MORNING CALL ACTION NOTES (11 ม.ค.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (11 ม.ค.60)

เทรดสั้นตามกระแส

ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นจากแรงซื้อกลุ่มธนาคารดักผลประกอบการปี 2559 ที่จะเริ่มทยอยประกาศ , กลุ่มวัสดุก่อสร้างจาก Demand ที่จะพุ่งขึ้นหลังน้ำท่วมภาคใต้ ประกอบกับกระแส Fund flow ที่ยังคงไหลเข้าต่อเนื่อง ส่งผลให้ SET ปิดที่ 1,572.10 จุด (+8.02 จุด) Vol. 5.9 หมื่นลบ.โดย Foreign Net +1,029 ลบ. TFEX Net -963 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ Foreign Net Buy 7 วันราว 1.7 หมื่นลบ. สอดคล้องกับเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าในระยะสั้นล่าสุด 35.6 Bath/USD

+ เวิลด์แบงก์คาดเศรษฐกิจโลก +2.7% ในปี 60 สูงกว่าปี 59 ที่ +2.3%

- ตลาดหุ้น DJ ปรับตัวลงจากแรงกดดันราคาน้ำมันดิบทรุดตัวลง ประกอบกับนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะเปิดการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกในวันพุธที่ 11 ม.ค.

- ราคาน้ำมันปรับตัวลงล่าสุด 51 US/Barrel จากความกังวลอุปทานน้ำมันในสหรัฐที่สูงขึ้นหลังจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันเพิ่มขึ้น 10 สัปดาห์ติดต่อกันสู่ 529 แท่น รวมถึงอิรักผลิตน้ำมันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 32.51 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนธ.ค.

+/- MONO จัดสรรหุ้นเพิ่มทุน 143 ล้านหุ้น ให้ PP รวม 8 ราย ที่ราคาหุ้นละ 2.85 บาท

** 11 ม.ค. ติดตามการแถลงข่าวครั้งแรกของนายโดนัลด์ ทรัมป์

** 11 – 20 ม.ค. ติดตามการประกาศงบกลุ่มธนาคาร คาดกำไรกลุ่มธนาคารปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อขยายตัวโดดเด่น

กระแส Fund Flow ต่างชาติยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนให้ดัชนีดีดตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามปัจจัยลบจากราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลงแรง รวมถึงภาวะ Overbought ตามสัญญาณเทคนิคเป็นตัวถ่วงดัชนี ดังนั้นคาดว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,565 - 1,580 จุด

กลยุทธ์การลงทุน Selective Buy กลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- STA TRUBB ราคายางพาราพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปีล่าสุด 284 Yen/Kg

- กลุ่มเหล็ก ราคาเหล็กรีดร้อนโลกสูงสุดในรอบ 2 ปี ล่าสุด 625 US/Ton

- กลุ่มธนาคาร Valuation น่าสนใจ โดย P/E 11.1 เท่า P/BV 1.2 เท่า และ Div Yield 3.1% (โดย SCB เป็น Top pick ของกลุ่ม)

- กลุ่มวัสดุก่อสร้าง อานิสงส์การซ่อมแซมอาคาร บ้านและถนนหลังอุทกภัยน้ำท่วมภาคใต้


Analyst Meeting

CPN    ราคาปิด 56.50    ราคาเหมาะสม 75 บาท

- ผู้บริหารแถลงแผนการดำเนินงาน 5 ปี (2560 – 2564) ตั้งเป้ารายได้เติบโตเฉลี่ย 14-15% จากพื้นที่ให้เช่าเพิ่มขึ้นราว 39% จากแผนเปิดสาขาใหม่ปีละ 2-3 แห่ง ปี 60 จะเปิดสาขาใหม่ที่จ.นครราชสีมา มหาชัย และภูเก็ต ปี 61 จะเปิดสาขาที่ประเทศมาเลเซีย และในไทย 2 แห่ง เปิดขายคอนโดฯปีละ 3 โครงการ

