“Change” สู่ ยุคใหม่ คำทำนาย "ปีไก่ ธาตุไฟ"

“Change” สู่ ยุคใหม่ คำทำนาย "ปีไก่ ธาตุไฟ"

ครั้นดาวเปลี่ยนแปลงครบทุกดวง ปี 60 มุ่งหน้าสู่“จุดเริ่มต้น”ใหม่ “อาจารย์ช้าง” ทำนายตลาดหุ้น 6 เดือนแรกผันผวน ขณะกูรูเทคนิค ฟันธงโหมด"ขาขึ้น"

ผลของการที่ “ดาวยูเรนัส หรือ ดาวมฤตยู ย้ายเข้าสู่ดวงเมืองที่ถูกผูกลักขณาไว้ที่ราศีเมษ ธาตุไฟ (ราศีเมษเป็นราศีเดียวกันทั้งโลก) เต็มตัวในเดือนมี.ค.2559 (“ปีวอก” (ลิง) ธาตุไฟ ) ส่งผลให้ทั่วโลกต้องพบเจอกับการ “เปลี่ยนแปลงครั้งใหม่” บางเรื่องของเมืองไทยอยู่นอกเหนือคำทำนาย

ไล่มาตั้งแต่สหราชอาณาจักรออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ในช่วงเดือนมิ.ย. ตามต่อด้วยประเทศไทยเจอเรื่องไม่คาดฝัน และสหรัฐอเมริกามหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลกได้ “โดนัลด์ ทรัมป์“ เป็นว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ ผู้ซึ่งมีคาแรคเตอร์ดุดัน พร้อมชูนโยบาย”อเมริกัน เฟิร์สท์"แตกต่างจากประธานาธิบดีคนผ่านๆมา ที่ค่อนข้างเปิดกว้างด้านการค้าและการลงทุน

ทว่าตามตำรากรีก “ดาวยูเรนัส” หมายถึง “สายลม ท้องฟ้า” ขณะที่ตำราไทย ถือเป็นตัวแทนของ “การเปลี่ยนแปลงจากสิ่งหนึ่งไปสู่อีกส่งหนึ่ง” ซึ่งดาวยูเรนัสเคยเดินทางเข้าสู่ราศีมาแล้วในปี 2475 ส่งผลให้เมื่อ 84 ปีก่อน ประเทศไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นระบอบประชาธิปไตย

อาจารย์ช้าง - ทศพร ศรีตุลา นักโหรศาสตร์ชื่อดัง บอกกับ “กรุงเทพธุรกิจ BizWeek” ว่า ดาวยูเรนัสที่ย้ายเข้าสู่ดวงเมืองอย่างเต็มตัวตั้งแต่ปี 2559 ยังคงมีผลต่อเนื่องในปี 2560 ซึ่งเป็น “ปีไก่ ธาตุไฟ” (ระกา) เพราะตามตำราดาวยูเรนัสจะมีอัตราการโคจร 7 ปีต่อหนึ่งราศี (ผ่านมาแล้ว 1 ปี)

ตลอดปี 2560 ดวงดาวขนาดใหญ่ 3 ดวงที่ใช้ในการดูดวงเมืองเป็นหลักจะทำการย้ายราศี ไล่มาตั้งแต่ 1.“พระราหู” เปลี่ยนจากราศีสิงห์เข้าสู่ราศีกรกฎ 2.“ดาวพฤหัส” ย้ายเข้าสู่ราศีตุลย์ และไม่ใช่การย้ายเพียงครั้งเดียวแต่จะย้ายทั้งหมด 3 ครั้ง คือ วันที่ 12 ม.ค.,วันที่ 12 มี.ค.และวันที่ 6 ก.ย.2560 ถือเป็นการย้ายไปมาที่ผิดปกติ เพราะตามตำราดาวพฤหัสมักจะย้ายเพียงปีละครั้งเท่านั้น และ 3.“ดาวเสาร์” ย้ายเข้าสู่ราศีธนู ในวันที่ 1 ธ.ค.2560 ซึ่งครบกำหนด 2 ปีครึ่งพอดี

