‘ไมเนอร์’ปักหมุดทั่วโลก250โรงแรม

‘ไมเนอร์’ปักหมุดทั่วโลก250โรงแรม

ปีที่ผ่านมาเป็นอีกปีที่ “ไมเนอร์ โฮเทลส์” ขยับรุกสร้างเครือข่ายระดับโลกได้มากที่สุด

 ภายใต้แผน 5 ปีที่เริ่มตั้งแต่ปี 2560 ยังวางเป้าหมายในฐานะเชนโรงแรมแถวหน้า ที่ใช้กลยุทธ์กระจายความเสี่ยง เพื่อให้มีลูกค้าครอบคลุมทุกตลาด

ดิลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารไมเนอร์ โฮเทลส์ เปิดเผยว่าช่วง 5 ปีนี้ มีเป้าหมายขยายธุรกิจจาก 155 โรงแรม เป็น 250 โรงแรม  โดยเพิ่มจุดหมายจาก 23 ประเทศเป็น 30 ประเทศทั่วโลก หลังจาก 2 ปีที่ผ่านมาเริ่มขยับเข้าสู่ตลาดในภูมิภาคใหม่ เช่น ยุโรปและอเมริกาใต้ จากการปิดดีลการซื้อกิจการโรงแรมทิโวลี โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท สำเร็จ​​​

สำหรับฐานตลาดหลักอย่าง“ไทย”ที่ไมเนอร์ย้ำว่ายังคงเป็นจุดหมายลงทุนหลักแห่งหนึ่ง ปีที่ผ่านมาอัตราเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมในเครือทั้งที่เป็นเจ้าของและรับบริหารเองเพิ่มขึ้นทั้งในแง่อัตราเข้าพักเฉลี่ย (Occupancy) และราคาห้องพักเฉลี่ย (ADR) แม้ว่าโรงแรมในกรุงเทพฯ จะเผชิญความท้าทายจากภาวะห้องพักล้นตลาด แต่เมื่อความต้องการเริ่มกลับมา จึงเริ่มเห็นสถานการณ์ดีขึ้นทั้งจากลูกค้าเดิมและกลุ่มใหม่ 

เมื่อดีมานด์ขยายตัวไล่ทันจำนวนห้องพักสะสมที่มีอยู่ในตลาดขณะนี้ ทำให้รายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPar) ของโรงแรมในกรุงเทพฯ (ไม่รวมโรงแรมเปิดใหม่) ปี2559 เติบโต 10% เทียบปี 2558

โรงแรมในไทย เห็นการเติบโตของนักท่องเที่ยวจีนยังมีนัยสำคัญและมีส่วนแบ่งจากห้องพักที่ขายได้เพิ่มขึ้น จาก 14% ในปี 2557 มาอยู่ที่ 20% ในช่วง 9 เดือนแรกปี 2559 

หากพิจารณาตลาด 5 อันดับแรกที่เข้าพักกับโรงแรมในเครือไมเนอร์ทั้งหมดทั่วโลก แม้ว่าจีนจะยังคงครองสัดส่วนอันดับ 1 ที่ 13% แต่เป็นการปรับลดลงเล็กน้อยจาก 14% ซึ่งไม่ใช่เป็นเพราะฐานลูกค้าหดตัวลง แต่มาจากบริษัทเพิ่มพอร์ตกลุ่มโรงแรมทิโวลี ในยุโรปเข้ามาทำให้ตลาดหลักอย่าง สหราชอาณาจักร (ยูเค), โปรตุเกส และบราซิล ที่ขยายตัวมาแชร์ส่วนแบ่งตลาดจีน

“ตลาดจีนเป็นแหล่งลูกค้าใหญ่ที่สุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา ช่วง 9 เดือนแรกปี 2559 เพิ่มสัดส่วนเป็น 13% ของยอดขายห้องพักทั้งหมด เติบโตก้าวกระโดดจาก 6% เมื่อ 5 ปีก่อน”

ส่วนตลาดหลักอันดับ 2 ได้แก่ ยูเค เพิ่มสัดส่วนจาก 7% ในปี 2558 มาเป็น 12% ในช่วง 9 เดือนแรกปี 2559 ตามด้วยเยอรมนี  6% อเมริกา 5% และลูกค้าคนไทย 5% ลดลงเล็กน้อยจากปี 2558 อยู่ที่ 6% 

ด้านธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศ มีไฮไลท์ในโปรตุเกส ซึ่งแม้ว่าในช่วง 2-3 ปีที่แล้วมีผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว แต่การท่องเที่ยวเริ่มกลับพลิกฟื้นและเติบโตอย่างแข็งแกร่งปีนี้ โดยกิจการโรงแรมทิโวลี โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ที่ไมเนอร์เข้าครอบครองสำเร็จในเดือน ก.พ.ปีนี้ RevPar จากต้นปีถึงปัจจุบันเติบโต 10% เทียบช่วงเดียวกันปี 2558

นอกจากนั้นการเป็นจุดหมายท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวยุโรปเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ปัจจุบันโรงแรมในโปรตุเกสยังได้อานิสงส์มากขึ้นเมื่อลูกค้าในภูมิภาคเริ่มเปลี่ยนแผนการเดินทางจากจุดหมายที่เป็นคู่แข่ง อาทิ ประเทศแถบทะเลเมดิเตอเรเนียนตะวันออกและแอฟริกาเหนือมาเที่ยวมากขึ้น

ส่วนโรงแรมในแซมเบีย มีรายงาน RevPar ที่เติบโต 15% ซึ่งเป็นผลมาจากการตั้งอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวระดับโลก อาทิ น้ำตกวิกตอเรีย โรงแรมอนันตราและอวานี จึงได้รับประโยชน์โดยตรงจากการท่องเที่ยวทั้งตลาดในประเทศและระดับภูมิภาคที่แข็งแกร่ง 

อีกทำเลที่น่าจับตามองได้แก่ ศรีลังกา ซึ่งมีฐานนักท่องเที่ยวเติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะจากจีนและอินเดีย จึงเชื่อว่าเป็นประเทศที่มีศักยภาพท่องเที่ยวในระยะยาว และปีนี้ไมเนอร์เข้าเปิดโรงแรมอนันตราใหม่ถึง 2 แห่ง ทำให้พอร์ตในศรีลังกามีแล้ว 6 โรงแรม โดย RevPar เติบโตเกือบ 20%