เส้นทางอาชีพเชฟ

เส้นทางอาชีพเชฟ

เส้นทางหน้าเตาของเชฟหนุ่ม - ธนินทร จันทรวรรณ

จากวัยรุ่นเกเรกลายมาเป็น “เชฟ” ชื่อดัง ได้อย่างไร ต้องให้เจ้าตัวเฉลย เชฟหนุ่ม ธนินธร จันทรวรรณ อดีตเชฟกระทะเหล็กประเทศไทย วันนี้เชฟขอเล่าเส้นทางชีวิตอดีตกะเหรี่ยงในลอนดอนมาเป็นเชฟตัวจริงได้อย่างไร

// เชฟพอมีเวลาสักครึ่งชั่วโมงเล่าเรื่องตัวเอง ?

“ของผมต้องครึ่งวัน (หัวเราะ) ต้องย้อนอดีตวัยรุ่นผมเป็นเด็กบ้านนอกอยู่นครปฐม สมัยผมเด็ก ๆ สังคมต่างจังหวัดพอใครป่วยใครตายก็ไปทำบุญ เลิกเรียนมาถูกบังคับให้เข้าครัว ตำพริกแกง ขูดมะพร้าว เบื่อมากแต่ต้องทำเพราะเราไม่มีโอกาสไปเล่น พอตำ ๆ ไปหน่อยต้องเดินถามคนครัวชื่อ ยายรวย... เสร็จแล้วใส่อะไรต่อ ถามอยู่นั่นแหละ ความที่เราเป็นเด็กอยากไปเล่น ก็คิดว่าถ้าเราทำเองได้ไม่ต้องรอถามจะได้รีบ ๆ ทำเสร็จแล้วไปเล่น พอทำ ๆ ไปก็เริ่มเข้าหัว ยายรวยก็จะตะโกนบอกว่าอย่าเพิ่งใส่ไอ้โน่นไอ้นี่นะ เช่น ย่างปลาให้แดงแล้วเอาขี้เถ้าใส่หน่อยหนึ่ง หรือใส่โน่นก่อนนี่ทีหลัง... การโตของผมเป็นแบบนี้ เราก็ไม่ได้คิดอะไร รู้แต่ว่าความรู้พวกนี้มันสั่งสมมา พออายุ 14-15 ปี ไปเรียนที่อัสสัมชัญ ศรีราชา ผมเป็นเด็กสุดแสบ เกเร แต่ไม่เคยยุ่งกับยาเสพติดและการพนัน ชอบเตะฟุตบอล หนีเรียนไปเตะบอล จนผลการเรียนตก แม่บอกอยากเล่นนักไปอยู่อัสสัมเลย ไปฝึกที่โน่นเพราะโรงเรียนนี้เขาให้เล่นเป็นเวลา

เวลาผ่านไปก็เอ็นไม่ติดเพราะเอาแต่เล่นบอล แม่ก็เสียใจ ผมเลยไปสอบเข้าวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จฯ ตอนเรียนมีเพื่อนไปเรียนที่อังกฤษกลับมาเที่ยว เรานัดเจอกันที่สยามสแควร์ ผมนั่งแท็กซี่ไปพอรถจอดมีฝรั่งมาถามทาง เราก็พูดไม่รู้เรื่อง แต่แท็กซี่ไม่เป็นไรน้องเดี๋ยวพี่จัดการเอง ผมก็คิดว่าเราเรียนมหาลัยนะแต่ทำไมพูดกับฝรั่งไม่ได้ จังหวะนั้นเจอเพื่อน ๆ ก็บอกว่า ทำไมไม่ไปเรียนที่อังกฤษล่ะ”

คิดได้เช่นนั้นเขาก็กลับบ้านบอกผู้ปกครองว่าจะไปอังกฤษ

“ตอนนั้นไม่ได้คิดจะต่อโทหรอก คิดว่าจะไปเรียนภาษา ทางบ้านให้แค่ค่าเรียน ตกลงกันว่าค่าเรียนกับค่าตั๋ว พ็อคเกตมันนี่อีก 1 พันปอนด์ ให้แค่นั้นนะ..หนุ่มต้องสู้เอง แม่กับพ่อช่วยค่าที่พักช่วง 3 เดือนแรก ผมก็ไปเลย พอไปถึงเพื่อนที่นั่นเพิ่งอกหักอย่างรุนแรง พอมารับผมที่สนามบินไอ้เพื่อนก็เก็บของกลับเมืองไทย แล้วผมทำไงหรือ วันรุ่งขึ้นหางานทำเลย ก็จบ ป.ตรีแล้วอายุ 20 กว่า ๆ”