เมื่อถามความหมายของแต่ละดวงดาว อาจารย์ช้าง ขยายความว่า การที่ “ดาวพฤหัส” ย้ายเข้าราศีตุลย์ บ่งบอกได้ว่า จะส่งผลดีต่อ “การลงทุน” ฉะนั้นจะทำให้ภาพรวมของตลาดหุ้นอยู่ในทิศทางที่เป็นบวกมากขึ้น แต่ด้วยความที่ดาวพฤหัสย้ายบ่อยมากในปีนี้ อาจทำให้เกิดความผันผวนระหว่างทาง

ส่วนความหมายของ “พระราหู” คือ เป็นดาวแห่งนักเสี่ยงโชค ฉะนั้นเมื่อพระราหูมาทับดาวจันทร์ในดวงเมือง บ่งบอกถึงเรื่อง “การหมุนเงิน ฉะนั้นตลอดปีอาจเห็นแรงสะพัดของการเงินมากขึ้น บางครั้งถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะสะท้อนได้ว่า เม็ดเงินอาจกระจายไปในคนหมู่มาก ตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศมากขึ้น

สำหรับผลจากการเปลี่ยนแปลงของ “ดาวเสาร์” จะส่งผลจริงจังในปี 2561 แต่การเปลี่ยนครั้งนี้จะเป็นผลดีต่อดวงเมือง หลังปี 2560 ดวงย้ายกันหมดแล้ว ที่สำคัญในปี 2561 ดวงดาวราหูจะไม่เปลี่ยน ดาวเสาร์ก็ไม่ย้าย ถือเป็น “จุดเริ่มต้นที่ดี ของประเทศไทย

อาจารย์ช้าง ทำนายต่อว่า 6 เดือนแรกของปี 2560 จะเป็น “เวลาแห่งความผันผวน นั่นเป็นผลจากความผิดปกติของดาวพฤหัส เพราะจะย้ายราศีในวันที่ 12 ม.ค.ฉะนั้นการลงทุนในตลาดหุ้นอาจไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่นัก

สอดคล้องกับช่วงที่ “โดนัลด์ ทรัมป์" จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ในวันที่ 20 ม.ค.2560 นั่นหมายความว่า นโยบายเศรษฐกิจของพี่ใหญ่มะกันอาจส่งผลกระทบต่อ “ตลาดเกิดใหม่” (Emerging Market) ซึ่งรวมถึงเมืองไทยด้วย ฉะนั้นจะทำให้เกิด “เงินไหลเข้าไหลออก

ท่ามกลางความผันผวน นักลงทุนควรหลีกเลี่ยงการลงทุนที่ผูกพันกับต่างประเทศ หรือหากจำเป็นต้องลงทุนควรใช้ความรอบคอบให้มากขึ้น เพราะดวงประเทศไทยกับสหรัฐอเมริกา มีตำแหน่งที่ตั้งของประเทศอยู่ในแกนเดียวกัน ทำให้ผลกระทบดาวดวงส่งถึงกัน

เมื่อเข้าสู่ช่วง 6 เดือนหลัง (มิ.ย.-ธ.ค.) ภาคการลงทุนในตลาดหุ้นจะเกิดความ “คงที่ แม้ในวันที่ 6 ก.ย.ดาวพฤหัสจะเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง แต่ถือว่า เป็นการเปลี่ยนตามรอบ ฉะนั้นการลงทุนจะไม่เกิดการผันผวนหนักเหมือนในช่วงครึ่งปีแรก

แม้ครึ่งปีแรกจะมีแรงผันผวน แต่เมื่อพิจารณาภาพรวมตตลอด 12 เดือนจะพบว่ามีข่าวดีมากกว่าข่าวร้าย เพราะเมื่อเข้าสู่เดือนก.ย.ดวงดาวจะเริ่มนิ่ง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นในเชิงเศรษฐกิจนโยบาย และการเงิน สอดคล้องกับการนับถอยหลัง เพื่อเข้าสู่การเลือกตั้งในปีถัดไป แต่คงต้องรอดูช่วงดาวเสาร์ย้ายราศีในเดือนธ.ค.อีกครั้ง เพราะตามหลักโหราศาสตร์เวลาเปลี่ยนจะถีบแรงกว่าปกติ

