Daily Market Outlook (30 ธ.ค.59)

Daily Market Outlook (30 ธ.ค.59)

ปัจจัยภายในประเทศหนุนตลาดวันซื้อขายสุดท้ายของปี 2559

คาดหุ้นไทยขยับขึ้นต่อในวันนี้ ภาวะกดดันคลายลงหลังหุ้นสหรัฐและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐลดลง และดอลลาร์อ่อนลงหลังพุ่งแรงติดต่อกันมา ปัจจัยภายในประเทศเป็นบวกหลายประการ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่น่าเสี่ยงลงทุนใหญ่ก่อนวันหยุดของเทศกาลปีใหม่และน่าจะรอดูนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐหลัง Trump เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 ม.ค. ภายในประเทศ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเติบโตสูงสุดในรอบ 43 เดือน รายรับการท่องเที่ยวไตรมาส 4 อาจทำสถิติใหม่มากกว่า 6 แสนล้านบาทแม้นักท่องเที่ยวจีนจะลดลงนับตั้งแต่เดือน ก.ย. จากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ ส่งออกข้าวน่าจะดียิ่งขึ้นในปีหน้าจากความต้องการมากขึ้นจากตะวันออกกลาง

หุ้นเด่นวันนี้: DELTA (Bt82.25; NR; 16TP IAA Consensus Bt91.00)

บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) เป็นผู้ผลิตชั้นนำระดับโลกด้านชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์พาวเวอร์ซัพพลาย ระบบบริหารจัดการพลังงาน ซึ่งน่าจะเป็นหนึ่งในผู้ได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์ แนวโน้มระยะยาวก็ยังหนุนจากกระแสรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รวมถึงการขยายเสาโทรคมนาคมของค่ายมือถือซึ่งจำเป็นจะต้องมีพาวเวอร์ซัพพลายในแต่ละเสา กำไรสุทธิของบริษัทหนุนโดยผลิตภัณฑ์ชั้นสูงที่ให้มาร์จิ้นที่สูงซึ่งผลิตให้แก่ประเทศพัฒนาแล้ว รวมถึงชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับรถยนต์ซึ่งมีอุปสงค์รองรับต่อผลิตภัณฑ์ระบบควบคุมทางอิเล็กทรอนิกส์สูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกรถระดับบนที่น่าจะถูกกระทบโดยเศรษฐกิจที่ชะลอตัวน้อยกว่า นอกจากนี้บริษัทมุ่งเน้นที่จะขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ เช่น อินเดียและอาเซียนซึ่งมีโอกาสและอุปสงค์รองรับ ซึ่ง DELTA ได้ลงทุนตั้งศูนย์วิจัยและโรงงานผลิตในภูมิภาคเหล่านี้ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ยี่ห้อตนเพื่อผู้ใช้ปลายทางในประเทศนั้นๆ โดยตรง บริษัทยังให้บริการเชิงโซลูชั่นระดับสูงด้านพลังงานอีก จากค่าเฉลี่ยการคาดการณ์ของสมาคมนักวิเคราะห์ฯ แม้กำไรของ DELTA น่าจะหดตัว 12% สำหรับปีนี้ เพราะค่าใช้จ่ายจากการขยายธุรกิจและการวิจัยพัฒนา แต่คาดว่าจะฟื้นและเติบโต 18% ในปีหน้าPrice Pattern ของ DELTA มีความแข็งแกร่งทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง จากการเกิดทั้ง Daily & Weekly Buy Signal โดยหาก สามารถปิดตลาดรายเดือนในวันนี้ได้เหนือ 79.25 บาท ก็จะทำให้ Price Pattern ของ DELTA กลับมามีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) อีกครั้งจากการกลับมาเกิด Monthly Buy Signal ซึ่งไม่น่ายากนัก มีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 83.75 บาท หากสามารถ Break ก็จะมีเป้าหมายหลักอยู่ที่ 90 บาท จุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 79.75 บาท (แนวต้าน: 82.75, 83.50, 84.25; แนวรับ: 81.50, 80.75, 80.00)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• ผลผลิตอุตสาหรรมสูงสุดรอบ 43 เดือนก.อุตสาหกรรมวานนี้รายงานว่าดัชนีภาคการผลิต (MPI) พ.ย. เพิ่มขึ้น 3.81% เทียบปีก่อน ถือเป็นเดือนที่สี่ติดต่อกันแล้วและรายปีถือว่าแรงสุดในรอบ 43 เดือน ชนะคาดการณ์จากผลสำรวจรอยเตอร์สที่ว่าจะเติบโต 0.20% หนุนโดยอุปสงค์ต่อเหล็ก อิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ (Bangkok Post) ความเห็น: การเติบโตของตัวเลข MPI พ.ย. นี้สอดคล้องกับยอดส่งออกที่โต 10.2% เกินคาดสำหรับเดือนเดียวกัน