// ยังพูดอังกฤษไม่เก่งแล้วหางานอะไรทำ

“เป็นจับกังสิครับ.. แบกของตามซุปเปอร์มาร์เก็ต ข้าวสาร มาม่า น้ำตาล น้ำมันหอย โหลดจากท่าเรือเข้ารถแล้วไปส่งที่ร้าน เวลาว่างก็เรียงของขึ้นชั้น หัวหน้าถามว่าทำได้หรือ งานนี้มีแต่คนศรีลังกากับโปรตุกีส ยังไม่เคยมีคนไทย ผมบอกทำได้ เข้างาน 9 โมงเช้า เที่ยงไปเรียน บ่ายสามกลับมาทำงานต่อ ทีนี้ตอนทำงานเห็นปัญหาของการส่งของ เราก็ไปบอกหัวหน้าว่าวางของตรงนี้ไม่เสียหรือเกิดฝนตก ไปวางตรงนี้มั้ยผมช่วย เจ้าของร้านก็คิดว่าไอ้เด็กนี่ขยัน มีน้ำใจ ชวนมาล้างจาน ผมยังพูดไม่ได้เลยนะตอนนั้นเราก็ทำ เช้าไปขนของ เย็นมาล้างจานล้างส้วม ทุก ๆ 15 นาทีเข้าห้องน้ำเช็ค เราก็ทำ ๆ ๆ ล้างให้เร็ว มีแตกบ้าง เราก็คิดว่าทำยังไงให้แตกน้อย พอล้างจานเสร็จก็รู้ถึงปัญหาของการล้างจาน ทำไมถึงช้าถึงแตก จริง ๆ งานไม่เยอะหรอกแต่คนทำบางคนกั๊กงานไว้เลยช้า แต่พอเราทำก็รีบ ๆ พอทำเสร็จก็ไปดูคนหั่นสะเต๊ะ เขาก็เรียกไปช่วยเสียบไม้ แล้วพอส้วมตันเขาก็เรียกเราไปดู มีอยู่ครั้งหนึ่งเสียบสะเต๊ะอยู่ เจ้าของร้านบอกส้วมตันไปดูหน่อย ผมก็แบบ..เหมือนท่านมุ้ยสั่งสรพงษ์กระโดดน้ำ ผมก็เอาเลย ห้องน้ำตันหรือจัดการให้ แต่ใส่ถุงมือนะ แต่ขยะแขยงเวลากลับไปเสียบสะเต๊ะเลยกลับไปล้างจานต่อ”

เชฟหนุ่มเล่าต่อว่าค่อย ๆ ขยับสถานะดีขึ้น เริ่มเข้าครัวเตรียมวัตถุดิบ หั่น เสียบ ทำขนมจีบ สปริงโรล แล้วขยับมาหน้าเตา

“มีคนแนะนำให้เป็นผู้ช่วยเชฟที่ร้านอาหารไทยร้านหนึ่งมั้ย เป็นร้านเล็ก ๆ ที่ต้องทำเองทุกอย่าง เช่น เนื้อก้อนยี่สิบโล ต้องแล่ หั่น เอากระดูกออก มีเวลาแค่ 2 ชั่วโมง อกไก่ที่ติดหนังก็ดึงหนังออก แล่ ๆ ๆ สไลซ์ ๆ ๆ ป้าไฝแม่ครัวจะถือตะหลิวมาโขกหัวเราโป๊ก ๆ บอกต้องเร็วกว่านี้ ๆ ผมก็คิดว่านี่เราเร็วแล้วนะ มือผมเละมีดบาดหมด แต่เราก็อยากให้เขาเห็นว่าทำได้ โทรศัพท์ถามแม่ก็ไม่รู้เพราะแม่ทำอาหารในบ้าน แต่ในร้านเป็นอีกอย่างที่ต้องเป๊ะ ๆ ผมก็ถามป้าทำยังไง ป้าบอกดูนี่จะทำให้ดู ผมก็คิดว่าถ้าป้าทำได้ผมก็ต้องทำได้ เข้างานห้าโมง หกโมงครึ่งมายืนหน้าเตา ทุ่มสองทุ่มเหลือไก่เป็นกิโลยังไม่ได้ทำ ผมจึงต้องบริหารเวลาคือมาให้เร็วขึ้น บอกป้าว่าไม่ต้องห่วงเดี๋ยวเสร็จแล้ว ผมก็ทำให้ป้าเห็นจนป้าไฝเริ่มรักเรา”