ดัชนีปี 2560 จะไปไกลเท่าไหร่พูดยาก แต่ต้องดีกว่าปีก่อนแน่นอน เพราะดาวพฤหัสย้ายเข้าราศีตุลย์ ซึ่งเป็นราศีที่เป็นปัตติของดวงเมือง (ปัตติ หมายถึง เรื่องคู่ เรื่องหุ้น) ย่อมมีผลต่อวงการตลาดหลักทรัพย์โดยตรง แต่ต้องย้ำว่า กว่าจะดีอีกนานไม่ใช่ช่วงต้นปี ทุกอย่างต้องใช้เวลา

เมื่อถามว่า กิจการใดจะ “โดดเด่นสุด ในปี 2560 ?

อาจารย์ช้าง ตอบว่า ไก่ หมายถึง ความสวยงาม ฉะนั้น “ธุรกิจความงาม และ “ธุรกิจสุขภาพ คงมาแรง และด้วยความที่ธาตุเดิมของปีไก่ คือ “ธาตุทอง” ซึ่งหมายถึง การเงิน การธนาคาร การใช้ความคิด หรือนวัตกรรม

ฉะนั้นกิจการประเภทนี้จะได้รับการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น เช่น ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจธนาคาร และธุรกิจพลังงานทางเลือก เป็นต้น ยิ่งใส่ความครีเอทีฟเข้าไป ยิ่งทำให้เกิดความสนใจ

งานออกแบบ งานยานยนต์ จะเป็นอีกกิจการที่ดีในปี 2560”

ส่วนกิจการ “ดาวร่วง” งานไม้และดินจะไม่ถูกกับไฟ เช่น ธุรกิจเกษตร และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ยังคงเป็นสองกิจการที่อาจไม่สดใส

ปีนักษัตรเถาะจะชงร้อยเปอร์เซ็นต์ในปีระกา ส่วนปีร่วมชงแบบไทย คือ ชวด มะเมีย ระกา ฉะนั้นต้องทำบุญอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการเตือนสติตัวเอง

------------------

“Upcycle” นิยามตลาดหุ้นปี 60

ธนรัตน์ อิศรกุล” นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค บล.บัวหลวง วิเคราะห์ทิศทาง SET INDEX ทางเทคนิคให้ฟังว่า ดัชนีหุ้นไทยตลอดปี 2559 ปรับตัวขึ้น 20% เป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย ถือว่า ผิดความคาดหมาย เพราะในช่วงต้นปีสถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกอยู่ในช่วงไม่สดใส รองลงมาเป็นตลาดหุ้นสิงคโปร์ และไต้หวัน สัดส่วน 17% และ 15.5% ตามลำดับ ส่วนตลาดหุ้นมาเลเซียมีผลตอบแทนติดลบ 5%

หากเทียบผลตอบแทนหุ้นไทยกับตลาดหุ้นฝั่งยุโรป โดยเฉพาะประเทศเยอรมันและประเทศอังกฤษ รวมถึงตลาดหุ้นดาวน์โจนส์ ตลาดหุ้นไทยยังถือว่า ปรับตัวสูงกว่า เพราะเยอรมันและอังกฤษ มีผลตอบแทนเฉลี่ย 10-15% ขณะที่ดาวน์โจนส์อยู่ที่ 13%

ต่างชาติซื้อหุ้นไทยตลอดปี 2559 มาแล้วกว่าแสนล้านบาท ซื้อหนักสุดในเดือน 1-6 ก่อนจะชะลอการซื้อในเดือน 8-10 เพราะคาดกว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย

