KSL - ซื้อ

KSL - ซื้อ

ยืนยันมุมมองเชิงบวก

ประเด็นการลงทุน

เรายังคงยืนยันและเชื่อมั่นในมุมมองเชิงบวกของเราที่มีต่อหุ้น KSL เนื่องจากช่วงขาขึ้นของอุตสาหกรรมธุรกิจน้ำตาลในปี 2560 (หนุนโดยภาวะการขาดดุลน้ำตาลที่ต่อเนื่อง และความเป็นไปได้ของสต๊อกน้ำตาลปลายงวดของประเทศอินเดียที่มีโอกาสปรับลดลงอีกในอนาคต) โดย KSL จะได้รับผลบวกอย่างมากในปี 2560 จากราคาน้ำตาลในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดสำหรับทั้งธุรกิจน้ำตาลในประเทศไทยและธุรกิจน้ำตาลในต่างประเทศ รวมถึงการฟื้นตัวกลับมาของธุรกิจเอทานอลและธุรกิจไฟฟ้าในปี 2560 เราคาดว่าธุรกิจน้ำตาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งในต่างประเทศ (ลาวและกัมพูชา) มีแนวโน้มพลิกกลับจากขาดทุนสุทธิมาเป็นกำไรสุทธิในปี 2560 เนื่องจากไม่มีระบบแบ่งปันผลประโยชน์น้ำตาล 70:30 เหมือนในประเทศไทย เราเชื่อว่าราคาหุ้นของ KSL ณ ปัจจุบันซึ่งซื้อขายที่อัตราส่วน PER ที่ 19.9 เท่าในปี 2560 ถือว่าไม่แพงเกินไป เนื่องจากหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์มักจะซื้อขายกันที่ระดับ PER ที่เกิน 20 เท่าภายใต้ภาวะขาขึ้นของหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์

ราคาน้ำตาลในตลาดโลกกลับมาฟื้นตัวในเดือนม.ค.2560

ราคาน้ำตาลดิบตลาดนิวยอร์คหมายเลข 11 ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 20.5 เซ็นต์ต่อปอนด์เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2560 หรือเพิ่มขึ้น 14% จากระดับที่ลดลงไปต่ำสุดเมื่อเร็วๆ นี้ที่ 18 เซ็นต์ต่อปอนด์เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2559 เนื่องจากเงินดอลล่าร์ที่กลับมาอ่อนตัวลง เงินเรียลที่กลับมาแข็งค่าขึ้น และการคาดการณ์ผลผลิตน้ำตาลของประเทศอินเดียที่มีแนวโน้มลดลงจากเดิม หลังจากที่กองทุนได้เทขายออกมาในช่วงก่อนปิดปี 2559 ถ้าอ้างอิงจากข้อมูลของ F.O. Lichts เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2559 ภาวะดุลน้ำตาลโลกมีแนวโน้มขาดดุลจำนวน 4.46 ล้านตันในปี 2559/60 ซึ่งถือว่าแคบลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับขาดดุลจำนวน 6.29 ล้านตันในปี 2558/59 และอัตราส่วนสต็อคน้ำตาลต่อการบริโภคของโลกมีแนวโน้มลดลงจาก 38.9% ในปี 2558/59 เหลือ 35.2% ในปี 2559/60

เราคาดว่ากระทรวงเกษตรสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะปรับลดสต็อคน้ำตาลปลายงวดปี 2559/60 ของประเทศอินเดียลงจากปัจจุบันที่ 6.33 ล้านตัน (ในเดือนพ.ย. 2559) มาอยู่ที่ 4-5 ล้านตันสำหรับในรอบถัดไปช่วงเดือนพ.ค. 2560 นอกจากนี้เรายังคาดว่ากระทรวงเกษตรสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มผลผลิตน้ำตาลในปี 2559/60 ของประเทศไทยจาก 9.27 ล้านตันไปเป็น 9.7 ล้านต้น (หรือเพิ่มขึ้นอีก 5%) ในรอบถัดไปช่วงเดือนพ.ค. 2560 เช่นกัน เนื่องจากผลผลิตต่อพื้นที่เพาะปลูกของประเทศไทยที่เพิ่มขึ้น (ซึ่งเป็นผลจากภาวะอากาศที่หนาวเย็นกว่าปกติในแถบภาคเหนือและภาคอีสานในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค.ที่ผ่านมา) ถึงแม้ว่าอาจจะยังคงประมาณการตัวเลขปริมาณอ้อยที่จะเข้าหีบที่ 94 ล้านตันสำหรับในปี 2559/60 ก็ตาม

