‘กรมศุลกากร’จับไวอากร้าเถื่อน 120 ล้าน

‘กรมศุลกากร’จับไวอากร้าเถื่อน 120 ล้าน

“กรมศุลกากร”จับไวอากร้าเถื่อน 120 ล้าน หลังลักลอบเลี่ยงภาษี

นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากรเปิดเผยว่า กรมศุลกากร โดยเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.)ได้ดำเนินการจับกุมสินค้าต้องกำกัดประเภทยาไวอากร้าและบุหรี่ต่างประเทศ ที่ลักลอบและหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร รวมมูลค่าของกลางทั้งสิ้นกว่า 130 ล้านบาท

สำหรับการจับกุมยาไวอากร้านั้น เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ได้ดำเนินการตรวจสอบตามใบขนสินค้าขาเข้าเลขที่ A019-05912-05055 ซึ่งสำแดงชนิดสินค้าเป็นกลองชุด (Musical Instrument:Drum sets) น้ำหนักรวม 3 ตัน จำนวน 82 ชิ้น โดยแอบอ้างสวมชื่อบริษัทในการนำเข้า สินค้าดังกล่าวผลิตจากประเทศอินเดีย ส่งมาทางเครื่องบินไปยังประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นจุดพักสินค้าและส่งต่อมาทางเรือยังประเทศไทย ผลการตรวจสอบพบของกลางดังกล่าวพบว่า เป็นยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ยี่ห้อ Kamagra และ Apcalis ทั้งชนิดเม็ด ซองและเจล รวมจำนวนกว่า 2 ล้านชิ้น รวมมูลค่ากว่า 120 ล้านบาท

กรณีดังกล่าวถือเป็นความผิดฐานนำเข้าสินค้าต้องกำกัดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่มีใบอนุญาต ซึ่งสินค้าดังกล่าวจะต้องมีการขอใบอนุญาตก่อนการนำเข้าจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และเป็นการสำแดงชนิด ปริมาณ/จำนวน และน้ำหนักเป็นเท็จ อันเป็นความผิดตาม มาตรา 99,27 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 ประกอบกับมาตรา 16 , 17 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2482 และนำของกลางส่งกรมศุลกากรเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ส่วนบุหรี่ต่างประเทศนั้น เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษดังกล่าวได้นำกำลังสกัดกั้นขบวนการลักลอบขนบุหรี่เถื่อน ซึ่งมีเมืองกำเนิดต่างประเทศลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่มีหลักฐานการชำระค่าภาษีทั้งศุลกากรและสรรพสามิต รวมจำนวน 632 ลัง หรือ 6,320,000 มวน รวมมูลค่ากว่า 12,000,000 บาท และนำของกลางส่งกรมศุลกากรเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สำหรับบุหรี่ดังกล่าวเป็นบุหรี่เถื่อนลักลอบที่มีแสตมป์ สืบพบว่า นำแสตมป์ไปติดที่ประเทศผู้ผลิต (จีน) และนำเข้ามาโดยไม่ได้ชำระค่าภาษีศุลกากรและค่าอากรแสตมป์ของสรรพสามิต ซึ่งหากไม่มีการตรวจสอบโดยละเอียดและไม่ได้ถูกจับกุมจะสามารถนำไปวางจำหน่ายในท้องตลาดได้ทันที

นายกุลิศ กล่าวด้วยว่า กรมศุลกากรจะเข้มงวดในการปฏิบัติการตรวจค้นจับกุมสินค้าลักลอบหลีกเลี่ยงตามพระราชบัญญัติศุลกากรและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง โดยดำเนินการตามนโยบายของอธิบดีที่เน้นย้ำให้ดำเนินการด้วยความถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรม เพื่อเป็นการให้ความคุ้มครองกับกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจที่สุจริตและประกอบอาชีพอย่างถูกต้องตามกฎหมาย