สำหรับทิศทางตลาดหุ้นตลอดปี 2560 ยังคงมองในเชิงบวก สะท้อนผ่านการวางเป้าหมายดัชนีที่ระดับ 1,670 จุด โดยตลาดหุ้น 6 เดือนแรกยังอยู่ในช่วงขาขึ้น เพราะปัจจัยภายในประเทศอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เช่น การเมืองเริ่มมีความเสถียรภาพ และกำลังเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ที่สำคัญรัฐออกมามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้แนวโน้มการบริโภคจะฟื้นตัว

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีเช่นกัน คือ ข้อหนึ่ง ได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันที่ขยับขึ้น หลังปี 2559 การประชุมโอเปก (กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่) 2 ครั้งมีความชัดเจนที่จะปรับการผลิตน้ำมัน ฉะนั้นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับพลังงานได้ประโยชน์แน่นอน สะท้อนผ่านราคาหุ้น PTT หุ้น PTTEP ที่ปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับนิวไฮในรอบปีที่ผ่านมา

“มองราคาน้ำมันเวสต์เท็กซัสปี 2560 กรอบสูง 55-65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ฉะนั้นราคาสินค้ายางพารา น้ำตาล และปาล์ม ย่อมขึ้นตาม ส่วนเนื้อหมู ไก่ ปลา อาจฟื้นตัวแต่ไม่มาก เพราะต้นทุนวัตถุดิบ เช่น ข้าวโพด ยังทรงตัว”

ข้อสอง ธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ยังคงมีมาตรการผ่อนคลายการเงินต่อเนื่อง เพราะยุโรปวางเป้าหมายเงินเฟ้อระดับ 1.7% ถ้ายังไม่ถึงต้องอัดเงินอย่างต่อเนื่อง ข้อสาม หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในรอบปี เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2559 เชื่อว่า เฟดจะประกาศขึ้นดอกเบี้ยในปี 2560 อีก 2 ครั้ง และปีถัดไปอีก 3 ครั้ง

ตัวเลขเศรษฐกิจฝั่งยุโรปที่ยังอยู่ในอาการไม่สู้ดีนัก ดูจากการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ ขณะที่ทั่วโลกกำลังจับตาดูเมืองจีนว่า จะได้รับผลกระทบจากนโยบายทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯหรือไม่ และตลาดเกิดใหม่จะได้ผลกระทบจากนโยบายการเงินที่เข้มขันของสหรัฐมากน้อยเพียงใด เรื่องเหล่านี้ถือเป็นความเสี่ยงของปีนี้

นักวิเคราะห์การลงทุนฯ บล.บัวหลวง เล่าต่อว่า หากพิจารณาทางเทคนิคจะเห็นว่า ตลาดหุ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาอยู่ในช่วงของการ “พักตัว” แต่อยู่บนโครงสร้างหลักขาขึ้น ฉะนั้นหากปี 2560 สามารถทะลุกรอบด้านบน 1,600 จุด ไปได้ พรางชี้มือไปที่กราฟ จะทำให้การพักตัวในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา “เกิดการเล่นกลับเป็นขาขึ้นรอบใหม่ สอดคล้องกับเส้นค่าเฉลี่ย RSI และ MACD ที่โชว์ออกมาในลักษณะเดียวกัน

หากดัชนีขึ้นไปสร้างสถิติสูงสุดรอบใหม่ได้ “หุ้นที่เป็นตัวชูโรงในปีนี้” คือกลุ่มรับเหมา กลุ่มค้าปลีก กลุ่มธนาคาร กลุ่มน้ำมันและปิโตรเคมี เสน่ห์ของกลุ่มรับเหมา และค้าปลีก แน่นอนว่า จะได้รับประโยชน์จากโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจค) และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ เด่นสุดในกลุ่มรับเหมา ต้องยกให้หุ้น CK หุ้น SEAFCO และหุ้น PYLON ส่วนค้าปลีกประเภทนอนฟู้ดจะได้ประโยชน์สุด

