ในโลกใบนั้น “ฉันยิ้ม”

 ในโลกใบนั้น “ฉันยิ้ม”

จะมีสักกี่ที่กี่แห่งในโลกใบนี้ที่ทำให้เรายิ้มได้แบบไม่ต้องคิดอะไรมากมาย

เท้าของเธอค่อยๆ ก้าวเยื้องย่างสลับไปมาพร้อมๆ กับการวางท่วงท่าอันสง่างาม ส่วนใบหน้าสีขาวนวลนั้นเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่ใครเห็นเป็นต้องยิ้มตาม


ไม่ใช่ “ซินเดอเรลล่า” คนเดียวหรอกที่เด็กสาวครึ่งค่อนโลกฝันอยากจะเป็น แต่ สโนว์ไวท์ / ออโรร่า / แอเรียล / เบลล์ / จัสมิน / มู่หลาน / เทียน่า / ราพันเซล ต่างก็เป็นชื่อเจ้าหญิงในเทพนิยายของวอลท์ ดิสนีย์ ที่อยู่ในความทรงจำของทุกคน


ในความเป็นจริงคงไม่มีเรื่องแฮปปี้เอนดิ้งแบบในนิยาย แต่ถ้าใน “โลกเสมือน” ก็ไม่แน่


……………


ดูเหมือนปลายปีแบบนี้จะเป็นฤดูที่นักท่องเที่ยวชาวไทยเทใจให้ ฮ่องกง เพราะเป็นช่วงที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน แถมอากาศที่ฮ่องกงยังเย็นสบาย เหมาะกับการพักผ่อนที่สุด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ฮ่องกงจะกลายมาเป็นปลายทางระหว่างประเทศยอดนิยมอันดับ 2 รองจากโตเกียว ประจำปี 2558 ตามการรายงานของ สกายสแกนเนอร์ (Skyscanner)


จะเรียกว่าอิงกระแสก็คงได้ เพราะวันนี้เรามีโอกาสเดินทางมาเยือนฮ่องกงอีกครั้ง แต่คอนเซ็ปต์คราวนี้ค่อนข้างแตกต่างจากเดิม คือมาเพื่อความบันเทิงอย่างแท้จริง


ไม่ร้อนไม่หนาวเกินไปเมื่อเรามาถึง ฮ่องกง ดิสนีย์แลนด์ แม้จะเช้าอยู่มาก แต่ก็มีนักท่องเที่ยวมาถึงก่อนหน้าเราไม่น้อยทีเดียว


ดิสนีย์แลนด์รีสอร์ท รู้จักกันในชื่อทั่วไปว่า ดิสนีย์แลนด์ เป็นสวนสนุกและบริการโรงแรมที่พักในพื้นที่เดียวกัน สวนสนุกแห่งแรกของบริษัทดิสนีย์ตั้งอยู่ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา มีสัญลักษณ์คือปราสาทเจ้าหญิงนิทรา เปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2498 ในชื่อดิสนีย์แลนด์


สวนสนุกระดับโลกแห่งนี้มีโอกาสรับเสด็จฯ ในหลวง รัชกาลที่ 9 เมื่อปี พ.ศ.2503 ครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จประพาสดิสนีย์แลนด์ อเมริกา พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระราชธิดาและพระราชโอรส(สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร – รัชกาลที่ 10) โดยพระองค์ทั้ง 4 ทรงได้รับการต้อนรับอย่างดีจากนายวอลท์ ดิสนีย์


สำหรับสวนสนุกฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ เป็นดิสนีย์แลนด์รีสอร์ทแห่งที่ 3 ที่ตั้งอยู่นอกสหรัฐอเมริกา และเป็นแห่งที่ 2 ของเอเชียต่อจากญี่ปุ่น โดยเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2548 นับถึงวันนี้ก็ 11 ปีเต็มแล้ว


เราเดินเข้าไปทางด้านหน้าของสวนสนุกซึ่งกำลังคราคร่ำไปด้วยผู้คน ทุกคนต่างพากันแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใสในธีมดิสนีย์ เด็กสาวหลายคนลากชุดกระโปรงเจ้าหญิงในแบบที่ตัวเองชื่นชอบมาด้วย ส่วนเด็กชายก็มักจะมี “ดาบเจได” เป็นอาวุธคู่กาย


โลกเสมือนทำให้ทุกคนมีความสุข สวนสนุกแห่งนี้จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่รัฐบาลฮ่องกงให้ความสำคัญมาก เพราะแต่ละปีสามารถมอบความสนุกให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากทั่วโลกปีละนับล้านคน


ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ตั้งอยู่ทางเหนือของเกาะลันเตา บนชายหาดอ่าวเพนนีส์ (Penny's Bay) สร้างขึ้นมาจากการร่วมหุ้นระหว่างบริษัทวอลท์ดิสนีย์และรัฐบาลเขตปกครองพิเศษฮ่องกง โดยแบ่งการให้บริการออกเป็น 2 ส่วน คือ สวนสนุกและโรงแรมมากกว่า 1,000 ห้อง แม้ว่าพื้นที่ของสวนสนุกแห่งนี้จะค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับดิสนีย์แลนด์อื่นๆ แต่ก็ยังคงมีการขยายและเพิ่มเติมเครื่องเล่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง


อย่างล่าสุดก็มี Star Wars : Tomorrowland Takeover มาให้สาวกเจไดได้พิสูจน์ความสนุก แน่นอนว่า เราเองก็อยากมาเห็นกับตาเหมือนกันว่าจะสนุกและมันขนาดไหน แต่ก่อนจะสนุกได้ต้องจ่ายค่าตั๋วเข้าชมกันก่อน


ตั๋วเข้าชมฮ่องกงดิสนีย์แลนด์จะมี 2 แบบ (ค่าบัตรรวมค่าเครื่องเล่น) คือ แบบ 1 วัน ผู้ใหญ่ราคา 539 ดอลล่าร์ฮ่องกง, เด็ก(3-11 ปี) 385 ดอลล่าร์ฮ่องกง และผู้สูงอายุ(65 ปีขึ้นไป) ราคา 100 ดอลล่าร์ฮ่องกง และแบบ 2 วัน ผู้ใหญ่ราคา 739 ดอลล่าร์ฮ่องกง, เด็ก(3-11 ปี) 525 ดอลล่าร์ฮ่องกง และผู้สูงอายุ(65 ปีขึ้นไป) ราคา 170 ดอลล่าร์ฮ่องกง


เห็นราคาแล้วบางคนอาจจะบ่นว่าแพง แต่เราว่าเครื่องเล่นที่นี่มีให้เลือกเล่นเยอะมาก เล่นวันเดียวไม่หมดแน่ๆ ทางที่ดีซื้อตั๋วแบบ 2 วันไปเลยดีกว่า รับรองว่า ฟินกระจาย จะเล่นตั้งแต่เช้ายันเย็นก็ไม่มีใครว่า และถ้าไม่อยากเดินทางกลับเข้าไปพักในตัวเมืองก็ใช้บริการโรงแรมของที่นี่ได้ เพราะมีโรงแรมสไตล์ดิสนีย์ 2 แห่งให้บริการ คือ Disney Hollywood Hotel และ Hong Kong Disneyland Hotel


คราวนี้เราพักที่ Disney Hollywood Hotel เป็นโรงแรมรูปแบบคลาสสิกที่มีทุกอย่างพร้อมสรรพ สระว่ายน้ำที่นี่เป็นรูปเปียโนน่าว่ายน้ำเล่นมากๆ แต่ถ้าไม่อยากเปียกก็มีสวนสวยๆ ด้านหลังโรงแรมให้เดินเล่นกัน


โรงแรมนี้มีส่วนที่จัดแสดงรถวินเทจเก๋ๆ เข้ากับสถาปัตยกรรมสไตล์อาร์ตเดโคมากๆ มาพักแล้วเหมือนเป็นดาราฮอลีวูดอย่างไรอย่างนั้น แต่ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่บุฟเฟ่ต์อาหารเช้าที่ตอนกินข้าวจะได้ถ่ายรูปกับตัวการ์ตูนในตำนานอย่างมิกกี้,มินนี่, กู๊ฟฟี่, พลูโต ที่มาเดินมอบความสุขตามโต๊ะอาหาร ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ต่างก็หน้าบานกันไปเต็มๆ


อย่างที่บอกว่าเครื่องเล่นที่นี่มีเยอะ แถมไม่ซ้ำกับดิสนีย์แลนด์อื่นๆ ทั่วโลกด้วย ฉะนั้นใครที่เคยไปเล่นที่ญี่ปุ่นหรืออเมริกามาแล้วก็จะได้ความรู้สึกใหม่ๆ เมื่อมาใช้บริการเครื่องเล่นภายในฮ่องกงดิสนีย์แลนด์


