บิ๊กคาเมร่า รับอานิสงส์ช้อปช่วยชาติ-ตลาดกล้องโตดันกำไรปี59

นายธนสิทธิ์ เธียรกาญจนวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BIG กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปีนี้คาดจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากตลาดกล้องมิลเลอร์เลสที่เติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งยังได้รับอานิสงส์จากมาตรการ “ช้อปช่วยชาติ” และยอดขายจากงานโฟโต้แฟร์ ช่วยผลักดันให้ภาพรวมของรายได้และกำไรในปีนี้ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง

ขณะที่ บล.กรุงศรี เผยแพร่บทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น บิ๊ก คาเมร่า ทั้งนี้ราคาหุ้นมี discount จากหุ้นอื่นในกลุ่มถึง 20% ในแง่ P/E ปี 2560 โดยคาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 1 ปี 2560 จะแข็งแกร่งขึ้นจากอุปสงค์กล้อง Fuji XA3 ที่อั้นมาจากช่วงก่อนหน้าและกล้องรุ่นใหม่ๆ ทำให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรในปี 2560 ขึ้นอีก 10%

นอกจากนี้ ยังคาดว่ายอดขายกล้องของบิ๊กคาเมร่าเดือนต.ค.-พ.ย. เติบโต 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดจะโตต่อเนื่องเดือนธ.ค. จากยอดขายกล้องรุ่นใหม่ และช้อปช่วยชาติ 

อีกทั้งยังได้ปรับเพิ่มประมาณการยอดขายปี 2560 เพิ่มขึ้น เพื่อสะท้อนถึงแนวโน้มยอดขายกล้องที่แข็งแกร่งในปีหน้า ส่งผลให้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอีก 10% ทั้งนี้ราคาขายกล้องรุ่นใหม่ที่เพิ่มขึ้น (20-25%) จะหนุนการเติบโตของยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นปีหน้า 

“เรามองว่าปริมาณยอดขายกล้องมิลเลอร์เลสในไทย ต่ำแค่ประมาณ 200,000 ตัวต่อปีเท่านั้น เมื่อเทียบกับยอดขายในช่วง peak ของกล้องดิจิตอลปี 2555 ที่ 1 ล้านตัว เราคิดว่าสินค้าตัวนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของวัฏจักรการเติบโต เนื่องจากตลาดกล้องถ่ายรูปเพิ่งจะเริ่มฟื้นตัวประมาณปี 2558 (+1.4% yoy) จาก -31% yoy และ -13% yoy ในปี 2556-2557"

ส่วน บล.กสิกรไทย ประเมินว่ากำไร บิ๊กคาเมร่า ปี 2559-2561 จะอยู่ที่ระดับ 790 ล้านบาท 991 ล้านบาท และ 1.2 พันล้านบาท คิดเป็นการเติบโตที่ 72% 25% และ23% เนื่องจากการเติบโตด้านยอดขายกล้องมิลเลอร์เลสที่แข็งแกร่ง 

“เราชอบ BIG เนื่องจากบริษัทมีการเติบโตด้านกำไรที่แข็งแกร่งและมีอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ที่ 69%“

ทั้งนี้ เชื่อว่าสื่อสังคมออนไลน์ จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญต่อตลาดกล้องของไทย จากจำนวนผู้คนที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่โตขึ้นอย่างแข็งแกร่งที่ 19% นอกจากนี้ เรายังมองว่าวัฏจักรผลิตภัณฑ์รอบใหม่ก็จะเป็นอีกปัจจัยสำคัญในไตรมาส 4 ปี 2559 และปี 2560 

บล.กสิกรไทย ระบุด้วยว่า จากปัจจัยดังกล่าว จึงคาดว่ากำไรไตรมาส 4 ปีนี้ จะแตะจุดสูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งจะนำมา ซึ่งปัจจัยสำคัญต่อราคาหุ้นในระยะสั้นในช่วงของการประกาศผลประกอบการ ทั้งนี้ ปัจจุบันหุ้นซื้อขายที่ PER 16 เท่าสำหรับปี 2560 และ PER 13 เท่าในปี 2561