• รายได้ท่องเที่ยวไตรมาส 4/59 น่าจะเกิน 6 แสน ลบ.รมว.กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาคาดรายได้รวมจากการท่องเที่ยวน่าจะอยู่ที่ราว 6.284 แสน ลบ. หรือเพิ่มขึ้น 4.4% เทียบปีก่อน โดยมาจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 4 แสน ลบ. ส่วนที่เหลือมาจากนักท่องเที่ยวในประเทศ แม้รายได้จะยังเติบโตต่อ แต่ไทยยังจะต้องเผชิญการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเพราะการกวดขันทัวร์ศูนย์เหรียญและประเทศคู่แข่งเข้ามาแข่งมากขึ้น (The Nation)

• บีโอไอตั้งเป้าเชิงรุกในปี 60 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) คาดจะดึงดูดการลงทุนต่างประเทศได้ 5 แสน ลบ. ในปี 59 และ 6 แสน ลบ. ในปี 60 เป็นเป้าหมายเชิงรุก หลังจากรัฐบาลได้ให้บีโอไอเป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมการลงทุนเพื่อที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ อย่างไรก็ดียังมีความเสี่ยงที่จะกระทบเป้าหมายนี้ เช่น เศรษฐกิจโลกที่ชะงักและนโยบายเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างสหรัฐ (The Nation)

• ส่งออกข้าวคาดโตถึง 10 ล้านตันปีหน้า สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยคาดการณ์การส่งออกข้าวในปี 60 จะอยู่ที่ 9.5 – 10 ล้านตัน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 9.5 ล้านตัน การเติบโตดังกล่าวจะมาจากความต้องการที่สูงขึ้นในบางตลาด เช่น ตะวันออกกลางเนื่องจากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันหนุนกำลังซื้อของผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม ผลผลิตข้าวของตลาดโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้นปีหน้าซึ่งจะทำให้การแข่งขันยังคงรุนแรงอยู่ (The Nation)

ต่างประเทศ:

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อวันพฤหัสเนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลหลังจากการประมูลพันธบัตรอายุ 7 ปีในวันทำการซื้อขายวันสุดท้ายเต็มวันของปีนี้ ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้น 8/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 2.48% ซึ่งก่อนหน้านี้ปรับตัวลงสู่ระดับ 2.46% ซึ่งเป็นอัตราผลตอบแทพนต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค. (Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าแตะระดับต่ำสุดในรอบ 15 วันเทียบกับเงินเยนเมื่อวันพฤหัสจากการขายทำกำไรหลังจากที่แข็งค่าในช่วงที่ผ่านมา ในขณะที่การปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐบนความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ลดลงเรื่อยได้ลดความน่าดึงดูดของดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์สหรัฐล่าสุดปรับตัวลง 0.57% เทียบกับเงินเยนที่ระดับ 116.57 เยน หลังจากร่วงลง 0.9% ในช่วงต้นของการซื้อขายที่ระดับ 116.23 เยน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค. ดอลลาร์สหรัฐได้ปรับตัวขึ้น 11.5% เทียบกับเงินเยนระหว่างวันที่ 8 พ.ย. ถึงวันที่ 28 ธ.ค. ส่วนเงินยูโรล่าสุดแข็งค่าขึ้น 0.71% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0481 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ยังคงอ่อนค่า 3.5% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐล่าสุดปรับตัวลง0.59% ที่ 102.690 โดยก่อนหน้านี้ดัชนีฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 14 ปีที่ระดับ 103.650 เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. (Reuters)

สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดขยับลงในวันพฤหัส นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคารที่ถูกขายทำกำไรในการซื้อขายที่เบาบางหลังจากที่ทะยานขึ้นนับแต่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อวันที่ 8 พ.ย. การปรับตัวขึ้นหลังการเลืออกตั้งส่งผลให้ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นราว 10% ในปีนี้ แต่นักลงทุนบางรายกังวลว่าดัชนีอาจจะปรับตัวลงเพื่อปรับฐาน (Reuters)

• กองทุนที่ลงทุนในหุ้นได้รับความนิยมมากกว่ากองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตร สวนกับทิศทางในปี 2559 มีข้อมูลจาก Lipper ว่ากองทุนที่ลงทุนในหุ้นในสหรัฐดึงเงินเข้ามาถึง 1.18 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 28 ธ.ค. เป็นการสิ้นสุดของปีนี้ที่แสดงให้เห็นถึงความต้องการลงทุนในหุ้นซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ค่อยได้รับความสนใจมากนัก นักลงทุนได้ถอนเงินจำนวน 775 ล้านดอลลาร์สหรัฐออกจากกองทุนรวมที่ลงทุนในพันธบัตรที่ต้องเสียภาษีและกองทุน ETF ติดต่อกัน 3 สัปดาห์ จากข้อมูลในปีนี้จนถึงเดือนพ.ย. มีการไถ่ถอนกองทุนที่ลงทุนในหุ้นจำนวน 6.18 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนกองทุนพันธบัตรดูดเงินจำนวน 2.474 แสนล้านบาท (Reuters)

• จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสหรัฐลดลงในสัปดาห์ก่อน โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 10,000 รายสู่ระดับ 265,000 รายในสัปดาห์ก่อน และนับเป็นสัปดาห์ที่ 95 ติดต่อกันแล้วที่ตัวเลขดังกล่าวอยู่ต่ำกว่าระดับ 300,000 ราย ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปีค.ศ. 1970 แสดงว่าตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง ตลาดแรงงานในขณะนี้ถูกมองว่ามีการจ้างงานเกือบเต็มที่แล้ว (Reuters)

ยุโรป:

• หุ้นยุโรปปรับตัวลดลงในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยเทรดเดอร์ใช้โอกาสในช่วงวันหยุดที่เงียบเหงาเพื่อขายทำกำไรบางส่วน ซึ่งสามารถทำกำไรได้มากในช่วงไตรมาส 4/59 และปรับพอร์ตสำหรับปีหน้า หุ้นการเงินซึ่งปรับตัวดีขึ้นมากนับจากมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ พร้อมกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น กำลังพยายามลดความร้อนแรงจากการที่ผลตอบแทนพันธบัตรลดลงจากช่วงที่ขึ้นไปสูง (Reuters)

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนลดลงในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา จากความกังวลเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของแผนช่วยเหลือสำหรับธนาคารอิตาลีและความระมัดระวังตามปกติในช่วงสิ้นปี อัตราผลตอบแทน 10 ปีของเยอรมนีอยู่ต่ำสุดในรอบเจ็ดสัปดาห์ที่ 0.164% ก่อนที่จะฟื้นตัวจากระดับต่ำติดดินหลังจากอัตราคิดลดต่ออัตราผลตอบแทนสหรัฐฯ กว้างที่สุดในสัปดาห์ก่อนหน้า(Reuters)