แม้จะเล็กกว่าดิสนีย์แลนด์อื่นๆ แต่ก็เล่นเอาเดินเมื่อยอยู่เหมือนกัน เพราะถ้าเดินด้วยเท้าทั้งวัน เล็กแค่ไหนก็ใหญ่ได้เสมอ การวางแผนจึงเป็นสิ่งสำคัญ ก่อนอื่นเราเดินเข้าไปยังห้องประชาสัมพันธ์ที่อยู่ทางด้านซ้ายของทางเข้าเพื่อขอแผนที่ประกอบการท่องเที่ยว ใครไม่เก่งภาษาขอบอกว่า มีแบบภาษาไทยให้ด้วย เมื่อได้แผนที่มาแล้วก็มานั่งดูก่อนว่าจะไปที่ไหน ยังไง จากนั้นก็ลุยกันได้เลย


เราเดินผ่านเมนสตรีท U.S.A. เข้าไปด้านใน สองฟากฝั่งก็จะมีร้านจำหน่ายของที่ระลึกมากมาย ใครจิตอ่อนเป็นต้องเสียเงินในกระเป๋าแน่ๆ แต่เราค่อนข้างมั่นคง ตรงไปหาเครื่องเล่นที่ต้องการทันที


แอดเวนเจอร์แลนด์ เป็นโซนแรกที่เราเลี้ยวเข้าไป เพราะอยู่ทางด้านซ้ายของปราสาทเจ้าหญิงนิทราที่เป็นแลนด์มาร์คกลางสวนสนุก ในแอดเวนเจอร์แลนด์มีเครื่องเล่นหลายอย่าง ทั้งบ้านต้นไม้ของทาร์ซาน ที่จะต้องปีนป่ายผจญภัยไปบนยอดไม้ หรือจังเกิล ริเวอร์ ครูซ ล่องแพชิลล์ๆ ไปกับกัปตันสุดฮาเพื่อมุ่งหน้าชมธรรมชาติและสัตว์ป่าในแม่น้ำดึกดำบรรพ์


แต่เราเดินเลยจากจุดนี้เพื่อไปเล่นเครื่องเล่นที่มีความเถื่อนดิบเล็กๆ จากโลกตะวันตก นั่นคือ กริซลีย์ กัลช์ ซึ่งจะมีเจ้าหมีกริซลีย์ที่ส่งรถรางเหมืองแร่ออกจากหุบเขาตะลุยไปด้านหน้าและย้อนกลับมาด้านหลัง เพื่อวิ่งผ่านหุบเขาแห่งนั้นอีกครั้ง ระหว่างทางจะเจอทั้งน้ำพุร้อนที่ยังปะทุอยู่ และความหวาดเสียวมากมาย ใครเป็นโรคหัวใจไม่แนะนำเลยจริงๆ เพราะจะ “กรี๊ด” หนักมาก


ใช้เสียงกันมาพอสมควรเราเปลี่ยนไปหาอะไรเบาๆ เล่นกันบ้าง ที่บอกว่าเบาเพราะเบาจริงๆ คราวนี้ขอแปลงร่างเป็นเจ้าหญิงซินเดอเรลล่าในเทพนิยาย ปีนขึ้นหลังม้าเข้าไปอยู่ใน Cinderella Carousel เพลินจนไม่อยากออกมาเลย


ไม่ได้ๆ เพราะอย่างที่บอกว่าดิสนีย์แลนด์แห่งนี้แม้จะเล็กแต่ก็ใหญ่ ฉะนั้นเราต้องไปต่อ ตรงไปยังการแสดง “มิกกี้กับหนังสือนิทานวิเศษ” ที่โรงละครดิสนีย์ สตอรี่บุ๊คส์ ก่อนจะออกมาสู่ Tomorrowland ดินแดนแห่ง Star Wars


ในโซน Star Wars : Tomorrowland Takeover เราพบว่ามีเด็กหญิงชายจำนวนมากต่อแถวถือดาบเจไดเพื่อฝึกเป็นนักรบสู้กับเหล่าวายร้าย พวกเราทุกคนในที่นี้คือเจไดที่สามารถทำอะไรก็ได้ เพราะฉะนั้นหากมีใครบางคนออกสเต็ปท่าทางการต่อสู้หรือยกมือส่งพลังเจไดก็ขอให้เข้าใจว่า มันอินจริงๆ


สนุกกับการต่อสู้แล้วเราเดินเข้าไปพบกับ “ชิวบาคก้า” นักรบวู้คกี้ในตำนาน พร้อมกับหุ่นดรอยด์ “อาร์ทูดีทู” ผู้ช่วยนักบินผู้กล้าหาญและเป็นคู่หูของฮีโร่ในสตาร์วอร์ส ถ่ายรูปคู่เป็นที่ระลึกจนสะใจก็ออกมาหาอะไรสนุกๆ กันต่อ


