'ท่องเที่ยว' เตรียมสำรวจพื้นที่เสียหายน้ำท่วม

'ท่องเที่ยว' เตรียมสำรวจพื้นที่เสียหายน้ำท่วม

"ก.ท่องเที่ยว" เตรียมลงพื้นที่สำรวจความเสียหายน้ำท่วม รับฟังความต้องการภาคธุรกิจ "สภาอุตฯท่องเที่ยว" ชี้กระทบไม่มาก เหตุเป็นช่วงโลว์ซีซั่น

สถานการณ์น้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่ของภาคใต้ ทำให้กังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคใต้ ล่าสุดหน่วยงานกำกับดูแลด้านการท่องเที่ยว ออกมายืนยันเป้าหมายรายได้ท่องเที่ยวปีนี้ ว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้

พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายท่องเที่ยวแห่งชาติ (ท.ท.ช.) วานนี้ (9 ม.ค.) ว่าจากการตรวจสอบการรายงานจากสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด และหน่วยงานใต้สังกัดต่างๆ ในพื้นที่ภาคใต้ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมอยู่ขณะนี้ พบว่ายังไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยว เนื่องจากนักท่องเที่ยวได้รับทราบข้อมูลต่อเนื่องทำให้วางแผนล่วงหน้า เพื่อไปเที่ยวในพื้นที่ชดเชยอื่นๆ ใกล้เคียงที่ไม่ได้รับผลกระทบแทน

ขณะที่บริการด้านคมนาคมขนส่งได้ปรับให้เข้ากับเหตุการณ์เฉพาะหน้า เช่น บริการเรือข้ามฝั่งไปยังเกาะแก่งต่างๆ ก็งดให้บริการเฉพาะช่วงที่ประเมินแล้วว่าเป็นอันตรายเท่านั้น เนื่องจากกรมเจ้าท่าวางข้อปฏิบัติควบคุมอย่างเข้มงวด คอยตรวจตราผู้ที่ฝ่าฝืนอยู่แล้ว และหากเดินทางได้ก็จะให้บริการนักท่องเที่ยวกันตามปกติ ทำให้ไม่มีปัญหานักท่องเที่ยวตกค้างตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ อย่างที่กังวลกัน

เตรียมลงพื้นที่ประเมินเสียหาย

อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา วางมาตรการรองรับ โดยภายใน 10 วันจากนี้ เมื่อหน่วยงานที่มีหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยเฉพาะหน้าปฏิบัติหน้าที่คลี่คลายแล้ว จะให้หน่วยงานท่องเที่ยวในพื้นที่ลงไปสำรวจความเสียหาย และรับฟังความคิดเห็นของภาคธุรกิจในพื้นที่โดยตรง เพื่อนำมาเป็นข้อสรุปมาตรการที่ต้องช่วยเหลือตามความจำเป็นต่อไป โดยแบ่งเส้นทางสำรวจ ได้แก่ ชุมพร, นครศรีธรรมราช, พัทลุง-สงขลา และสุราษฎร์ธานี

“ปัญหาเฉพาะหน้าคือชีวิตความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ที่ประสบภัยต้องได้รับการดูแลให้ปลอดภัยก่อน จากนั้นจึงเข้าไปประเมินผลกระทบด้านท่องเที่ยวหากมีรายงานความเสียหายหรือต้องการความช่วยเหลือเข้ามา แต่ขณะนี้ยืนยันว่าปัญหาน้ำท่วมยังไม่กระทบต่อท่องเที่ยว เพราะฤดูกาลนี้เป็นช่วงโลว์ซีซันของฝั่งอ่าวไทย”

ยันรายได้ท่องเที่ยวเข้าเป้า

พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า จากแผนการรับมือที่เตรียมไว้ดังกล่าวจึงมั่นใจว่าในปีนี้การท่องเที่ยวจะทำรายได้ถึง 2.7 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.78 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.5% และรายได้ไทยเที่ยวไทย 9.34 แสนล้านบาท เติบโต 4.8%