/// อาชีพหน้าเตากำลังเริ่มแต่ก็มาเจอจุดเปลี่ยนเสียอีก

“พอป้าไฝเริ่มรักแต่ผมเกิดแขนหักยกกระทะไม่ได้ ป้าไฝรอไม่ได้ผมเลยไปล้างรถแล้วฝึกภาษาไปด้วย มีเพื่อนแนะนำให้ไปเป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหารไทย Blue Elephant ได้เงินเยอะได้ทิปด้วย ผมก็เริ่มฝึกการเสิร์ฟ เริ่มรู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร เรียนรู้เรื่องไวน์แล้วเขยิบขึ้นเป็นซุปเปอร์ไวเซอร์ เป็นผู้จัดการไม่อยู่ในครัวแล้ว ต่อจากนี้ก็ถูกดึงตัวมาอยู่ร้าน Thai Square ช่วงนี้แหละครัวชีวิตผันเปลี่ยนขึ้นสูงสุดลงต่ำสุด จากนักเรียนไทยคนเดียวที่ได้เป็นผู้จัดการของห้องอาหารไทยสแควร์ จากแต่เดิมมีแต่คนที่เป็นเรสิเด้นซ์หรือพลเมืองที่อยู่ในอังกฤษ ตอนนั้นผมอายุ 26 ปี ได้เป็นเมเนเจอร์แล้ว แต่ผมไปพลาด..วีซ่าหมด เขาต่อวีซ่าให้ผมเป็นเทรนนิ่ง เวิร์คกิ้ง เอ็กซ์พีเรียนซ์ วีซ่าปีต่อปี พอหมดปีต่อไม่ได้ เขาเลยจับสาวไทยเชื้อสายอังกฤษมาแต่งงานกับผม”

// ช่วงนี้ชีวิตเชฟหนุ่มเหมือนในละครเลย ถูกจับแต่งงานโดยไม่ตั้งใจ

“ใช่ครับ แล้วถูกเขาครอบ สั่งทุกอย่าง พอถึงวันหนึ่งผมอยากทำอะไรของผมบ้างก็ลาออก เขาเลยแจ้งตำรวจ ทีนี้ล่ะครับหนีหัวซุกหัวซุน ชีวิตดิ่งลงเลย มาเจอจังหวะบอมพ์ ออน เดอะ บัส (เหตุระเบิดในลอนดอน) ยิ่งแย่ ช่วงนั้นผมเป็นโรบินฮู้ดไปนอนตามปาร์ค ตอนที่หนีตำรวจไปนอนในปาร์ค เพราะมีคนไปแจ้ง ตำรวจมาเคาะที่บ้าน ผมแอบเปิดดูเห็นตำรวจ 3 คน เชื่อมั้ยว่าผมถอยกลับมานั่งอยู่กับที่เกือบ 3 ชม. ไม่ขยับไม่ไปไหนเลย ชาก็ชาเหน็บกิน จนมั่นใจว่าตำรวจไปแล้วก็ขนของหนีเลย ยังไม่มีที่นอน เวลานั้นต้องไปแอบนอนในปาร์ค พอเพื่อนคนไหนที่ให้ที่พัก ร้านนั้นจะไล่ออก ผมก็ไม่อยากให้เพื่อนลำบาก หรือโดนแกล้งผมก็ต้องรอ ไปรอแถวบ้านเพื่อนเกิดมีคนเห็นไปฟ้องเพื่อนก็ซวย ผมต้องไปรอในปาร์คจนมืดแล้วเดินมาดูว่าเพื่อนมาหรือยัง โทรศัพท์ก็มี นอนเลยที่เวสต์บอร์นปาร์ค แถวนอตติ้งฮิลล์”