- ปี 60 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 6-8% และรักษาระดับ Gross margin และ EBITDA เท่าเดิม

- งบลงทุนในปี 60 ราว 1.73 หมื่นลบ.เพิ่มขึ้นจาก 9.2 พันลบ.ในปี 59 โดยปีนี้มีแผนปรับปรุงสาขาเซ็นทรัลเวิลด์เป็นหลักโดยจะแบ่งส่วนทยอยปิดปรับปรุงซึ่งกระทบรายได้ไม่มาก สาขาอื่นได้แก่พระราม 2 พระราม 3 เชียงใหม่แอร์พอร์ต และภูเก็ต1

- การแปลงกองทุนรวมอสังหาฯเป็นกอง REIT (CPNRF) คาดจะแล้วเสร็จราว 2Q60 – 3Q60 โดยอยู่ระหว่างศึกษาแผนขายสินทรัพย์เพิ่มเติม


หุ้นมีข่าว

- PTTEP แถลงแผนการลงทุน 5 ปี 2017-2021 (ราคาปิด 96 บาท ราคาเหมาะสม 86 กำลังทบทวนประมาณการเพิ่มขึ้น)

- ปรับงบการลงทุนเหลือ 1,643 ล้านดอลลาร์ลดลง 21%จากปีก่อนเนื่องจากคาดว่าจะไม่ได้ต่อสัมปทานในแหล่งบงกช โดยบริษัทยังเน้นการสร้างกระแสเงินสดจากโครงการลงทุนในปัจจุบันเพื่อนำไปลงทุนในโครงการใหม่รวมถึงการเข้าซื้อกิจการในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเร่งการศึกษาในแหล่งผลิตที่อยู่ระหว่าง

- ตั้งเป้ากำลังการผลิตปี 2017 อยู่ที่ 312 แสนบาร์เรลต่อวันลดลง 3%YoY เนื่องจากมีการขายแหล่งผลิตที่โอมานออกไปและมอนทาราเริ่มผลิตได้ลดลง โดยกำลังการผลิตจะลดลงเฉลี่ยปีละ 3%จาก 2017-2021 เนื่องจากยังไม่การดำเนินงานของแหล่งผลิตใหม่ และแหล่งบงกชจะหยุดผลิตในปี 2020 เป็นต้นไปหากไม่มีการเปิดประมูลสัมปทานใหม่

- คาดว่ากำลังการผลิตจะเริ่มเพิ่มขึ้นอีกครั้งหลังจากปี 2021 เมื่อแหล่งอุบลฯ และแหล่งโมแซมบิคเริ่มทำการผลิตในปี 2021 เป็นต้นไป

- ILINK ราคาเหมาะสม consensus เฉลี่ย 26.4 บาท จาก consensus คาดการณ์ กำไร 4Q59 ประมาณ 45 ถึง 55 ล้านบาท เติบโต YoY ที่ 20% ถึง 46% และ QoQ ที่ -26% ถึง -10%

- นโยบาย digital economy เอื้อต่อการเติบโตของ ILINK ซึ่งดำเนินกิจการใน 3 ธุรกิจ ได้แก่ 1. ธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ สัดส่วนรายได้ 64% 2. ธุรกิจวิศวกรรมโครงการ รับออกแบบก่อสร้างและติดตั้งระบบสื่อสารสายสัญญาณ สัดส่วนรายได้ 22% 3. ธุรกิจโทรคมนาคม สัดส่วนรายได้ 14% แบ่งออกเป็น ธุรกิจให้บริการวงจรสื่อสารความเร็วสูง, ธุรกิจให้บริการเช่าพื้นที่ดาต้าเซ็นเตอร์ และธุรกิจติดตั้งโครงข่ายใยแก้วนำแสง