มั่นใจว่ามาร์จิ้นธุรกิจน้ำตาลกว้างขึ้นแน่นอนในปี 2560

ณ วันที่ 10 ม.ค. 2560 บริษัท อ้อยและน้ำตาลไทย จำกัด (อนธ.) ทำการล๊อคสัญญาซื้อขายน้ำตาลล่วงหน้ากับลูกค้าไปแล้วคิดเป็น 78% สำหรับราคาส่งออกโควตา ข ที่ 21 เซ็นต์ต่อปอนด์ (บวกพรีเมี่ยมแล้ว) หรือ 19.5 เซ็นต์ต่อปอนด์ (ที่ไม่รวมพรีเมี่ยม) เราเชื่อว่าราคาส่งออกโควต้า ค ของ KSL จะสามารถชนะราคาส่งออกโควตา ข ของอนธ. คิดเป็น 1 เซ็นต์ (หรือที่ 22 เซ็นต์ต่อปอนด์ที่บวกพรีเมี่ยมแล้ว) ซึ่ง KSL ทำ

การล็อคสัญญาซื้อขายน้ำตาลล่วงหน้าไปแล้วคิดเป็น 70% สำหรับในปี 2559/60 ดังนั้น KSL จะได้รับผลบวกจากมาร์จิ้นน้ำตาลที่กว้างขึ้นสำหรับทั้งสองส่วนได้แก่ ส่วนของค่าอ้อย 70% ที่จ่ายให้กับชาวไร่อ้อยและส่วนของรายได้ 30% ที่ KSL เก็บไว้เอง นอกจากนี้ เรายังคาดว่าธุรกิจน้ำตาลในต่างประเทศที่ลาวและกัมพูชามีแนวโน้มพลิกกลับมาเป็นกำไรสุทธิ 100 ล้านบาทในปี 2560 (จากขาดทุนสุทธิ 186 ล้านบาทในปี 2559) เนื่องจากปริมาณยอดขายน้ำตาลและราคาขายน้ำตาลที่เพิ่มขึ้น เรายังคงสมมติฐานสำหรับปริมาณยอดขายน้ำตาลโดยรวมในปี 2560 ซึ่งลดลง 6% YoY (เทียบกับเป้าของบริษัทซึ่งคาดว่าจะเติบโต 5% YoY)

ปริมาณยอดขายเอทานอลและไฟฟ้าในปี 2560 ของเราถือว่ายังคงอนุรักษ์นิยม

การบริโภคเอทานอลในประเทศไทยยังคงเติบโตแข็งแกร่ง (เพิ่มขึ้น 5.2% YoY มาอยู่ที่ 7.63 ล้านลิตรในช่วงเดือนต.ค.-พ.ย. 2559) โดยมีปัจจัยหนุนมาจากการใช้แก๊สโซฮอลที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง เราคาดว่าปริมาณยอดขายเอทานอลในปี 2560 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 5% YoY (เทียบกับเป้าของบริษัทซึ่งคาดว่าจะเติบโต 7.2% YoY) และราคาขายเอทานอลที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 2% YoY สำหรับธุรกิจไฟฟ้า เราคาดว่ายอดขายไฟมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 5% YoY (เทียบกับเป้าของบริษัทซึ่งคาดว่าจะเติบโต 17% YoY) การเดินเครื่องจักรอย่างไม่สะดุดของโรงไฟฟ้าบ่อพลอยจะเป็นปัจจัยที่จะกระตุ้นปริมาณยอดขายเอทานอลและไฟฟ้าในปี 2560 (เทียบกับการหยุดเดินเครื่องจักร 3 เดือนในปี 2559)