เอเชีย:

• ผู้ว่าการ BOJ นายHaruhiko Kuroda กล่าวว่าเขาคาดว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นจะเพลิดเพลินไปกับการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในปีหน้า ขณะที่ทั่วโลกเผชิญกับอุปสรรค และต้องส่งเสริมการคาดการณ์ของตลาดว่าธนาคารกลางจะออกจากการขยายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคตอันใกล้ เขากล่าวว่ามีโอกาสที่สดใสสำหรับเศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้นราคาหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น และค่าเงินเยนที่น่าจะลดการแข็งค่าลง จะช่วยให้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นรักษาการฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีต่อไป(Reuters)

• การเปลี่ยนแปลงตะกร้าสกุลเงินของจีน: จีนจะเปลี่ยนวิธีการคำนวณดัชนีหยวนที่สำคัญในปีถัดไป โดยเกือบสองเท่าของจำนวนเงินตราต่างประเทศในตะกร้าที่ใช้ในการกำหนดค่าเงินหยวนประเทศจีนได้รับการส่งเสริมค่าเงินหยวนให้ใช้เป็นดัชนีอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งจะเป็นการลดความสำคัญของค่าดอลลาร์ ค่าเงินหยวนเทียบกับดอลลาร์ได้ลดลงมาใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 8-1 / 2 ปีที่ผ่านมา ค่าเงินหยวนของจีนถูกมองว่าจะจบปีด้วยการอ่อนค่าลงเกือบ 7% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ฟื้นตัว ทำให้ หยวนเป็นสกุลเงินในภูมิภาคเอเชียที่มีประสิทธิภาพแย่สุดของปี(Reuters)

• ประเทศจีนจะเพิ่มการใช้จ่ายงบการเงินในปี 2560 ให้เหมาะสมและคงนโยบายที่จะลดภาษีและค่าธรรมเนียม ซึ่งกระทรวงการคลัง Xiao Jieกล่าวไว้ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาหลังจากการประชุมเพื่อกำหนดวาระการประชุมของปีถัดไป(Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• น้ำมันดิบสหรัฐร่วงวันพฤหัส หลังตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐออกมาเพิ่มขึ้นผิดคาดสวนราคาที่พุ่งไปล่วงหน้าซึ่งทำให้ราคาอ้างอิงโลกแตะจุดสูงสุดนับแต่ ก.ค. ปีที่แล้ว น้ำมันดิบสหรัฐประเภท light sweet ลบ 37 เซนต์ต่อบาร์เรล ปิดที่ 53.69 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบ Brent ล่วงหน้าลบ 17 เซนต์ปิด 56.05 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ตัวเลขจาก US EIA ชี้ว่าสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นผิดคาดเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกันหรือเพิ่ม 6.14 แสนบาร์เรลสัปดาห์ที่แล้วเทียบกับคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ว่าจะลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล ณ Cushing รัฐ Oklahoma ที่เป็นศูนย์กลางการส่งมอบของฟิวเจอร์สน้ำมันดิบสหรัฐพบว่าสต็อกเพิ่มขึ้น 1.72 แสนบาร์เรล EIA ระบุ (Reuters)

• ราคาทองคำบวก 1% สูงสุดในรอบกว่าสองสัปดาห์ในวันพฤหัสเพราะผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐลดลงจากการต้องการความเสี่ยงที่อ่อนลง ซึ่งก็ลดความต้องการถือเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับค่าเงินที่ปลอดภัยกว่าอย่างเยน ราคาทองคำตลาดจรแตะ 1,159.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ระหว่างวัน อันเป็นจุดสูงสุดนับแต่ 14 ธ.ค. และบวก 1.2% ปิดที่ 1,155.45 ดอลลาร์สหรัฐ ราคาทองคำล่วงหน้าเดือน ก.พ. บวก 1.5% ปิดที่ 1,158.1 ดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)