ส่วน “จุดเด่น” ของกลุ่มแบงก์ คือ ตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) มีโอกาสปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และอาจฟื้นตัวมาอยู่ในระดับปกติ ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2560 ขณะที่ตัวเลขการตั้งสำรองน่าจะลดลงเช่นกัน ฉะนั้นงบการเงินแบงก์คงกลับมาสดใสเหมือนเดิม สวยสุดต้องยกให้ หุ้น SCB และ หุ้น KKP สำหรับกลุ่มน้ำมันและปิโตรเคมีจะได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น เด่นสุด คือ หุ้น PTT

เรื่องใดจะทำให้เกิดการเปลี่ยนมุมมอง กูรูด้านเทคนิค ตอบว่า เมื่อเกิดสัญญาณเตือนอันตราย หรือเกิดปลายทางขาขึ้น เล่นแล้วรู้สึกอึดอัด เช่น ทุกอย่างดูดีหมด แต่ตลาดไม่ขึ้น หรือทุกอย่างดูดีหมดตลาดขึ้น แต่ขัดแย้งกับเครื่องมือที่ไม่ได้โชว์ในทิศทางบวก หรือหุ้นไทยเล่นขัดแย้งกับตลาดอื่นเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในปี 2540 หากเกิดสัญญาณลักษณะนี้ ถือเป็นการเตือนว่า อาจเห็นสัญญาณปรับตัวลดลง

สัญญาณอันตรายคงไม่เกิดขึ้นในปีนี้ แม้ตามสถิติทุกสิบปี มักเกิดวิกฤตเศรษฐกิจก็ตาม

ธนรัตน์” บอกว่า ก่อนธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประกาศขึ้นดอกเบี้ยเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา ต่างชาติได้ทยอยถอนเงินออกจากตลาดภูมิภาคไปแล้วบางส่วนประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น สะท้อนผ่านวอลุ่มที่ต่างชาติถือหุ้นขนาดใหญ่ลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ สื่อสาร และพลังงาน เป็นต้น หลังราคาหุ้นปรับตัวลดลงก่อนหน้านี้

แต่หากพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่กำลังจะฟื้นตัว หรือการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่อยู่ในอัตราที่สูงเฉลี่ย 3-4% ในช่วงที่ผ่านมา โอกาสจะเห็นนักลงทุนต่างชาติไหลเงินกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทย มีความเป็นไปได้สูงมาก แม้เฟดจะพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยในปี 2560 อย่างต่อเนื่อง ก็ตาม

ตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ยังคงโดดเด่นสุดในปีนี้

เขาไม่ลืมที่จะบอกวิธีลงทุนให้ได้ผลกำไรที่ดีว่า ข้อหนึ่ง ต้องเลือกสไตล์การลงทุนให้เหมาะกับตัวเอง ข้อสอง ต้องมีแผนสำรอง หากตลาดหุ้นไม่เป็นไปตามคาดการณ์

“จุดไหนควรถอย จุดไหนควรซื้อ ต้องวางแผนให้ดี” และข้อสาม อ่านหนังสือที่เกี่ยวกับกูรูทั้งในและนอกประเทศ โดยเฉพาะคนที่สามารถทำเงินได้ดีในยามตลาดหุ้นผันผวน

หุ้นไม่ใช่ตลาดที่ได้กำไรมาง่ายๆ ลองดูเหล่ากูรูชั้นนำ ส่วนใหญ่มักขาดทุนก่อนแล้วค่อยกลับมากำไร เพราะเขาจะนำข้อผิดพลาดเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้ในการลงทุน

--------------------------

 “ตุลย์ เมษ สิงห์ ดวงดีที่สุด

  “พิจิก กรกฎ หนักสุด

ราศีเมษ (14 เม.ย.-14 พ.ค.) เป็นราศีที่ดวงดี แม้ปี 2559 จะเจอ “ดาวยูเรนัส” แต่เมื่อมีดาวตัวช่วยเข้ามาจะทำให้ดวงเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางดี จากร้ายกลายเป็นดี ทำให้รอดพ้นจากวิกฤต ที่สำคัญจะมีโชคทางด้านการลงทุน ตามจังหวะของดวงเมือง ถือเป็นราศีที่ทำกำไรได้ดีในปีนี้ แต่ให้ระวังความวุ่นวายภายในครอบครัว เพราะจะเป็นปีที่มีเรื่องการเจ็บป่วยของคนในบ้าน หรือมีปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย และเรื่องส่วนตัว