แต่ยอมรับว่าเป็นเป้าหมายที่ไม่เป็นทางการ เพราะในทางปฏิบัติของแผนการดำเนินงานปี 2560 ต้องการเน้นรักษาฐานรายได้ไม่ให้ต่ำกว่า 2.51 ล้านล้านบาทจากปี 2559 เท่านั้น ไม่ต้องการไปเน้นย้ำเชิงรายได้ว่าจะต้องเติบโตกี่เปอร์เซ็นต์ แต่มอบหมายให้ทุกหน่วยงานไปประสานกับกระทรวงต่างๆ เพื่อผลักดันการกระจายรายได้ลงลึกสู่จังหวัดและอำเภอต่างๆ นอกแหล่งท่องเที่ยวหลักมากกว่า

เน้นกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น

“รายได้ท่องเที่ยวไทยนับจากปี 2557 เติบโตมาแล้วกว่า 33% ดังนั้นจึงเป็นการขยายในฐานที่ค่อนข้างใหญ่อยู่แล้ว และทำให้ระยะต่อไปจะเน้นการรักษาฐานไม่ให้ต่ำกว่าเดิมเท่านั้น แล้วไปเร่งกระจายรายได้ให้เข้าสู่ท้องถิ่นแทน โดยใช้สินค้าการท่องเที่ยวหลัก 3 ประการ คือ สินค้าด้านวัฒนธรรม, มรดกทางธรรมชาติ และการปรับปรุงคุณภาพบริการในฐานะการเป็นเจ้าภาพที่ดี ไม่จำเป็นต้องเน้นการสร้างแหล่งท่องเที่ยวมนุษย์สร้าง (แมนเมด)

ดังนั้น ในการจัดสรรงบประมาณคลัสเตอร์ละ 5,000 ล้านบาท รวม 18 คลัสเตอร์ในวงเงิน 9 หมื่นล้านบาท ท.ท.ช.จึงมีความคิดเห็นว่าไม่แนะนำให้ไปสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ โดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะการทำตามแฟชั่น สร้างแหล่งท่องเที่ยวประเภทดูดีได้กำไร ใครๆ ก็ทำ ซึ่งเห็นอนาคตว่าจะเจ๊งในระยะยาว แต่ควรนำงบประมาณมาปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและพัฒนาสานเส้นทางคมนาคมให้ครบวงรอบการเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงทั้งประเทศจะได้ประโยชน์มากกว่า”

เล็งจัดประชุมใหญ่ท่องเที่ยว

พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ในปี 2560 ไม่มีปัจจัยใดที่น่าเป็นห่วง มีแต่เพียงเรื่องการรองรับนักท่องเที่ยวให้มีคุณภาพซึ่งต้องเตรียมการให้ดี ดังนั้นจึงเตรียมจัดการประชุมใหญ่ระดมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ, ภาคธุรกิจท่องเที่ยว, มัคคุเทศก์ เพื่อให้เตรียมความพร้อมภายในเดือนนี้

ด้านนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ด้านการส่งเสริมสินค้าท่องเที่ยวเพื่อให้เกิดการกระจายตัวไปยังภูมิภาค เตรียมเริ่มโครงการและกิจกรรมร่วมกับกระทรวงพาณิชย์

ได้แก่ การส่งเสริมสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชนด้วยสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) ผลักดันสินค้าโปรดักต์ แชมเปี้ยน เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว การส่งเสริมการตลาดสินค้าโอท็อป โครงการพัฒนาชุมชนหัตถกรรม, โครงการตลาดชุมชนเพื่อธุรกิจท้องถิ่นภายใต้ชื่อ “ตลาดต้องชม” และโครงการหมู่บ้านทำมาค้าขายโดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวต่อไป

แจงน้ำท่วมกระทบไม่มาก

ขณะที่นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า จากการตรวจสอบสถานการณ์น้ำท่วมยังมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวภาคใต้เพียงเล็กน้อย เนื่องจากส่วนใหญ่อยู่ที่จังหวัดฝั่งอ่าวไทยที่เป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวอยู่แล้ว เช่น จ.ตรัง ที่มีชาวต่างชาติเพียง 5-10% ขณะที่ชายทะเล อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช มีแต่ตลาดสแกนดิเนเวียเป็นส่วนใหญ่