ทุกคนพร้อมใจกันเลือก Buzz Lightyear Astro Blasters เพื่อปกป้องโลกจากตัวร้ายจักรพรรดิ เซิร์ก พวกเราทุกคนจะมีอาวุธปืนเลเซอร์คู่กายที่เมื่อเจอเหล่าร้ายจะต้องยิงใส่ สิ่งที่ได้กลับคืนมาคือคะแนนสวยๆ ถือเป็นการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นมาก


ดีกรีความสนุกเริ่มหยุดไม่อยู่ เราไปต่อกันที่เครื่องเล่น ไฮเปอร์สเปซ เมาท์เทน ที่จะต้องหลบหลีกกระสุนบลาสเตอร์ในขณะที่พุ่งผ่านการต่อสู้ของยานอวกาศที่ดุเดือดระหว่างยานเอ็กซ์วิง สตาร์ไฟต์เตอร์ของฝ่ายกบฏและยานไทไฟต์เตอร์ของฝ่ายจักรวรรดิ งานนี้มีเจ็บคอเพราะมันชวนกรีดร้องได้ดีจริงๆ


เหนื่อยนักออกมาพักบ้าง ใกล้ๆ กันนี้มี สตาร์ไลเนอร์ ไดเนอร์ เป็นร้านอาหารที่ให้บริการอาหารฟาสต์ฟู้ดหลายแบบ เราเลือกเบอร์เกอร์เนื้อมากินก่อนออกไปตะลุยในโลกในจินตนาการกันต่อ


เราชอบฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ตรงที่มีบริการรถเข็นให้เช่า และมีจุดจอดรถเข็นเป็นสัดส่วน พ่อแม่ที่พาเด็กๆ มาแล้วเกิดเมื่อยล้าสามารถเช่ารถเข็นเพื่อเข็นน้องๆ ไปในที่ต่างๆ ได้อย่างสบาย


ที่โซนแฟนตาซีแลนด์จะเห็นรถเข็นเด็กจอดเรียงแถวอยู่เยอะหน่อย เพราะโซนนี้มีเครื่องเล่นที่เด็กๆ เล่นได้หลายชนิด แต่ผู้ใหญ่อย่างเราๆ ก็สามารถสนุกได้เช่นกัน ไม่ว่าจะนั่งเล่นชิลล์ๆ ในแฟนตาซีการ์เดน หรือนั่งช้างดัมโบ้ทะยานฟ้า บริเวณนี้มีจุดที่เหมาะกับการถ่ายรูปมากมาย แนะนำให้ใช้เวลาในโซนนี้อย่างคุ้มค่าที่สุด


เดินออกมาก็บ่ายมากแล้ว ใกล้เวลา 15.30 น. เข้าไปทุกที พวกเราทุกคนพร้อมใจกันเดินกลับไปที่เมนสตรีท U.S.A.เพื่อรอชมขบวนพาเหรดที่เหล่าบรรดาตัวการ์ตูนในดิสนีย์จะพร้อมใจกันออกมาเต้นรำและเดินขบวนเพื่อพบปะกับทุกๆ คน ถือเป็นไฮไลท์หนึ่งของการท่องเที่ยวฮ่องกงดิสนีย์แลนด์เลยทีเดียว แต่ถ้าพลาดก็ยังมีอีกรอบประมาณ 19.30 น. รอบนี้จะมีการประดับรถราด้วยไฟที่สวยงาม แปลกตาน่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน


ขณะเดินขบวนพาเหรด ตัวการ์ตูนทั้งหลายอาจไม่สะดวกที่จะถ่ายรูปกับพวกเรา อย่าได้เสียใจไป เพราะสามารถพบพวกเขาได้ในสถานที่ต่างๆ อย่างชิปและเดล คู่หูขี้เล่นจะรอพบเพื่อนๆ อยู่ในเมนสตรีทนี่แหละ เหมือนกับดัฟฟี่และผองเพื่อนที่จะมาเจอกันวันละ 3 เวลา


โอกาสเจอตัวการ์ตูนอื่นๆ อาจจะน้อย แต่ถ้าเป็นพลูโตละก็ วันละ 5 เวลาเลย สามารถพบเขาได้ที่เมนสตรีท ส่วนสาวกของโดนัลด์และเดซี่ พบพวกเขาที่ทาวน์สแควร์ได้ถึงวันละ 6 รอบ