ราศีพฤษก (15 พ.ค.-14 มิ.ย.) 6 เดือนหลังต้องระวัง เพราะดวงไม่มีตัวช่วยอะไรเลยอาจเจออุปสรรคอย่างมาก หากต้องทำเรื่องใหม่ๆ เช่น เจอคนขัดขวาง แต่สุดท้ายคงผ่านไปได้ด้วยดี เนื่องจากดาวเสาร์กำลังจะออกในเดือนธ.ค.นี้ หลังเจอดาวเสาร์มาตั้งแต่ปี 2559 สิ่งต้องระวัง คือ การสร้างศูตร เพราะคู่แข่งจะมีกำลัง อย่าประมาทคู่แข่ง ส่วนการลงทุนต้องใจเย็นๆ เพราะ 6 เดือนหลังดวงดาวไม่เกื้อหนุนเท่าไหร่นัก

ราศีเมถุน (15 มิ.ย.-16 ก.ค) ราศีนี้ต้องวางแผนการลงทุนสูงสุด เพราะมีเรื่องต้องเสียเงินจากการจับจ่ายใช้สอย บางคนอาจถูกตรวจสอบเรื่องการเงิน แต่ยังมีโอกาสในเชิงธุรกิจ หรือมีโอกาสได้รับรายได้ใหม่ๆ ฉะนั้นจัดเป็นราศีที่ได้รับผลดีจากการลงทุน เพราะดวงดาวโดยรวมยังเป็นบวก

ราศีกรกฎ (17 ก.ค.- 16 ส.ค.) ด้วยความที่พระราหูเข้าสู่ราศีกรกฎ ทำให้มีทั้งด้านบวกและลบ แต่เรื่องที่น่ากังวล คือ ราศีนี้เป็นธาตุน้ำ เมื่อเจอพระราหูจะทำให้เกิดความอ่อนไหวเมื่อเทียบกับราศีอื่นๆ ฉะนั้นต้องระมัดระวังเรื่องของจิตใจและความเครียด ดังนั้นขอให้ลุยงานใน 6 เดือนแรก ส่วน 6 เดือนหลังควรทำงานเกี่ยวกับต่างประเทศ หรือธุรกิจออนไลน์ ระวังเรื่องสัญญา คดีความ การฟ้องร้อง

ราศีสิงห์ (17 ส.ค.-16 ก.ย.) เป็นราศีที่ “ดวงดีขึ้น” โดยจะมีโชคจากการเจรจามากขึ้น ยิ่งพระราหูออกไปในช่วงครึ่งปีหลัง ยิ่งทำให้ดวงดีขึ้น อาชีพนายหน้า ตัวแทน นักขาย หรืองานที่ต้องใช้การสื่อสารจะได้รับผลดีตั้งแต่ต้นปี เป็นราศีที่โอกาสขยายหน้าที่การงาน การศึกษา หรือทำเรื่องใหม่ๆ ส่วนเรื่องการลงทุนยังคงจะได้รับข่าวดี

ราศีกันย์ (17 ก.ย.-17 ต.ค.) ราศีนี้ยังดวงดีต่อเนื่อง แต่ชีวิตในปี 2560 มาจากแผนในปี 2559 ฉะนั้นจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ แต่เป็นราศีที่รอดพ้นจากดวงดาวร้ายๆ และเป็นราศีที่มีความมั่งคั่งทางการเงิน เพราะจะได้รับเงินก้อนโตเข้ามา เช่น เงินจากการขายที่ดิน หรือกำไรจากการลงทุน ซึ่งจะได้มาเป็นก้อนไม่ได้กระจายตัว เมื่อเรื่องการเงินโดดเด่น หากคิดจะลงทุน ถือเป็นเรื่องที่ดี เรื่องต้องระวัง คือ ทุกข์ลาภ เช่น ได้มาเยอะย่อมมีเรื่องต้องแลกเปลี่ยน ฉะนั้นต้องสร้างสมดุล

