ทิสโก้เผยกลยุทธ์ปี 60 ลุยขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่ม

ทิสโก้เผยกลยุทธ์ปี 60 ลุยขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่ม

กลุ่มทิสโก้เผยกลยุทธ์ปี 60 ลุยขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่ม พร้อมเผยปีที่ผ่านมาผลการดำเนินงานโต 18%

นายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มทิสโก้ เปิดเผยว่า กลุ่มทิสโก้ประกาศผลประกอบการสิ้นปี 2559 มีกำไรสุทธิ 5,005.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ

สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปี 2560 กลุ่มทิสโก้ยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มลูกค้ารายย่อย ลูกค้าธนบดีธนกิจ และลูกค้าบรรษัท ด้วยการนำเสนอบริการด้านการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายและสร้างมูลค่าให้กับลูกค้า มุ่งขยายธุรกิจสินเชื่อครอบคลุมทั่วประเทศผ่านการขยายสาขาธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถภายใต้แบรนด์ “สมหวัง เงินสั่งได้ และรักษาการเป็นจุดยืน “Top Advisory House” ในด้านธุรกิจธนบดีธนกิจและจัดการกองทุน (Wealth Management) พร้อมเสาะหาพันธมิตรทางธุรกิจและร่วมมือระหว่างสายธุรกิจเพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้า นอกจากนี้ยังมุ่งสู่การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการทางการเงินแก่ลูกค้าในยุคดิจิทัล ภายใต้การบริหารความเสี่ยงและการกับดูแลกิจการที่ดี

“ผลประกอบการปีที่ผ่านมา ปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องมาจากการบริหารจัดการที่ดี ทำให้ทิสโก้สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาด"

นอกจากนี้ ทิสโก้ยังประสบความสำเร็จในการบรรลุข้อตกลงในการถ่ายโอนธุรกิจลูกค้ารายย่อย จากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์ตเตอร์ด (ไทย) ซึ่งเข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านธุรกิจลูกค้ารายย่อย โดยการควบรวมดังกล่าวจะช่วยเพิ่มขนาดฐานลูกค้าในกลุ่มธุรกิจสินเชื่อรายย่อย เพิ่มผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจรและช่องทางการให้บริการที่ครอบคลุมตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งการถ่ายโอนดังกล่าวคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปีนี้

ส่วนผลการดำเนินงานปีที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิ 5,005.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.8% เมื่อเทียบกับปี 2558 สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลัก ประกอบกับค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญที่ลดลงจากปีก่อนหน้า รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 7.8% จากความสามารถในการรักษาอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อรวม และการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ 

ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลักปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.6% จากการเติบโตของรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ตามปริมาณการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์เติบโต ตามการขยายตัวของธุรกิจนายหน้าประกันภัย 

อีกทั้ง กลุ่มทิสโก้รับรู้รายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจ จากการเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหลักทรัพย์ตลอดช่วงปีที่ผ่านมา และการตั้งสำรองหนี้สูญปีนี้ลดลง 24.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น

ส่วนเงินให้สินเชื่อรวม ณ วันที่ 31 ธ.ค.2559 มีจำนวน 224,934.00 ล้านบาท ลดลง 5.6% จากสิ้นปีก่อนหน้า โดยได้รับผลกระทบจากการอ่อนตัวของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ในภาวะการบริโภคภาคครัวเรือนที่ซบเซาและยอดขายรถยนต์ภายในประเทศที่ยังชะลอตัว 

อย่างไรก็ดี สินเชื่ออเนกประสงค์สามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่ง 13.9% ตามแผนการขยายธุรกิจของกลุ่มทิสโก้ ในส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จากคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อธุรกิจ ตามนโยบายการควบคุมคุณภาพสินเชื่อที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ลดลงร้อยละ 25.9 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และอัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2559 ลดลงจาก 3.23% ในปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 2.54% ขณะเดียวกัน สัดส่วนเงินสำรองหนี้สูญต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 140%

กลุ่มทิสโก้ยังคงสามารถควบคุมต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยังคงอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้รวมอยู่ในระดับต่ ที่ 39.0%  โดยธนาคารทิสโก้ยังคงรักษาระดับฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งมาโดยตลอดทั้งปี ประมาณการอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์ (BIS Ratio) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 19.8% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 9.125% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีอัตราเงินกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 14.9% และ 4.9% ตามลำดับ