วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน 13 มกราคม 2560

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน 13 มกราคม 2560

ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มหลังกลุ่มโอเปคและรัสเซียยืนยันที่จะลดกำลังการผลิตตามข้อตกลง

+ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นข่าวจากผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายสำคัญของโลกอย่างซาอุดิอาระเบียและรัสเซียพร้อมที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง ตามข้อตกลงของกลุ่มโอเปคที่ได้มีการหารือไว้ตั้งแต่ปลายเดือน พ.ย. 2559 ที่ผ่านมา โดยซาอุดิอาระเบีย เปิดเผยว่า กำลังการผลิตน้ำมันดิบของซาอุดิอาระเบียได้ปรับลดลงเหลือต่ำกว่าระดับ 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดตั้งแต่เดือน ก.พ. 2558 นอกจากนี้ซาอุดิอาระเบียได้เตรียมที่จะลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงไปอีกในเดือน ก.พ. 2560 ซึ่งหมายความว่า ซาอุดิอาระเบียจะลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงมากกว่า 486,000 บาร์เรลต่อวันซึ่งเป็นปริมาณการผลิตที่ได้ตกลงไว้ในข้อตกลงของกลุ่มโอเปค ในขณะที่รัสเซียได้ออกมายืนยันว่าได้เริ่มการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบตามแผนไปแล้ว

+ นอกจากซาอุดิอาระเบียและรัสเซียแล้ว คูเวตและอิรักก็เป็นอีกสองประเทศในกลุ่มโอเปคที่ได้ออกมาประกาศว่าได้ลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงตามข้อตกลง โดยคูเวตได้เปิดเผยว่า ได้ลดกำลังการผลิตลงมากกว่าที่ได้ตกลงไว้ ในขณะที่อิรักได้เปิดเผยว่า ภายในสิ้นเดือน ม.ค. 2560 นี้ อิรักจะลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงประมาณ 210,000 บาร์เรลต่อวัน

+ บริษัทปิโตรเลียมแห่งชาติจีน (CNPC) ได้คาดการณ์ว่า ในปี 2560 นี้ ประเทศจีนจะมีการนำเข้าน้ำมันดิบสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 ปรับตัวขึ้นไปสู่ระดับ 396 ล้านตัน ในขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันดิบในประเทศจะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปแตะระดับ 594 ล้านตันหรือเทียบเท่า 11.88 ล้านบาร์เรลต่อวัน

+ นายคาหลิด อัล-ฟารีห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของซาอุดิอาระเบีย ได้คาดการณ์ว่า อุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มที่จะตึงตัวภายใน 2-3 ปีข้างหน้านี้ จากการเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันที่จะเติบโตขึ้นประมาณ 1 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ และการปรับลดกำลังการผลิตจากทั้งกลุ่มโอเปคและผู้ผลิตนอกกลุ่ม

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยได้รับแรงหนุนจากราคา NYMEX RBOB ในสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับอุปทานที่ลดลงในภูมิภาคจากการปิดซ่อมบำรุงฉุกเฉินของโรงกลั่นในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หลังเกิดเหตุไฟไหม้ในวันพุธที่ผ่านมา

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่ยังแข็งแกร่งในภูมิภาค ประกอบกับอุปทานที่ลดลงในภูมิภาคจากการปิดซ่อมบำรุงฉุกเฉินของโรงกลั่นในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หลังเกิดเหตุไฟไหม้ในวันพุธที่ผ่านมา

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์หน้า

          ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 50-55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

          ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 52-57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง 

- ข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตกลุ่มโอเปคและนอกกลุ่มโอเปคมีความชัดเจนมากขึ้น หลังซาอุดิอาระเบียเปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนมากขึ้นว่าลูกค้ากลุ่มใดที่โดนปรับลดปริมาณการส่งออกลง สำหรับในเอเชียจะถูกปรับลดโดยเฉลี่ยลงร้อยละ 5-10 นอกจากนี้ คูเวตและอิรักออกมา เปิดเผยว่า ปริมาณการผลิตล่าสุดได้ปรับลดลงแล้ว โดยคูเวตได้ปรับลดปริมาณการผลิตลงมาอยู่ที่ระดับ 2.707 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากระดับ 2.9 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนก่อน ขณะที่อิรักปรับลดลงไปแล้วกว่า 170,000 บาร์เรลต่อวัน และภายในสัปดาห์นี้เตรียมที่จะปรับลดกำลังการผลิตอีก 40,000 บาร์เรลต่อวัน เพื่อให้ไปเป็นไปตามข้อตกลงที่จะปรับลดปริมาณการผลิตลง 210,000 บาร์เรลต่อวัน

- จับตาสถานการณ์ในลิเบียหลังรัฐบาลเตรียมประกาศยุติการส่งมอบน้ำมันดิบจากท่าเรือทางด้านตะวันตกจากเหตุสุดวิสัย หลังพบมีการลักลอบน้ำมันดิบที่ท่าเรือ ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของลิเบียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นช้าลง โดยปริมาณการผลิตน้ำมันดิบล่าสุดปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 708,000 บาร์เรลต่อวัน จากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 600,000 บาร์เรลต่อวัน

- ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ มีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง เนื่องจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ หลังราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นใกล้ระดับ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐ ปรับเพิ่มการขุดเจาะต่อเนื่องกว่า 10 สัปดาห์มาอยู่ที่ระดับ 529 แท่น

                                       -----------------------------------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.02-797-2999