/// ทำไมเชฟหนุ่มไม่กลับเมืองไทย

“ผมคิดว่าถ้าถูกจับเขาก็ส่งเรากลับอยู่แล้ว จะกลับวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็เหมือนกัน ผมคิดว่ายังได้อยู่ จังหวะนี้ผมเริ่มเข้าไปทำงานร้านอาหารฝรั่งเพราะถ้าไปทำตามร้านอาหารไทยเขาจะรู้จักกัน พอไปฝรั่งถามว่ายูมีวีซ่ามั้ย เราบอกไม่มีแต่เอาจดหมายรับรองให้ดู ผมคิดว่าเราทำยังไงให้เขารัก ถ้าเขารักเราแล้วเขาต้องอยากให้เราอยู่ทำงาน แต่ถ้าวันไหนบอกขอดูวีซ่าหมดอายุ Sorry นะ ทำไม่ได้เราก็ออก ช่วงนี้ก็ออกร้านโน้นไปร้านนี้ บางวันไม่มีงานทำก็นั่งรอเพื่อน

ตอนทำร้านอาหารฝรั่งเราก็ขยัน ทำทุกอย่างที่เรียกว่า “มิสเซนพลาส” (Miss en place การเตรียมวัตถุดิบทุกอย่างในครัวให้เรียบร้อย) ผมก็ไปหลายร้านเพราะร้านมีเยอะ พอเรารู้ช่องทางก็ถามเลย What can I do for you, what’s next what’s next จะไม่มีใครปฏิเสธคนแบบนี้หรอก ไปถึงก็ถามเลย anything I can do ฝรั่งก็ชอบ เราสตาร์ทเลย 3 เดือน พอเขาถามถึงวีซ่าบอกไม่มี เขาก็บอกจ้างยูไม่ได้นะ แต่ไอชอบยูนะ ไอช่วย แล้วก็แนะนำร้านเพื่อน ๆ ผมก็ตระเวนไปเรื่อย บางร้าน 3 เดือน 6 เดือน 3 ปี วนกันไป ไม่มีตกงาน ด้วยความที่ใคร ๆ ก็รักผม ไม่ได้โม้นะแต่มันต้องเอาตัวรอด และผมมีข้อจำกัดด้วย ผมคิดแค่ว่าได้เรียนรู้ เงินไม่เป็นไร คิดว่ายิ่งทำ ๆ ๆ ๆ ก็ยิ่งสั่งสมประสบการณ์มากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เรารู้ว่า มาร์ชโปเตโตทำยังไงให้อร่อย ไปร้านญี่ปุ่นเรียนรู้เทคนิคไก่เทอริยากิ ทำซูชิ ร้านญี่ปุ่นเขายื้อเราจนแบบไม่ไหวแล้ว ไปร้านฝรั่งเรียนรู้ว่าอะไรคือflavorอะไรคือ textureซอสแบบนี้ทำอย่างนี้ แป้งรูซ์ ฟังดูยากแต่พอทำมันง่ายมาก สเต๊กมีเดียมแรทำยังไง อีกอย่างฝรั่งเขาไม่หวงสูตรเขาเปิดบุ๊คมาเลย ยูเช็คนะ ชั่งตวงวัดตามนี้ จากตอนแรกเป็นเด็กเสิร์ฟเริ่มเรียนรู้การทำอาหาร แล้วพอมี (อดีต) แฟนเป็นคนญี่ปุ่นเป็นเพสทรี่เชฟที่เก่งมาก ทำอยู่ร้านมิสเตอร์โมสิมาน์ (Anton Mosimann) เป็นเซเลบริตี้เชฟดังมากเขามีร้านไพรเวทไดนิ่ง รับเฉพาะสมาชิกในลอนดอน ที่ควีนเอลิซาเบธกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลสชอบ เชฟแอนทอนเคยมากินผัดไทยของผมบอกว่าI nerver find anywhere in my life เขาเป็นเชฟซึ่งผมพาไปกินหลาย ๆ ร้าน ผมทำต้มยำกุ้งให้เขากินด้วย เขาบอกว่ายัวร์ต้มยำกุ้งแตกต่างจากที่อื่น แล้วเขาก็ถามผมว่า ทำไมไม่คิดจะเป็นเชฟ เขาบอกว่าขนาดเขาเรียนรู้มาตลอดชีวิต แต่สำหรับยู มีtalent”

/// คำชมและคำถามของเชฟจึงเป็นเหมือนตอกหมุดในใจ ?