- Consensus คาดปี 59 มีกำไร ระหว่าง 256 ล้านบาท ถึง 266 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อน -5% ถึง -2% ลดลงจากที่ผู้บริหารคาดเมื่อต้นปี เนื่องจากงานในธุรกิจวิศวกรรมเลื่อนการรับรู้รายได้ออกไป แต่สัดส่วนธุรกิจจัดจำหน่ายและธุรกิจโทรคมนาคมที่เติบโตขึ้นช่วยชดเชยส่วนของรายได้ที่หายไปบางส่วนทำให้พลาดเป้ากำไรไม่มากนัก

- แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 60 ดูดี จากสัดส่วนการเติบโตของธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณและธุรกิจโทรคมนาคมที่เป็นฐานของกำไรที่มั่นคงของบริษัท แต่มีแนวโน้มที่จะลุ้นรับรู้รายได้จากงานวิศวกรรมโครงการ ซึ่งจะช่วยผลักดันกำไรให้โตก้าวกระโดด โดย consensus คาดกำไรปี 60 อยู่ที่ประมาณ 400 ถึง 430 ล้านบาท

- ITEL ราคาปิด 11.7 บาท consensus คาดการณ์ กำไร 4Q59 ประมาณ 15 ถึง 20 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต YoY ที่ -16% ถึง 11% และ QoQ ที่ -11% ถึง 17%

• ดำเนินกิจการใน ธุรกิจโทรคมนาคม แบ่งออกเป็น 1. ธุรกิจให้บริการวงจรสื่อสารความเร็วสูง (Data Service) สัดส่วนรายได้ 60% 2. ธุรกิจให้บริการเช่าพื้นที่ดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Center) สัดส่วนรายได้ 10% และ 3. ธุรกิจติดตั้งโครงข่ายใยแก้วนำแสง (Installation) สัดส่วนรายได้ 30%

• คาดปี 59 มีกำไร consensus ระหว่าง 71 ล้านบาท ถึง 76 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 82% ถึง 95%

• แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 60 ดูดี จากธุรกิจ Data Service ที่มีลูกค้ารายใหญ่เข้ามาใช้บริการมากขึ้น จากจุดแข็งที่มีโครงข่ายครอบคลุมทั้งเส้นทางถนนและเส้นทางรถไฟ และเตรียมให้บริการ Data Center แห่งที่ 2 ภายใน ไตรมาสแรก ปี 60 โดยมี consensus กำไรปี 60 อยู่ที่ประมาณ 110 ถึง 140 ล้านบาท

- PACE ราคาปิด 3.74 ราคา Consensus เฉลี่ย 4.85

- อพอลโล เอเชียฯ และ โกลด์แมน แซคส์ซึ่งเป็นกองทุนตปท.เข้าร่วมลงทุนในบริษัทย่อย 2 บริษัทมูลค่า 8.4 พันลบ.โดยถือหุ้น 49% ในโครงการมหานครส่วนที่เป็นโรงแรมบางกอกเอดิชั่น พื้นที่ให้เช่า-มหานครคิวบ์ และจุดชมวิว

- บริษัทมีแผนนำเงินลงทุนที่ได้มานำไปใช้เพื่อการพัฒนาโครงการมหานครให้เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งต้องใช้งบลงทุนอีกราว 2 พันลบ.เพื่อก่อสร้างโรงแรมและจุดชมวิว นำไปชำระหนี้ที่มีอยู่ในปัจจุบันของบริษัทย่อย และซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ คาดว่าการเข้าลงทุนดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ.60

- ผลดีของดีลนี้ทำให้ D/E ลดลงมากกว่าครึ่ง จากการเพิ่มทุนบ.ย่อยให้กองทุนทั้งสองแห่งเข้าลงทุนโดยตรงในส่วนของผู้ถือหุ้น ณ ปลายก.ย.59 มี D/E 10.8 เท่า ฝ่ายวิจัยประเมินอย่างคร่าวๆบนสมมติฐานว่าหนี้ลดลงราว 2,000 ลบ.และมี equity plus ราว 4,000 ลบ. ส่งผลให้ D/E ลดลงเหลือราว 4 เท่า