ตัวเอกของฮ่องกงดิสนีย์แลนด์อย่างมิกกี้และมินนี่ก็อยู่ที่ทาวน์สแควร์เหมือนกัน แต่อาจจะสลับรอบกับโดนัลด์และเดซี่บ้าง รอบการพบปะก็จะน้อยกว่าด้วย คือมีแค่ 3 ครั้งต่อวัน มาถึงแล้วกรุณาเข้าแถวด่วนๆ


สำหรับใครที่ต้องการเดินทางมาตามหาเจ้าหญิงในเทพนิยาย แนะนำให้ดูตารางเวลากันให้ดีๆ เพราะเจ้าหญิงเหล่านี้จะไม่ปรากฏตัวบ่อยนัก จะมาเป็นรอบๆ และอยู่ต่างสถานที่กัน อย่างซินเดอเรลล่าจะออกมาพบผู้คนในช่วงสายๆ และเย็นๆ วันละ 3 รอบที่ปราสาทของเจ้าหญิงนิทรา ส่วนสโนว์ไวท์ก็จะปรากฏกายที่เดียวกันแต่ต่างเวลาออกไป ทิงเกอร์เบลจะรอทุกคนอยู่ในป่าเทพนิยาย ใครอยากเจอเอลซ่า แนะนำว่าไปที่รอยัล แบงเควท ฮอลล์ เทอเรส แล้วจะได้พบกับเธอแน่นอน


เราเพลิดเพลินกับการจินตนาการว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายในเทพนิยายกันจนตะวันจะลาลับ หลายคนอยากจะพาตัวเองกลับไปที่ Disney Hollywood Hotel เพื่อพักผ่อนร่างกาย ก่อนจะกลับมาสู่โลกเสมือนจริงอีกครั้งในเช้าวันใหม่ แต่สำหรับเรา เลือกที่จะนั่งรอชมการแสดงดอกไม้ไฟ Disney in The Stars ตอน 21.00 น.


เมื่อสิ้นแสงอาทิตย์ ทุกคนค่อยๆ พากันทยอยมาจับจองที่นั่งด้านหน้าปราสาทเจ้าหญิงนิทราเพื่อรอเวลาการแสดงพลุไฟ เรามานั่งรอก่อนการแสดงเกือบ 1 ชั่วโมง แต่มันไม่ได้น่าเบื่อเลย เพราะทุกคนต่างพูดคุยและได้แลกเปลี่ยนเรื่องราวการผจญภัยในโลกแห่งเทพนิยายกันอย่างสนุก จนลืมว่าตอนนี้คือเวลาแห่งการรอคอย


ไฟทุกดวงดับหมดแล้ว เสียงพิธีกรสาวประกาศว่าดอกไม้จะเริ่มแสดง พวกเราแหงนหน้าขึ้นไปมองฟ้าเหนือปราสาท พร้อมๆ กับนับเวลาถอยหลัง


“ปัง ปัง ปัง ปัง...”


เสียงดอกไม้ไฟดังขึ้นก่อนที่ดวงไฟสีสันต่างๆ จากดอกไม้ไฟจะปรากฏ รูปแบบของดอกไม้ไฟมีหลากหลาย บ้างส่งแสงระยิบระยับ บ้างร่วงหล่นจากฟากฟ้าเป็นสาย สวยงามแปลกตาจนแทบลืมหายใจ ช่างเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองที่มีความสุขที่สุดจริงๆ


……………….


ในโลกเสมือนจริงเราสามารถเป็นได้ทุกอย่างที่ต้องการ ในโลกแห่งความเป็นจริงก็เช่นกัน เราสามารถเป็นสิ่งที่เราอยากเป็นได้ ถ้าใจต้องการ


………….


การเดินทาง


สายการบินแอร์เอเชีย มีเที่ยวบินให้บริการจากเมืองไทยไปฮ่องกงหลายเส้นทาง คือ ดอนเมือง-ฮ่องกง วันละ 3 เที่ยวบิน, ภูเก็ต-ฮ่องกง วันละ 1 เที่ยวบิน และเชียงใหม่-ฮ่องกง วันละ 1 เที่ยวบิน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.airasia.com


จะไปสวนสนุกฮ่องกงดิสนีย์แลนด์สามารถเดินทางได้ทั้งรถไฟฟ้า(MTR) โดยลงที่สถานี Disneyland Resort ส่วนการเดินทางโดยรถยนต์ ใช้เวลาเพียง 10 นาทีจากสนามบินนานาชาติฮ่องกง และ 30 นาทีจากตัวเมืองฮ่องกง หรือดูรายละเอียดที่ www.hongkongdisneyland.com