ราศีตุลย์ (18 ต.ค.- 16 พ.ย.) ราศีนี้ “ดวงดีมากที่สุด” หลังจัดหนักมาแล้วในปี 2559 ถือเป็นโอกาสที่ดีในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ เช่น เปิดธุรกิจเป็นของตัวเอง ศึกษาหาความรู้ แต่งงาน หรือลงทุนในกิจการที่มีความมั่นคงมากขึ้น เป็นต้น แต่ต้องทำบุญให้หนัก โดยเฉพาะบุญที่เกี่ยวข้องกับคนหมู่มาก

ราศีพิจิก (17 พ.ย.-15 ธ.ค.) ด้วยความที่เป็นเจ้าภาพของดาวเสาร์ ทำให้ราศีนี้ค่อนข้างจะเจอเรื่องหนักๆ ยิ่ง 6 เดือนหลังไม่มีดาวตัวช่วย ฉะนั้นต้องระมัดระวังการเสียทรัพย์ ถูกหลอก ถูกโกง หรือปัญหาเกี่ยวกับญาติผู้ใหญ่ แต่ถ้าผ่านโค้งนี้ไปได้ปี 2561 จะเป็นปีทอง ดังนั้นต้องจัดงานใหญ่ เพื่อเติมพลังให้ชีวิต เช่น ทำบุญบ้าน

ราศีธนู (16 ธ.ค. -14 ม.ค.) ปีนี้เป็นปีแห่งการตักตวง เพราะเป็นปีที่มีโอกาสได้โชคมาอย่างฟลุ๊คๆ การลงทุนอาจได้รับผลตอบแทนที่ดี แม้คนอื่นจะมีปัญหา แต่เรื่องดีๆจะอยู่ไม่นาน เพราะปี 2561 จะมีปัญหา ส่วนเรื่องการลงทุนสามารถทำได้ทั้งปี แต่ปลายปีต้องระวังเป็นพิเศษ

ราศีมังกร (15 ม.ค.-12 ก.พ.) เป็นราศีที่เจอพระราหูคู่กับกรกฎ แต่ผลไม่เหมือนกันตรงที่มังกรไม่กลัวพระราหูเท่าไหร่ เพราะเป็นราศีที่มีดาวเสาร์ประจำราศี ในส่วนของการลงทุนชอบเสี่ยงต่ำ แต่เมื่อเจอราหูจะกล้าได้กล้าเสียมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่ตัวเรา ดังนั้นมีโอกาสเจ็บตัว อย่าหลงกระแสด้วยความที่ราหูเข้าราศี ส่งผลดีต่อการเงินโดยตรง แต่เรื่องส่วนตัวไม่ค่อยดีให้ระวังเรื่องมือที่สาม

ราศีกุมภ์ (13 ก.พ.- 14 มี.ค.) ดวงดี เพราะพระราหูย้ายออก ดวงดาวทำมุมในเรื่องทางไกลต่างประเทศ เป็นราศีได้โชคจากการเดินทางเยอะ ชีวิตมีความมั่นคง มีความก้าวหน้า ลงหลักปักฐาน แต่งงาน มีบุตรมีครอบครัว ถือเป็นวงรอบแห่งการเริ่มต้นใหม่ แต่ให้ระวังอาจถูกใส่ร้ายอิจฉา 

ราศีมีน (15 มี.ค.-13 เม.ย.) 6 เดือนแรกดี แต่ครึ่งหลังไม่ดี ใครต้องการเรื่องเครดิตสินเชื่อจังหวะดวงดาวยังดีให้ทำในครึ่งแรก แต่ 6 เดือนหลังจะมีปัญหาเรื่องดวงผู้ใหญ่มีปัญหา แต่จะมีโชคในเรื่องของอสังหาริมทรัพย์มากกว่า การลงทุนต้องระมัดระวัง เพราะมีจังหวะดวงดาวของความวุ่นวายเข้ามา