คาดราคาทองคำปี60อยู่ที่ 1,090-1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ประเมินราคาทองคำในตลาดโลกปี 2560 ว่า จะอยู่ในกรอบเคลื่อนไหวโดยมีแนวรับที่ 1,090 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 18,600 บาทต่อบาททองคำ และแนวต้านที่ 1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 21,500 บาทต่อบาททองคำ

ปัจจัยที่จะกดดันราคาทองคำในปีหน้า คือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หากปรับขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งตามคาด หรือปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่รวดเร็วมากกว่า 3 ครั้ง อาจยิ่งหนุนให้สกุลเงินดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรให้ปรับขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะกดดันราคาทองคำ

นอกจากนี้ การคาดการณ์ในเชิงบวกต่อนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะกระตุ้นความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงของนักลงทุนต่อเนื่อง จะส่งผลให้เกิดแรงขายทองคำที่อยู่ในสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งนับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเป็นต้นมา กองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีการลดการถือครองทองคำต่อเนื่องมากกว่า 130 ตัน 

“สะท้อนความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่ลดลง ตอลดจนอุปสงค์ทองคำในจีน และอินเดีย ที่อาจซบเซาต่อเนื่อง”

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกที่สนับสนุนราคาทองคำ ได้แก่ นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ของอังกฤษ จะเริ่มต้นกระบวนการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือเบร็กซิท (Brexit) ก่อนสิ้น มี.ค.2560 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น ของการเจรจาที่จะต้องเสร็จสิ้นภายใน 2 ปี คือต้นปี 2562 และหากเจรจาในปี 2560 เป็นไปอย่างไม่ราบรื่น อาจกลับมาหนุนทองคำ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้

แม้การเจรจาจะราบรื่นโดยอังกฤษ ได้รับเงื่อนไขที่ดี เมื่อออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป ก็จะยิ่งกระตุ้นให้อีกหลายประเทศในสหภาพยุโรป ทั้งเยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สเปน ต้องการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปเช่นกัน ซึ่งความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้น จะส่งผลหนุนราคาทองคำ

ตลอดจนความไม่แน่นอนทางการเมืองในยุโรป ซึ่งในปีหน้าจะมีการเลือกตั้งในเยอรมนี ฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์ หากเกิดการพลิกขั้วอำนาจทางการเมือง ก็อาจนำมาซึ่งการจัดทำประชามติ ขอแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปได้

ราคาทองในตลาดสปอตฟื้นตัวขึ้นในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง และตลาดหุ้นเอเชียที่ร่วงลงโดยราคาในช่วงบ่ายนี้ อยู่ที่ 1,147.61 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองพุ่งขึ้นราว 8% ตั้งแต่ต้นปีนี้ แม้ร่วงลง 8% ในเดือนพ.ย.ก็ตาม