“ผมพาตัวเองเข้าครัวเลยครับ ผมคิดว่าเมื่อฝรั่งเขายอมรับเราก็คิดแล้ว เคยไปบางร้านที่มาทดสอบเรา ให้แกะหอยแมลงภู่ยี่สิบโลนอกร้านวันที่หิมะตก ตอนแรกเราก็ล้างแบบไทย ๆ เลยนะใส่ตะกร้าเปิดน้ำเขย่า ๆ เสร็จแล้ว เขาเดินมาโยนทิ้งเลยบอกเอาใหม่ ทำให้ดูว่าคลีนแบบนี้ เอามีดขูด ผมถึงรู้เลยไม่กล้าบ่น ผมว่ามันอาจจะเป็นพระพุทธเจ้าหรือสวรรค์สั่งให้ทำ ให้จำยอม หนาวมากทำอยู่ 3 วัน แต่สิ่งที่ได้คือเรียนรู้ทุกอย่าง ร้านฝรั่ง ร้านสเปน ร้านจีนก็ไป ทำให้เราได้ Culinary skill จากพวกนี้หมดเลย พอปีที่สี่ที่ห้าจากที่คิดว่าจำใจทำกลับกลายเป็นรัก ตอนที่ผมรู้ตัวว่าผมรักอะไร ต้องการอะไร ผมเริ่มทำงานตั้งแต่ตีห้า เรียนรู้อบขนมปัง เสร็จสิบโมงมาเข้างานอีกที่ บ่ายสามไปเรียนทำครัวซองต์อีกที่หนึ่ง หกโมงไปต่ออีกที่หนึ่ง ทำไมขยันแบบนี้ ผมคิดในใจว่า จากสมัยก่อนผมดื้อผมซนไม่ยอมเรียนหนังสือมันช้าไปแล้ว ถ้างั้นต้องเอาเวลากลับคืนมาให้ได้ ผมคิดว่าถ้าคนอื่นมาทำงานสิบโมง แต่ผมต้องมาเริ่มตีห้า เพราะสิ่งที่ไปซุกซนต้องเอากลับมาให้ได้ ผมทำมาตลอด 8 ปี ในอังกฤษเป็นโรบินฮู้ดก็แล้ว มีคนถามว่าทำไมผมถึงกล้าอยู่นานขนาดนั้น เขามีกฎว่าถ้า 14 ปี อยู่ถึงจะได้เปนเรซิเดนซ์ แต่พอมาเจอจริง ๆ อยู่ไม่ได้ก็กลับ”

//// ประสบการณ์ที่ได้มากที่สุดจากที่ไหนบ้าง

“ร้านโมโม่ กับกอร์ดอน แรมเซย์ กับร้านสเก็ตช์ เป็นร้านฝรั่งเศสที่ได้มิชลิน ร้านซูม่า ร็อคคา ยิ่งกับเชฟกอร์ดอน รู้เลยว่าความเป็นเชฟเป็นยังไง เช่น 8 โมงเข้างาน เจ็ดครึ่งทุกคนเปลี่ยนชุดหมดแล้ว มานั่งกินกาแฟ พอแปดโมงทำเลย แต่พอเป็นร้านไทยเข้างาน 8 มาแปดก็มากันนะ แต่งตัวคุยกัน แต่งหน้า แปดครึ่งขึ้นร้าน แต่ฝรั่งเจ็ดครึ่งมาเปลี่ยนชุดแล้ว พอแปดโมงทุกคนวางกาแฟ เราก็โห...ทำไมเมื่อก่อนไปร้านไทย สายนิดหน่อยไม่เป็นไร แต่ฝรั่งเป๊ะมาก แต่คนไทยบอกไอ้นี่ได้ยัง ตอบว่าเดี๋ยวได้ ห้านาที พอมาทำงานกับกอร์ดอน ถามว่าไก่สะเต๊ะจะมารึยัง ตอบว่า coming โดนด่าว่า fuck up, I don’t want to hear coming, I want a minute or second. ถ้าบอกว่า 5 นาที แล้วถ้าถึงเวลาไม่มาโดน..แต่คนไทยไม่ใช่ ห้านาทีครับ กำลังมาครับ มาแล้วครับ ผมจึงสอนลูกน้องว่าห้ามพูดคำนี้ กอร์ดอนเขาขว้างใส่เลย เขาบอกว่าอย่าได้โกหกเขาอีกเพราะทุกคนคือแขนและขา แต่ถ้าทำผิดอย่างเคยทำสเต๊กผมบอกว่า sorry chef, I burn I fuck it up เขาจะบอกทุกคนโฮลด์ ถ้าใครทำชิทแล้วยอมรับมาอย่าโกหก อย่ามาแอบ ๆ ไหม้ ๆ แล้วสอด เขาจะโมโหสุด ๆ เขาจะด่าทำไมทำนี้กับเขา ฉันเชื่อมั่นในตัวยู เขาขว้างใส่เลย ผมเคยทำที่โมโม่ เป็นครัวเปิดทำเมนูอันหนึ่งอยู่แล้วลืมใส่ผักชี พอครั้งที่สองลืมอีก เชฟเอาฝาหม้อดินทาจีนโยนโครม ! เศษกระเบื้องแตกกระจาย ลูกค้านั่งกินอยู่ตะลึง เชฟด่าเลยว่านี่ครั้งที่สองแล้ว เรานี่ใจสั่น what’s your problem ผมก็ sorry chef เก็บ ๆ กวาด ๆ ทำ ๆ จบ แต่เขาก็ไม่มีอะไร เขาก็จบมาจับมือพูดว่า sorry for hard work แล้วก็ไม่พูดถึงอีก”

