูเก็ตเพิ่มขึ้นหลังโครงการขยายแล้วเสร็จเมื่อปลายปี 59 นอกจากนั้นบริษัทเตรียมวางแผนแม่บทพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ทั้งหมดที่มีอยู่ โดยอาจถึงเอกชนมาร่วมทุนแบบ PPP ซึ่งน่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส2-ไตรมาส3ปี 2560

ในช่วง 5 ปีนี้จะใช้เงินลงทุนสูงที่ประมาณ 1.5 แสนล้านบาท ในการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 พร้อมอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 และรันเวย์ รวมทั้งการขยายท่าอากาศยานดอนเมืองเฟส 3 ซึ่งเงินลงทุนมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นหลัก โดยบริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานปีละประมาณ 4.4-4.5 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรสุทธิปี 60 (สิ้นสุดก.ย.60) จะเติบโต 15% ดีขึ้นจากปีก่อนที่ขยายตัว 4.5%

บล.เอเซียพลัสประเมินว่า การลงทุนในหุ้นเอโอทีจะปลอดภัยจากปัจจัยลบในช่วงเวลานี้ แม้กำไรปกติกลุ่มในปี 2560 เติบโตต่ำกว่ากำไรตลาดเล็กน้อย แต่ผลตอบแทนกลุ่มตั้งแต่เริ่มมีผลกระทบทัวร์ศูนย์เหรียญฯ 1 ต.ค. 2559 และราคาน้ำมันที่ขยับขึ้นแรงถึงปัจจุบัน ได้ Underperform ตลาดไปแล้ว จึงยังให้น้ำหนักการลงทุน เท่าตลาด และท่ามกลางปัจจัยกดดันยังคาดจะสามารถเติบโตได้มากสุดในกลุ่ม ทั้งยังมีประเด็นบวกระยะสั้น จากการแตกพาร์เหลือ 1 บาท จากเดิม 10 บาทที่ช่วยเพิ่มสภาพคล่องซื้อขาย ซึ่งจะมีมีผลหลังประชุมผู้ถือหุ้นปลายเดือนม.ค.นี้