- ปจบ.มียอดขายรอโอน (backlog) รวม 30,000 ลบ.เป็นคอนโดฯมหานคร 10,000 ลบ.โอนแล้ว 1,000 ลบ. เหลืออีก 9,000 ลบ.คาดจะโอนใน 1H60 เริ่มย้ายเข้าอยู่ได้ราวมี.ค. ส่วนที่เหลือขาย 5,000 ลบ.โครงการมหาสมุทรมูลค่ารวม 4,000 ลบ. ขายแล้ว 1,500 ลบ. โครงการนิมิตหลังสวนมูลค่ารวม 8,000 ลบ.ขายแล้ว 7,000 ลบ. คาดปลายปีจะเปิดตัวคอนโดฯใหม่ที่ถ.นราธิวาสฯ

- GUNKUL ราคาวิ่งกระฉูด 8% ขานรับข่าวเจรจาซื้อ "วินด์ เอ็นเนอร์ยี่" จากกลุ่มเคพีเอ็น ผ่านการเข้าซื้อหุ้น "รีนิวเอเบิลฯ" ทั้งหมด มูลค่า 30,000 ล้านบาท วงการเงินเชื่อ GUNKUL หนีไม่พ้นต้องเลือกวิธี "เพิ่มทุน-กู้แบงก์" เหตุกระแสเงินสดในมือมีเพียง 2,210 ล้านบาท น่าจับตาราคาหุ้น GUNKUL วิ่งแรงก่อนเพิ่มทุน ตามแผนหลังดีลจบคิวต่อไปดัน "วินด์ เอ็นเนอร์ยี่" เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (ข่าวหุ้น)

- ประเด็นบวก CK (ราคาปิด 31 ราคาเหมาะสม 38) ควง STEC กินส่วนแบ่งโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) บางปะอิน-นครราชสีมา และโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง บางใหญ่-กาญจนบุรี มูลค่ารวม 3.59 หมื่นล้านบาท เชื่อพร้อมเซ็นสัญญาเร็วๆ นี้ "ประเสริฐ มริตตนะพร" หัวเรือใหญ่ CK เผยงานรอเซ็นสัญญา 5.56 หมื่นล้านบาท ตุนงานในมือทะลุ 7.12 หมื่นล้านบาท ทันหุ้น

- ประเด็นบวก BEM - นายกฯ ย้ำผู้บริหาร รฟม.ให้เปิดเดินรถ 1 สถานีเชื่อมสายสีม่วงภายในส.ค.

- TISCO (ราคาปิด 63 ซื้อ ราคาเหมาะสม 70) คาดจะส่งงบปี 59 เย็นนี้ คาดกำไร 4Q59 ราว 1.3 พันลบ. + 4%QoQ +4%YoY คาดกำไรปี 59 ราว 5,010 ลบ. +18% คาดเงินปันผล 2.5 บาทต่อหุ้น yield 4%

- S11 ร่วมทุน 25% ในกิจการเร่งรัดหนี้สิน-รับซื้อหนี้หวังสร้างรายได้ขยายฐานลูกค้าคู่ค้า

- CPL ออกหุ้นเพิ่มทุนแลกซื้อกิจการ"แพงโกลิน เซฟตี โปรดักส์"มูลค่ารวม 531 ลบ.



ตลาดหุ้นดาวโจนส์ -31.85 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,855.53 จุด ลดลง 31.85 จุด หรือ -0.16% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,551.82 จุด เพิ่มขึ้น 20.00 จุด หรือ +0.36% ดัชนี S&P500 ปิดทรงตัวที่ 2,268.90 จุด เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง และจากการที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะเปิดการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกในวันพุธที่ 11 ม.ค.ตามเวลาสหรัฐ ขณะที่ดัชนี NASDAQ ยังคงทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดติดต่อกันเป็นวันที่ 4

ตลาดน้ำมัน NYMEX -1.14 USD/Barrel

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 1.14 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 50.82 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นในสหรัฐ รวมทั้งรายงานที่ว่า อิรักผลิตน้ำมันในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนธ.ค.