/// หลังแบกประสบการณ์เต็มกระเป๋า กลับเมืองไทยมาเป็นเชฟกระทะเหล็ก

“ผมเคยออกทีวีครั้งแรก ยืนทำอาหารกับกอร์ดอน เป็นหนึ่งในห้าวินาที แต่พอมารายการเชฟกระทะเหล็ก ถ่ายวันแรกเกร็งมาก ตื่นกล้อง พี่หนุ่ม กิติกร (เจ้าของรายการเชฟกระทะเหล็ก) ชวนไป ครั้งแรกทำปูอลาสก้า ผมแกะปูอยู่สิบนาที จนช่างกล้องบอกเชฟช่าง...เลย จะทำอะไรก็ทำไป ผมก็สวิทช์ทันที นี่คือครัวนะไม่ใช่เวที จังหวะนั้นผมเอามีดมาควง ๆ สับ ๆ ๆ จากตอนแรกตื่นกล้องและใจอยากเอาชนะเชฟเอียน แต่เวลาที่สูญเสียไปมันไร้ค่า พอเสร็จผมแพ้แต่กลับมีคนจำผมได้ ผมก็มาคิดว่าถ้าชนะแล้วได้อะไร สุดท้ายเชฟเอียนมาจับมือแสดงความยินดี ผมได้คิดว่าไม่เห็นต้องคิดเรื่องแพ้ชนะ เพราะแค่ช่วงสองวินาทีเท่านั้น”

// จากเชฟหน้าจอสู่หน้าเตาตัวจริงที่ “สยามวิสดอม”

“สยามวิสดอม (Siam Wisdom) ดูทุกอย่างครับ เป็นเชฟและเจ้าของร้าน เมนูปรับใหม่และปรับราคาลง ต้องสู้กับภาวะเศรษฐกิจด้วย ร้านนี้กัดฟันเทหมดหน้าตัก ใช้ชื่อว่า Siam Wisdom by Chef Noom”

/// คุณสมบัติของเชฟที่ดีคืออะไร

มีความรับผิดชอบ ตรงต่อเวลา และซื่อสัตย์ สำคัญมาก เช่นสาย 5 นาที โกงเวลา ไม่ซื่อสัตย์ต่อองค์กร อาหารที่ออกไปไม่ดีก็ไม่ซื่อสัตย์กับลูกค้าแล้ว ระเบียบวินัยสำคัญ ความเก่งไม่เก่งมันจัดการได้ ส่วนความคิดสร้างสรรค์ต้องมีอยู่แล้ว ความเก่งก็มีแต่ต้องมีระเบียบ สำหรับผมการเป็นเชฟที่ดีสิ่งที่ยกให้อย่างแรกคือความซื่อสัตย์ มีระเบียบวินัย ส่วนครีเอทก็ต้องมี เชื่อมั้ยว่ามาม่า 1 จาน ไม่ต้องเป็นเชฟ ให้คนทำ 10 คนก็ไม่เหมือนกันแล้ว ผมเชื่อคำที่ว่า everyone can cook, not everyone can be a chef ดังนั้นผมจึงไม่หยุดที่จะเรียนรู้”